บทที่ 2 พวกเขาพูดไปก็ไม่มีผล

by จินเหอซี 08:30,Apr 26,2021
โจวหลิงน้ำตาคลอเบ้า รู้สึกเสียใจอย่างมาก

เธอยอมรับว่าเธอจน แต่คนจนจำเป็นต้องโดนรังแกอย่างนั้นหรอ?

"พี่มาได้ยังไงคะ?"

โจวหลิงฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับเดินมาตรงหน้าของโจวเทียน

โจวหลิงมองดูน้องสาวที่แสนว่านอนสอนง่ายของตัวเอง ก็รู้สึกเจ็บใจ

เขารู้ว่าน้องสาวทำงานช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่ไม่รู้เลยว่าสภาพที่ทำงานจะเป็นแบบนี้

"พี่เป็นห่วงเรา เลยมาดูแล้วก็เอาค่าเทอมมาให้เราด้วย"

โจวเทียนยิ้มให้โจวหลิงอย่างอ่อนโยน

ส่วนเผิงน่าพอเห็นแบบนี้ ภายในใจก็ยิ่งดูถูกโจวเทียน

ไม่แปลกใจทำไมถึงใส่เสื้อผ้าโทรมๆขนาดนี้ โวยวายตั้งนานที่แท้ก็เป็นพี่ชายโจวหลิง

"ภัตตาคารของเราเป็นสถานที่ชั้นสูง ไม่ใช่ที่ๆใครจะเข้ามาก็ได้ ถ้านายไม่ได้มาใช้บริการก็รีบไสหัวออกไปซะ"

เผิงน่ามองโจวเทียนอย่างแปลกประหลาดพร้อมกับเอ่ย

โจวเทียนเหลือบมองเผิงน่า"เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่ได้มาใช้บริการ?"

"เห้อะ ไม่ส่องกระจกดูสารรูปตัวเองบ้างหรือไง แต่งตัวอย่างกับขอทานขนาดนี้ แกมีปัญญาจ่ายหรือไง?"

เผิงน่าเบ้ปากอย่างดูถูกก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา

จ่ายไม่ไหว?

โจวเทียนรู้สึกว่ามันน่าตลกเป็นบ้า ทุกวันนี้มีแต่คนโง่ตัดสินคนอื่นที่ภายนอกเต็มไปหมด

"พี่อย่าไปทะเลาะกับเธอเลย พี่กลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวหนูเลิกงานแล้วจะไปหาพี่"

โจวหลิงกลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ จึงรีบดันตัวโจวเทียน

โจวเทียนพอเห็นสีหน้าร้อนใจของน้องสาว ก็ไม่อยากให้น้องตัวเองลำบาก ก็เตรียมตัวจะเดินออกไปจากที่นี่ รอน้องสาวเลิกงานแล้วค่อยคุยกัน

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า ตอนนั้นเองเผิงน่าก็เอ่ยขึ้นมา"โจวหลิง หล่อนไม่ต้องรออะไรทั้งนั้น ตอนนี้หล่อนเลิกงานไปได้เลย"

โจวหลิงพอได้ยินดังนั้นก็ชะงัก "พี่เผิง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานเลยนะคะ"

"ไม่ต้องรอเลิกงาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหล่อนไม่ต้องมาทำงานแล้ว หล่อนถูกไล่ออก"

เผิงน่าส่งเสียงไม่พอใจ

โจวหลิงได้ยินดังนั้นก็ตะลึง กว่าจะหางานได้มันไม่ง่ายเลยนะ ยังเหลืออีกตั้งหลายวันกว่าจะเปิดเทอม อย่างน้อยช่วงเวลานี้ก็ยังสามารถหาเงินได้อีกสักหน่อย

"ฉันดูแล้วเธอก็เป็นแค่หัวหน้าคนงานเอง เธอมีสิทธิ์อะไรมาไล่น้องสาวฉันออก?"

โจวเทียนเอ่ยถามเผิงน่า

"ไอ้โง่ นายรู้หรือเปล่าว่าแฟนฉันเป็นใคร?ถ้าฉันบอกว่าไล่น้องสาวนายออก น้องสาวนายก็ทำงานที่นี่ต่อไปไม่ได้ เข้าใจมั้ย?"

