บทที่ 7 ลงทุนพันล้าน
by จินเหอซี
08:30,Apr 26,2021
เถ้าแก่ร้านทองส่งคนมามอบสร้อยคอ เป็นเรื่องที่โจวเทียนไม่คาดคิด
แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงท่าทีกระตือรือร้นของเถ้าแก่ร้านทองวัยกลางคนนั่น โจวเทียนก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ต้องเป็นเพราะเถ้าแก่ร้านทองต้องการผูกมิตรกับเขา เขาจึงส่งสร้อยเพชรมาให้
สำหรับเหตุผลที่เขาต้องการเป็นเพื่อน ตอนนี้โจวเทียนยังคิดไม่ออก
"วันนี้ตอนอยู่ที่ร้านทอง เถ้าแก่คนนั้นยกสร้อยเพชรเส้นนี้ให้ผม"
โจวเทียนกล่าว
พอจางซูยวิ๋นได้ยินดังนั้นเธอก็รู้สึกขบขัน "ฮ่าฮ่า เดี๋ยวนี้แกชักเหลวไหลจริงๆ พูดโกหกได้หน้าตาเฉยเก่งจริงๆเลยนะ "
โจวเทียนรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรจางซูยวิ๋นก็ไม่เชื่อ ดังนั้นเขก็ขี้เกียจที่จะอธิบายอะไรอีก
หลี่รั่วเสวี่ยเฝ้าดูโจวเทียนอยู่ข้างๆ ภายในใจของฌะอเธอรู้สึกสับสนมาก
เธออยากจะเชื่อในตัวโจวเทียน แต่สองเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ยากที่จะเชื่อจริงๆ
"แม่คะ เราอย่าไปอยากได้ของคนอื่นมาฟรีๆ สร้อยเพชรเส้นนี้พรุ่งนี้แม่เอาไปคืนเลยนะ"
หลี่รั่วเสวี่ยครุ่นคิดสักพักและพูดกับจางซูยวิ๋น
สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางซูยวิ๋น เธอชอบสร้อยคอเส้นนี้มากจนทนไม่ได้ที่จะส่งคืน
"ยัยเด็กโง่ คนอื่นเขาจะมาให้ฟรีๆได้ไงล่ะ?สร้อยนี่ต้องเป็นเพราะคุณชายเฉียนซื้อให้แม่แน่ๆ แถมยังกำชับร้านทองให้เอามาส่งถึงที่"
" ถ้าเขาซื้อให้ ก็ยิ่งไม่ควรอยากได้"
หลี่รั่วเสวี่ยกล่าว
"คุณชายเฉียนอุตส่าห์มีกะจิตกะใจซื้อให้ เราจะไม่ไว้หน้าเขาหน่อยหรือไง"
จางซูยวิ๋นพูดไป เธอก็สวมสร้อยคอไป พลางมองไซ้ายมองขวาในกระจก
" โจวเทียนไปเดินเล่นกันเถอะ"
หลี่รั่วเสวี่ยมองไปที่โจวเทียนและเอ่ยกับเขา
โจวเทียนเองก็กำลังต้องการออกไประบายอารมณ์ เขาโกรธจางซูยวิ๋นจริงๆ
หลังจากออกจากบ้าน หลี่รั่วเสวี่ยก็ขึ้นรถ ส่งสัญญาณให้โจวเทียนเป็นคนขับรถ
"จะไปไหนดี?"
โจวเทียนถาม
"วิลล่าจิ่นซิ่ว"
หลี่รั่วเสวี่ยเอ่ยเบา ๆ ตอนที่เอ่ย เธอรู้สึกหนักใจมาก
โจวเทียนมองไปที่หลี่รั่วเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเขา เขารู้ว่าหลี่รั่วเสวี่ยมักจะไปที่วิลล่าจิ่นซิ่วบ่อยครั้ง
และทุกครั้งที่ไปที่นั่นเธอก็จะอารมณ์ไม่ดีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ตลอดการขับรถบนท้องถนนโจวเทียนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เขาอยากจะบอกหลี่รั่วเสวี่ยว่าสร้อยคอเส้นนั้น เขาตั้งใจจะซื้อให้เธอ แต่ตอนนี้แม่ยายของเขาสวมใส่ไปแล้ว
แต่ถ้าพูดเรื่องนี้ไป รั่วเสวี่ยจะเชื่อมั้ยนะ?