พอพูดถึงแฟนหนุ่มของตัวเอง เผิงน่าก็หยิ่งผยองขึ้นมาทันที

"เบบี๋ กำลังทะเลาะอะไรกันน่ะ หมอนี่ใคร?"

ตอนนั้นเอง ชายวัยกลางคนพุงพลุ้ยก็เดินเข้ามา

ชายคนนี้สวมใส่ชุดสูท หน้าตาสะอาดสะอ้าน พอเดินเข้ามาก็โอบไหล่เผิงน่า

เผิงน่าก็รีบเปลี่ยนท่าทางเป็นอ่อนหวานขึ้นมาทันที มองหน้าซุนเฉิงอย่างชื่นชม,"พี่ซุนขา ไอ้บ้านนอกนี่เป็นพี่ชายของโจวหลิง พี่รีบไล่โจวหลิงออกเลยนะ พอเห็นครอบครัวหล่อนแล้วหนูหงุดหงิดชะมัด"

"อ่อ?"

ซุนเฉิงหรี่ตามองหน้าโจวเทียน ก่อนจะส่งเสียงขึ้นจมูก

สามารถเป็นถึงผู้จัดการของภัตตาคารหรู ซุนเฉินก็เห็นคนมาทุกรูปแบบ ฉะนั้นพอเห็นการแต่งกายของโจวเทียน เขาก็ดูถูกอยู่ภายในใจ

"โจวหลิงก็ตั้งใจทำงานดีไม่ใช่หรอ ทำไมต้องไล่เธอออกล่ะ?"

ซุนเฉิงชำเลืองมองโจวหลิงด้วยความโลภ เขาอยากจะได้โจวหลิงมานานแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีโอกาส

เผิงน่าพอได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจ,"ทำไมจะต้องมีทำไมล่ะคะ หนูแค่ไม่ชอบเห็นหน้ามันมาสลอนอยู่ตรงหน้า"

ซุนเฉิงไม่ได้เอ่ยอะไร เผิงน่าก็โมโห"เหอะ พี่ชอบมันใช่มั้ยคะ?ที่แท้ผู้ชายก็ไม่มีดีสักคน ได้ใหม่แล้วลืมเก่า!"

"เปล่าจ๊ะๆ ฮ่าฮ่า อย่าโกรธสิจ๊ะเบบี๋!หล่อนเป็นใครกัน พี่จะไล่หล่อนออกเดี๋ยวนี้แหละจ๊ะ"

ซุนเฉิงหัวเราะออกมาจากนั้นก็เอ่ยกับโจวหลิง:"ไปรับเงินที่ห้องการเงิน แล้วเธอก็กลับบ้านไปได้เลย"

"หักค่าแรงวันนี้ด้วย ใครสั่งให้หล่อนออกไปแรดไม่ยอมทำงานดีๆ หึ"

เผิงน่าเอ่ยกับโจวหลิงอย่างสะใจ

โจวหลิงก้มหน้าก้มตาไม่เอ่ยปากอะไร ภายในใจเธอรู้สึกเสียใจมากๆ

ขณะที่กำลังจะเดินไปห้องการเงิน โจวเทียนกลับรั้งเธอไว้

"น้องพี่เราอย่าเสียใจไป ที่พวกนั้นพูดไม่มีผลอะไร"

โจวหลิงเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ เธอพบว่าพี่ชายของเธอตอนนี้ไม่ค่อยเหมือนกับแต่ก่อน

ส่วนไม่เหมือนกันตรงไหนนั้น เธอก็บอกไม่ถูก

พอซุนเฉิงได้ยินคำพูดของโจวเทียน ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเอ่ย:"ถ้าฉันพูดแล้วไม่มีผล แล้วแกพูดมันมีผลหรือไง?"