มันมีแต่จะทำให้ความประทับใจของหลี่รั่วเสวี่ยที่มีต่อเขาแย่ลงเท่านั้น
20 นาทีต่อมา วิลล่าจิ่นซิ่วตั้งอยู่ชานเมืองทางตะวันตกของเมืองเป่ยชวน
นี่คือพื้นที่วิลล่าที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งปล่อยร้างมาเป็นเวลากว่า4-5 ปี
หลี่รั่วเสวี่ยยืนอยู่หน้าวิลล่าจิ่นซิ่ว เธอไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ ดำดิ่งอยู่ในภวังค์
โจวเทียนยืนอยู่ข้างๆเธอและเดินตามเธอไปอย่างเงียบ ๆ เหมือนแต่ก่อน
"นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่บ่อยๆ"
หลี่รั่วเสวี่ยหันไปมองโจวเทียนและเอ่ย
โจวเทียนส่ายหัว
"โครงการที่สร้างไม่เสร็จนี้ พ่อฉันเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาเมื่อสี่ปีก่อน"
หลี่รั่วเสวี่ยกล่าว
โจวเทียนรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อสามปีก่อนเขาเข้ามาอยู่ในตระกูลหลี่ และพ่อของหลี่รั่วเสวี่ยก็เสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น
ตอนแรกเขาคิดว่าตระกูลหลี่เพียงครอบครัวหาเช้ากินค่ำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อตาของเขาจะเป็นนักพัฒนา
"ทำไมโครงการถึงสร้างไม่เสร็จล่ะ"
โจวเทียนถาม
"ตอนนั้นตลาดพยายามดึงดูดนักลงทุน มีนายใหญ่จากทางใต้วางแผนที่จะลงทุนหนึ่งพันล้านหยวนในเขตชานเมืองทางตะวันตกเพื่อสร้างสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจีน"
"ทั้งจังหวัดของเราไม่มีทะเล ถ้าสร้างสวนน้ำแห่งนี้สร้างเสร็จ ธุรกิจจะเฟื่องฟูและยังทำให้ชานเมืองฝั่งตะวันตกเจริญรุ่งเรืองด้วย พ่อของฉันจึงตัดสินใจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นี่ แต่ไม่นานนายใหญ่ก็ถูกจับได้ข้อหาระดมทุนอย่างผิดกฎหมาย โครงการสวนน้ำก็ยกเลิกไปเช่นกัน อสังหาริมทรัพย์วิลล่าจิ่นซิ่วของพ่อฉันถึงแม้จะสร้างเร็จก็ขายไม่ได้แน่นอน จึงทำได้แค่ปล่อยร้างไป... "
พอพูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของหลี่รั่วเสวี่ยก็คลอเบ้าไปด้วยน้ำตา
พอเห็นความโศกเศร้าของเธอ หัวใจที่เต็มเปี่ยมไผด้วยความรักของโจวเทียนก็ชาขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะกุมมือของเธอ
ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้ หลี่รั่วเสวี่ยจะไม่สลัดมือทิ้ง แต่หันกลับมาและมองไปที่โจวเทียน
" ความล้มเหลวในการลงทุนครั้งนี้ ทำให้พ่อของฉันล้มละลายจนเสียชีวิตด้วยโรคซึมเศร้า"
หลี่รั่วเสวี่ยน้ำตาไหลขณะที่เธอพูด
โจวเทียนช่วยเธอเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าและปลอบโยน: "มันผ่านไปแล้วอย่าคิดถึงมันอีกเลยนะ"
"จะไม่ให้คิดถึงมันได้ยังไงล่ะ จนพ่อฉันเสียชีวิตไป ก็ไม่เคยลืมที่อยากจะสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วให้เสร็จมาตลอด แต่ฉันไม่สามารถช่วยให้เขาสมหวังในความปรารถนาสุดท้ายนี้ได้ ... "
ร่างกายของหลี่รั่วเสวี่ยสั่นเล็กน้อย"ตอนนี้ฉันทำงานได้เพียง 6,000 หยวนต่อเดือ นและฉันต้องเลี้ยงดูครอบครัวของเราแม้ว่าฉันจะไม่กินหรือดื่ม แต่ฉันก็ไม่สามารถเก็บเงินได้เพียงพอที่จะช่วยพ่อของฉันสานฝันความปรารถนาสุดท้ายของพ่อได้ โจวเทียนนายรู้ไหมหัวใจฉันอึดอัดแค่ไหน "
"... "
โจวเทียนยืนอยู่ตรงหน้าหลี่รั่วเสวี่ยโดยไม่พูด
หลังจากแต่งงานกับหลี่รั่วเสวี่ยไปไม่กี่วัน ขาของเขาก็พิการและเขาไม่สามารถหางานที่เหมาะสมได้
ตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ ครอบครัวก็พึ่งพาหลี่รั่วเสวี่ยมาโดยตลอด เธอเองก็เพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น แต่เธอต้องเลือกที่จะเข้มแข็งลุกขึ้นสู้...
และเธอไม่เคยอ่อนแออย่างวันนี้มาก่อน
บางทีวันนี้ เธออาจจะแบกรับความกดดันไม่ไหวจริงๆ
พอนึกถึงสิ่งนี้โจวเทียนก็รู้สึกสงสารหลี่รั่วเสวี่ยมาก
เมื่อก่อนเขาไร้ประโยชน์มากและไม่สามารถช่วยแบกรับภาระเหล่านี้กับเธอได้
แต่จากนี้ไปเขาจะต้องทำให้เธอยิ้มอย่างมีความสุขในทุกๆวัน
"รั่วเสวี่ยผมจะช่วยให้คุณทำความปรารถนาสุดท้ายนี้ให้สำเร็จ"
โจวเทียนจับมือของหลี่รั่วเสวี่ยและพูดอย่างใจเย็น
"จริงๆหรอ?"
แสงแห่งความคาดหวังฉายขึ้นในดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหลี่รั่วเสวี่ย
"จริงๆ."
"แค่นายมีหัวใจที่บริสุทธิ์ดวงนี้ ฉันก็ปลื้มใจมากแล้วล่ะ"
หลี่รั่วเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น
พอนึกถึงสภาพในความเป็นจริงของโจวเทียน เธอรู้สึกว่าคำพูดเว่อร์วังของโจวเทียนเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
โจวเทียนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหลี่รั่วเสวี่ยไม่เชื่ออย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ความจริงเป็นตัวพูด!
หลังจากอยู่ที่นี่กับหลี่รั่วเสวี่ยสักพัก โจวเทียนก็ขับรถกลับบ้าน
เป็นเวลาค่ำแล้ว โจวเทียนไม่ได้ทักทายใครเลย ออกจากบ้านไปตามลำพัง
เขาขับรถไปที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ที่เงียบสงบและโจวเทียนก็เดินเข้าไป
หลังจากสั่งจองห้องวีไอพี โจวเทียนก็โทรหาเหมียวเผิงจวีและขอให้เขามาพบที่ร้านน้ำชาแห่งนี้
สิบนาทีต่อมา เหมียวเผิงจวีขับรถมาที่นี่คนเดียว
มันรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
จะไม่เร็วได้อย่างไร? คุณชายเป็นคนนัดเขาออกมาเอง ทำหใ้เขารู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจ
"คุณชายครับ ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าท่านจะชวนผมออกมาดื่มน้ำชา"
หลังจากที่เหมียวเผิงจวีเดินเข้ามาในห้องวีไอพี เขาก็ยิ้มหน้าตาชื่นบานเอ่ยทักทายโจวเทียน
"นั่งสิ"
โจวเทียนกล่าวเรียบๆ
เหมียวเผิงจวีแอบมองโจวเทียน แล้วก็แอบชื่นชมอยู่คนเดียวเงียบๆ
สมกับเป็นคุณชายตระกูลโจวแห้งเมืองปักกิ่งจริงๆเลยนะ นั่งตัวตรงท่าทางเช่นนี้และท่าทางและออร่าอันสูงส่งที่แผ่ออกมาจากตัวแบบนี้ ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาสามัญชนจะมีได้ ...