"ฮ่าฮ่า ไอ้โง่อย่างแกนี่มันตลกจริงๆ พี่ซุนฉันเป็นถึงผู้จัดการ นายกลับคิดว่าเขาพูดไม่เป็นผล "

เผิงน่าหัวเราะจนตัวงอ มองโจวเทียนเหมือนมองคนโง่

"พี่คะไม่เป็นไรหรอก พี่กลับไปก่อนเถอะ หนูไปรับเงินแล้วก็จะไปเหมือนกัน"

โจวหลิงเอ่ยกับโจวเทียนเสียงเบา เห็นซุนเฉิงกับเผิงน่าหัวเราะเยาะพี่ชายตัวเองแบบนี้แล้ว เธอก็รู้สึกสงสารจับใจ

"คนที่ควรจะไปคือพวกมัน"

โจวเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แถมยังดึงแขนโจวหลิงเอาไว้ไม่ให้เธอไปไหน

"พอๆ รีบไสหัวไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับแก"

ซุนเฉิงโบกมือไล่โจวเทียนอย่างรำคาญ

โจวเทียนไม่ได้สนใจซุนเฉิง กลับเอ่ยถามโจวหลิง:"เรามีเบอร์เถ้าแก่มั้ย?"

"มีค่ะ"

โจวหลิงพยักหน้า แต่ไม่รู้ว่าโจวเทียนต้องการจะทำอะไร

"ทำไม แกคิดจะฟ้องเถ้าแก่ของพวกเราหรือไง?ฉันบอกอะไรแกให้อย่างมันไม่มีประโยชน์หรอกนะ ไอ้ขยะอย่างแก เถ้าแก่ของพวกเราไม่มีทางสนใจ"

เผิงน่าเอ่ยวาจาเสียดสีโจวเทียน

"น้องพี่ โทรหาเถ้าแก่ของเรา ให้เขามาที่นี่หน่อย พี่อยากจะซื้อภัตตาคารซีฟู๊ดแห่งนี้"

โจวเทียนเอ่ยเสียงขรึม

"หา?"

โจวหลิงมึนงงไปเลย แต่ว่าเธอก็โทรหาเถ้าแก่

ซุนเฉินกับเผิงน่าต่างพากันชะงัก แต่ไม่นานพวกเขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

"ฮ่าฮ่า ไอ้โง่เอ้ยย"

"พี่ซุน หนูไม่ไหวแล้ว ไอ้โง่นี่มันเล่นอะไรตลกเป็นบ้า"

โจวเทียนทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกา พาโจวหลิงมายืนรอเถ้าแก่

ไม่ถึงหนึ่งนาที เถ้าแก่ก็เดินลงมาหา

"กระผมแซ่สวี่ ขออนุญาตสอบถามครับคุณคือคนที่อยากจะซื้อภัตตาคารของผม?"

เถ้าแก่สวี่เอ่ยถามโจวเทียนอย่างสุภาพ

"เภ้าแก่อย่าไม่สนใจมันเลยครับ ไอ้นี่มันบ้า"

"นั่นน่ะสิคะเถ้าแก่ เถ้าแก่ดูสารรูปจนๆของมันสิ"

ซุนเฉิงและเผิงน่ายืนอยู่ด้านข้างอีกด้านหนึ่งอย่างประจบสอพลอ เอ่ยเตือนสติเถ้าแก่สวี่

เถ้าแก่สวี่ผ่านโลกมามาก เขาไม่ได้ดูถูกโจวเทียนเลยด้วยซ้ำ

"คุณผู้ชายครับ โรงแรมของผมกิจการดีมากเลยครับ ฉะนั้นท่านต้องจ่ายอย่างน้อย 5 ล้าน ผมถึงจะยอมขายให้ท่านนะครับ"

เถ้าแก่สวี่เอ่ยถามโจวเทียนอย่างลองใจ

จริงๆมูลค่าจริงๆของมันคือ 3 ล้านหยวน แต่ว่ากิจการของโรงแรมถือว่าดีเลยทีเดียว ดังนั้นเถ้าแก่สวี่จึงจงใจอัพราคาขึ้นไปอีก

"ได้สิ คุณไปเตรียมสัญญาแล้วก็เอาเลขบัญชีมา แล้วผมจะโอนเงิน 5 ล้านให้คุณตอนนี้เลย "

โจวเทียนเอ่ยนิ่งๆ

"ครัย……,ได้เลยครับคุณผู้ชาย!"