สิ่งที่เหมียวเผิงจวีสังเกตนั้นถูกต้อง
แม้ว่าโจวเทียนจะออกจากตระกูลโจวแห่งเมืองปักกิ่งเป็นเวลาสิบปี แต่ออร่าของความร่ำรวยและความเป็นคุณชายนั้นกลับฝังแน่นอยู่ในกระดูกของเขา
เหมียวเผิงจวีผู้รอบรู้ พอมาอยู่ต่อหน้าโจวเทียนก็รู้สึกกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"คุณชายต้องการให้ผมทำอะไร โปรดบอกผมมาเลยครับ"
เหมียวเผิงจวีไม่กล้าดื่มชาเอ่ยถามโจวเทียนด้วยท่าทางที่เหมาะสม
"ผมได้ยินมาว่าสี่ปีที่ก่อน เราวางแผนที่จะสร้างโครงการสวนน้ำในเขตชานเมืองทางตะวันตกของเมืองใช่ไหม"
โจวเทียนถาม
"มีครับ แต่ต่อมาโครงการนี้ก็ไม่ได้สานต่อ"
เหมียวเผิงจวีครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงเอ่ย
"ผมจะลงทุน สานต่อโครงการสร้างสวนน้ำนี้ให้สำเร็จ"
โจวเทียนจิบชาและมองไปที่เหมียวเผิงจวี
เหมียวเผิงจวีตกใจอย่างกะทันหัน
อันที่จริงเขามีความคิดนี้มานานแล้ว จากมุมมองของเขาตราบใดที่สวนน้ำแห่งนี้สร้างเสร็จ มันมีแต่จะได้กำไรแน่นอน!
แต่การลงทุนมหาศาลถึงหนึ่งพันล้านไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจได้
ตอนนี้โจวเทียนมีความคิดนี้ เหมียวเผิงจวีก็ค่อนข้างตื่นเต้น
"คุณชายครับผมว่ามันเข้าท่ามากเลย!"
"คุณไม่จำเป็นต้องเอ่นเยินยอผม เพียงแค่บอกแนวโน้มของโครงการนี้ในอนาคตมาตรงๆก็พอ"
"ผมไม่ได้เยินยอนะครับ แต่โครงการนี้มันเข้าท่ามากๆ! ถ้าคุณท่านรู้ว่าคุณชายมีวิสัยทัศน์และความกล้าหาญเช่นนี้ไม่รู้ว่าคุณท่านจะดีใจขนาดไหน... "
เหมียวเผิงจวีกล่าวอย่างตื่นเต้น
"อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระเลย คุณช่วยผมเรื่องนี้ได้มั้ย?ผมจะลงทุนประมาณพันล้าน"
โจวเทียนมองตรงไปที่เหมียวเผิงจวี
"คุณชายพูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ คุณชายยังไม่รู้ใช่มั้ยครับ คุณท่านได้ออกคำสั่งไว้แล้วว่า ธุรกิจหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนี้ กรรมสิทธิ์ทั้งหมดยกให้คุณชายเป็นคนจัดการ เรื่องเงินทุนคุณชายใช้ได้ตามสบายเลยครับ"
"มีพอพันล้านมั้ย?"