เถ้าแก่สวี่ดีใจสุดๆ คุณผู้ชายท่านนี้ไม่แม้แต่ต่อราคา ขายได้ในราคา 5 ล้านหยวน นี่มันราคาสูงเฉียดฟ้าเลยด้วยซ้ำ

เถ้าแก่สวี่พาโจวเทียนไปที่ห้องการเงิน ไม่นานเงิน 5 ล้านหยวนก็ถูกโอนเข้าบัญชี

กลับมาที่ล็อบบี้โรงแรมอีกครั้ง เถ้าแก่สวี่ก็ยังรู้สึกเหมือนกำลังฝัน

เขาขายได้ในราคาเป็นเท่าตัว มันเยอะกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก!

มองดูเสื้อผ้ามอซอของโจวเทียน เถ้าแก่สวี่ก็ลอบถอนใจภายในใจ สมัยนี้คนมีเงินชอบทำตัวติดดินขนาดนี้หรอ

ซุนเฉิงกับเผิงน่าก็กระวนกระวายใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าโจวเทียนเสแสร้งแกล้งทำ ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอีกฝ่ายจะพูดจริงทำจริง

ต้องโทษตัวเองที่มีตาหามีแววไม่ ซวยแล้วไงเรา!

"คุณผู้ชายครับ ผมเก็บของครู่เดียวก็จะไปแล้วครับ โรงแรมแห่งนี้เป็นของท่านแล้ว"

เถ้าแก่สวี่พอใจเป็นอย่างมาก จับมือของโจวเทียนอย่างชื่นชมยินดี จากนั้นก็เดินขึ้นไปเก็บของ

"เถ้าแก่……"

ซุนเฉิงและเผิงน่าเดินตัวสั่นเข้ามาตรงหน้าโจวเทียน อีกนิดเดียวก็เกือบจะคุกเข่าแล้ว

จะไม่ให้กังวลได้ยังไง ตอนนี้โจวเทียนเป็นถึงเถ้าแก่คนใหม่ของพวกเขา

สองคนที่แสดงท่าทางเย่อหยิ่งกร่างไปทั่ว ตอนนี้กลับทำตัวหงอเป็นเด็กน้อยตรงหน้าโจวเทียน

"ตอนนี้พวกนายสองคนไสหัวออกไปได้แล้ว"

โจวเทียนยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม มองหน้าซุนเฉิงและเผิงน่า

พอทั้งสองคนได้ยินก็เหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางแสกหน้า ไม่คิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้

ยอมจ่ายเงิน 5 ล้านหยวน เพื่อไล่คนพวกนี้ออก ใช้เงินตามอำเภอใจอะไรขนาดนี้……

"เถ้าแก่เห็นใจผมเถอะนะครับ ครอบครัวผมยังมีเมียมีลูกให้ต้องเลี้ยง ไหนจะค่าบ้านอีก ผมเสียงานนี้ไปไม่ได้จริงๆ……"ซุนเฉิงไม่สนใจหน้าตาตัวเอง คุกเข่าอ้อนวอนตรงหน้าโจวเทียน

"เถ้าแก่เก็บหนูไว้เถอะนะคะ เถ้าแก่จะให้หนูทำอะไร หนูทำได้หมด"เผิงน่าเขย่าแขนของโจวเทียนพร้อมกับใช้มารยาหญิง

"นังแรดหุบปากเลยนะ!ถ้าไม่ใช่เพราะแกฉันจะทำให้เถ้าแก่โกรธแบบนี้มั้ย?"

"ไอ้เวรซุนเฉิง แกเอาฉันฟรีๆมาปีกว่ากล้ามาเรียกฉันนังแรดงั้นหรอ?"

"……"

หมาสองตัวกัดกันไปกันมาภายในล็อบบี้โรงแรม

โจวเทียนขมวดคิ้ว โบกมือเรียกรปภ.มาไล่ทั้งสองคนออกไป

"น้องพี่ ต่อไปโรงแรมนี้เป็นของเราแล้วนะ เราว่างๆก็เข้ามาดูแลหน่อยละกัน"

โจวเทียนเอ่ยกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

โจวหลิงยังไม่หายช็อก เอ่ยพึมพำ:"พี่ ทำไมพี่มีเงินเยอะแยะขนาดนี้"

"ต่อไปเดี๋ยวเราก็รู้เอง พี่ไปก่อนล่ะ"