โจวเทียนเอ่ยถามเขาไม่รู้จริงๆว่าหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
"ฮ่า ๆ คุณชายพูดติดตลกไปได้ ด้วยความสามารถทางการเงินในปัจจุบันของวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลl เงินไม่ถึง 1 หมื่นล้านหยวนไม่ใช่ปัญหา"
เหมียวเผิงจวียิ้ม
พอโจวเทียนได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
ในเมื่อไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างคุณชายตระกูลใหญ่แล้ว อะไรก็ไม่มี ถ้างั้นก็ใช้เงินที่มีอยู่ในมือเอามาเล่นสักหน่อยแล้วกัน
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักคือการเตรียมทำให้พื้นที่ชานเมืองฝั่งตะวันตกเจริญรุ่งเรืองและฟื้นฟูวิลล่าจิ่นซิ่ว
ทั้งได้ลงทุนหารายได้แถมยังได้ช่วยหลี่รั่วเสวี่ย ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
"พรุ่งนี้คุณก็ทำตามแผนเลยแล้วกันนะครับ สิ่งที่ผมต้องการคือสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ"
หลังจากที่โจวเทียนทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหล่านี้เขาก็ลุกขึ้นและออกจากร้านน้ำชาไป
แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงท่าทีกระตือรือร้นของเถ้าแก่ร้านทองวัยกลางคนนั่น โจวเทียนก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ต้องเป็นเพราะเถ้าแก่ร้านทองต้องการผูกมิตรกับเขา เขาจึงส่งสร้อยเพชรมาให้
สำหรับเหตุผลที่เขาต้องการเป็นเพื่อน ตอนนี้โจวเทียนยังคิดไม่ออก
"วันนี้ตอนอยู่ที่ร้านทอง เถ้าแก่คนนั้นยกสร้อยเพชรเส้นนี้ให้ผม"
โจวเทียนกล่าว
พอจางซูยวิ๋นได้ยินดังนั้นเธอก็รู้สึกขบขัน "ฮ่าฮ่า เดี๋ยวนี้แกชักเหลวไหลจริงๆ พูดโกหกได้หน้าตาเฉยเก่งจริงๆเลยนะ "
โจวเทียนรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไรจางซูยวิ๋นก็ไม่เชื่อ ดังนั้นเขก็ขี้เกียจที่จะอธิบายอะไรอีก
หลี่รั่วเสวี่ยเฝ้าดูโจวเทียนอยู่ข้างๆ ภายในใจของฌะอเธอรู้สึกสับสนมาก
เธออยากจะเชื่อในตัวโจวเทียน แต่สองเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป ยากที่จะเชื่อจริงๆ
"แม่คะ เราอย่าไปอยากได้ของคนอื่นมาฟรีๆ สร้อยเพชรเส้นนี้พรุ่งนี้แม่เอาไปคืนเลยนะ"
หลี่รั่วเสวี่ยครุ่นคิดสักพักและพูดกับจางซูยวิ๋น
สีหน้าไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของจางซูยวิ๋น เธอชอบสร้อยคอเส้นนี้มากจนทนไม่ได้ที่จะส่งคืน
"ยัยเด็กโง่ คนอื่นเขาจะมาให้ฟรีๆได้ไงล่ะ?สร้อยนี่ต้องเป็นเพราะคุณชายเฉียนซื้อให้แม่แน่ๆ แถมยังกำชับร้านทองให้เอามาส่งถึงที่"
" ถ้าเขาซื้อให้ ก็ยิ่งไม่ควรอยากได้"
หลี่รั่วเสวี่ยกล่าว
"คุณชายเฉียนอุตส่าห์มีกะจิตกะใจซื้อให้ เราจะไม่ไว้หน้าเขาหน่อยหรือไง"
จางซูยวิ๋นพูดไป เธอก็สวมสร้อยคอไป พลางมองไซ้ายมองขวาในกระจก
" โจวเทียนไปเดินเล่นกันเถอะ"
หลี่รั่วเสวี่ยมองไปที่โจวเทียนและเอ่ยกับเขา
โจวเทียนเองก็กำลังต้องการออกไประบายอารมณ์ เขาโกรธจางซูยวิ๋นจริงๆ
หลังจากออกจากบ้าน หลี่รั่วเสวี่ยก็ขึ้นรถ ส่งสัญญาณให้โจวเทียนเป็นคนขับรถ
"จะไปไหนดี?"