โจวเทียนยิ้มบางๆ จากนั้นก็จากไป

โบกมือเรียกแท็กซี่คันหนึ่ง แล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน

พอมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นรถ BMW ซีรี่ส์ 7 คันใหม่เอี่ยมจอดอยู่

โจวเทียนไม่ได้สนใจอะไร แต่พอนึกถึงแม่ยายที่เขี้ยวลากดิน เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับเดินขึ้นไป

พอเข้ามาในห้อง ก็เห็นใบหน้าของจางซูยวิ๋นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นำจาานผลไม้ที่เพิ่งล้างไปวางตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง

"เสี่ยวเฟยจ้ะ รั่วเสวี่ยอีกเดี๋ยวก็คงเลิกงานแล้ว เรานั่งรอก่อนสักครู่นะจ้ะ เดี๋ยวน้าคุยเป็นเพื่อน"

จางซูยวิ๋นต้อนรับเฉียนเสี่ยวเฟยอย่างอบอุ่น

เฉียนเสี่ยวเฟย เป็นคุณชายแห่งเฉียนกรุ๊ปของเมืองเป่ยชวน เพิ่งเรียนจบจากเมืองนอกกลับมา

เขาเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาคนที่ตามจีบหลี่รั่วเสวี่ย ตามจีบอย่างบ้าคลั่งมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย เพียงแต่ว่าไม่เคยสมหวัง

กลับมาคราวนี้ เฉียนเสี่ยวเฟยยังคงคะนึงถึงหลี่รั่วเสวี่ย

อะไรที่ได้มายากๆ มันมักจะเป็นของล้ำค่าเสมอ

หลี่รั่วเสวี่ยแต่งงานไปกับสามีพิการ นี่เป็นเรื่องที่เขาได้ยินมา

เขาทั้งอิจฉาและไม่ยินยอม และเขาก็รู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสที่จะแย่งเธอมา

"ได้สิครับคุณน้า เอ้ะ คนนี้คือ……"

พอเห็นโจวเทียนเดินเข้ามา เฉียนเสี่ยวเฟยก็ชะงัก

"เหอะ หมอนี่ก็สามีพิการของรั่วเสวี่ยไงล่ะจ๊ะ"

จางซูยวิ๋นมองโจวเทียนอย่างไม่สบอารมณ์"เอ่ยไว้ดิบดีว่าจะไสหัวไป ยังมีหน้ากลับมาอีกหรอยะ?"

"หึหึ หมอนี่เองหรอครับสามีของรั่วเสวี่ย ผมพอจะนึกออกแล้วว่าหลายปีมานี้รั่วเสวี่ยใช้ชีวิตยังไง"

เฉียนเสี่ยวเฟยยิ้มเยาะ เมื่อเห็นโจวเทียนสวมชุดเก่า ๆแบบนี้เขาก็นึกรังเกียจอยู่ในใจ

คนจนแบบนี้ คู่ควรที่จะครอบครองรั่วเสวี่ยเรอะ?

โจวเทียนไม่ได้เอ่ยอะไร มองเฉียนเสี่ยวเฟยนิ่งๆ จากนั้นก็เดินไปยังห้องของตัวเอง

"มีแขกไม่รู้จักทักทายหรือไงกัน?ไม่มีใครสั่งสอนหรือไง!เอ้ะ ทำไมขาแกเดินคล่องแล้วล่ะ?"

จางซูยวิ๋นตกใจสุดๆ ภายในใจก็คิดทำไมไอ้เป๋นี่จู่ๆก็หายแล้วล่ะ

"แม่คะ หนูกลับมาแล้ว"

ตอนนั้นเอง ก็มีสาวหน้าตาสวยหวาน หุ่นเพรียวขาเรียวระหงเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องรับแขก

พอหญิงสาวคนนี้เดินเข้ามา แววตาของโจวเทียนก็อบอุ่นทันทีพร้อมกับหยุดเดิน

พอเฉียนเสี่ยวเฟยเห็นหญิงสาวคนนี้เข้า ก็ดีใจจนเนื้อเต้น รีบลุกขึ้นยืนในมือถือดอกไม้ เดินไปต้อนรับ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1672