โจวเทียนถาม
"วิลล่าจิ่นซิ่ว"
หลี่รั่วเสวี่ยเอ่ยเบา ๆ ตอนที่เอ่ย เธอรู้สึกหนักใจมาก
โจวเทียนมองไปที่หลี่รั่วเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเขา เขารู้ว่าหลี่รั่วเสวี่ยมักจะไปที่วิลล่าจิ่นซิ่วบ่อยครั้ง
และทุกครั้งที่ไปที่นั่นเธอก็จะอารมณ์ไม่ดีไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ตลอดการขับรถบนท้องถนนโจวเทียนไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
เขาอยากจะบอกหลี่รั่วเสวี่ยว่าสร้อยคอเส้นนั้น เขาตั้งใจจะซื้อให้เธอ แต่ตอนนี้แม่ยายของเขาสวมใส่ไปแล้ว
แต่ถ้าพูดเรื่องนี้ไป รั่วเสวี่ยจะเชื่อมั้ยนะ?
มันมีแต่จะทำให้ความประทับใจของหลี่รั่วเสวี่ยที่มีต่อเขาแย่ลงเท่านั้น
20 นาทีต่อมา วิลล่าจิ่นซิ่วตั้งอยู่ชานเมืองทางตะวันตกของเมืองเป่ยชวน
นี่คือพื้นที่วิลล่าที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งปล่อยร้างมาเป็นเวลากว่า4-5 ปี
หลี่รั่วเสวี่ยยืนอยู่หน้าวิลล่าจิ่นซิ่ว เธอไม่พูดอะไรอยู่ครู่ใหญ่ ดำดิ่งอยู่ในภวังค์
โจวเทียนยืนอยู่ข้างๆเธอและเดินตามเธอไปอย่างเงียบ ๆ เหมือนแต่ก่อน
"นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงมาที่นี่บ่อยๆ"
หลี่รั่วเสวี่ยหันไปมองโจวเทียนและเอ่ย
โจวเทียนส่ายหัว
"โครงการที่สร้างไม่เสร็จนี้ พ่อฉันเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาเมื่อสี่ปีก่อน"
หลี่รั่วเสวี่ยกล่าว
โจวเทียนรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อสามปีก่อนเขาเข้ามาอยู่ในตระกูลหลี่ และพ่อของหลี่รั่วเสวี่ยก็เสียชีวิตไม่นานหลังจากนั้น
ตอนแรกเขาคิดว่าตระกูลหลี่เพียงครอบครัวหาเช้ากินค่ำ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อตาของเขาจะเป็นนักพัฒนา
"ทำไมโครงการถึงสร้างไม่เสร็จล่ะ"
โจวเทียนถาม
"ตอนนั้นตลาดพยายามดึงดูดนักลงทุน มีนายใหญ่จากทางใต้วางแผนที่จะลงทุนหนึ่งพันล้านหยวนในเขตชานเมืองทางตะวันตกเพื่อสร้างสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในจีน"
"ทั้งจังหวัดของเราไม่มีทะเล ถ้าสร้างสวนน้ำแห่งนี้สร้างเสร็จ ธุรกิจจะเฟื่องฟูและยังทำให้ชานเมืองฝั่งตะวันตกเจริญรุ่งเรืองด้วย พ่อของฉันจึงตัดสินใจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่นี่ แต่ไม่นานนายใหญ่ก็ถูกจับได้ข้อหาระดมทุนอย่างผิดกฎหมาย โครงการสวนน้ำก็ยกเลิกไปเช่นกัน อสังหาริมทรัพย์วิลล่าจิ่นซิ่วของพ่อฉันถึงแม้จะสร้างเร็จก็ขายไม่ได้แน่นอน จึงทำได้แค่ปล่อยร้างไป... "
พอพูดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของหลี่รั่วเสวี่ยก็คลอเบ้าไปด้วยน้ำตา
พอเห็นความโศกเศร้าของเธอ หัวใจที่เต็มเปี่ยมไผด้วยความรักของโจวเทียนก็ชาขึ้นมาทันที อดไม่ได้ที่จะกุมมือของเธอ
ไม่คาดคิดว่าครั้งนี้ หลี่รั่วเสวี่ยจะไม่สลัดมือทิ้ง แต่หันกลับมาและมองไปที่โจวเทียน
" ความล้มเหลวในการลงทุนครั้งนี้ ทำให้พ่อของฉันล้มละลายจนเสียชีวิตด้วยโรคซึมเศร้า"
หลี่รั่วเสวี่ยน้ำตาไหลขณะที่เธอพูด
โจวเทียนช่วยเธอเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าและปลอบโยน: "มันผ่านไปแล้วอย่าคิดถึงมันอีกเลยนะ"
"จะไม่ให้คิดถึงมันได้ยังไงล่ะ จนพ่อฉันเสียชีวิตไป ก็ไม่เคยลืมที่อยากจะสร้างวิลล่าจิ่นซิ่วให้เสร็จมาตลอด แต่ฉันไม่สามารถช่วยให้เขาสมหวังในความปรารถนาสุดท้ายนี้ได้ ... "
ร่างกายของหลี่รั่วเสวี่ยสั่นเล็กน้อย"ตอนนี้ฉันทำงานได้เพียง 6,000 หยวนต่อเดือ นและฉันต้องเลี้ยงดูครอบครัวของเราแม้ว่าฉันจะไม่กินหรือดื่ม แต่ฉันก็ไม่สามารถเก็บเงินได้เพียงพอที่จะช่วยพ่อของฉันสานฝันความปรารถนาสุดท้ายของพ่อได้ โจวเทียนนายรู้ไหมหัวใจฉันอึดอัดแค่ไหน "
"... "
โจวเทียนยืนอยู่ตรงหน้าหลี่รั่วเสวี่ยโดยไม่พูด
หลังจากแต่งงานกับหลี่รั่วเสวี่ยไปไม่กี่วัน ขาของเขาก็พิการและเขาไม่สามารถหางานที่เหมาะสมได้
ตลอดระยะเวลาสามปีมานี้ ครอบครัวก็พึ่งพาหลี่รั่วเสวี่ยมาโดยตลอด เธอเองก็เพิ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น แต่เธอต้องเลือกที่จะเข้มแข็งลุกขึ้นสู้...
และเธอไม่เคยอ่อนแออย่างวันนี้มาก่อน
บางทีวันนี้ เธออาจจะแบกรับความกดดันไม่ไหวจริงๆ
พอนึกถึงสิ่งนี้โจวเทียนก็รู้สึกสงสารหลี่รั่วเสวี่ยมาก
เมื่อก่อนเขาไร้ประโยชน์มากและไม่สามารถช่วยแบกรับภาระเหล่านี้กับเธอได้
แต่จากนี้ไปเขาจะต้องทำให้เธอยิ้มอย่างมีความสุขในทุกๆวัน
"รั่วเสวี่ยผมจะช่วยให้คุณทำความปรารถนาสุดท้ายนี้ให้สำเร็จ"
โจวเทียนจับมือของหลี่รั่วเสวี่ยและพูดอย่างใจเย็น
"จริงๆหรอ?"
แสงแห่งความคาดหวังฉายขึ้นในดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาของหลี่รั่วเสวี่ย
"จริงๆ."
"แค่นายมีหัวใจที่บริสุทธิ์ดวงนี้ ฉันก็ปลื้มใจมากแล้วล่ะ"
หลี่รั่วเสวี่ยยิ้มอย่างขมขื่น
พอนึกถึงสภาพในความเป็นจริงของโจวเทียน เธอรู้สึกว่าคำพูดเว่อร์วังของโจวเทียนเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน
โจวเทียนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหลี่รั่วเสวี่ยไม่เชื่ออย่างแน่นอน
ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ความจริงเป็นตัวพูด!
หลังจากอยู่ที่นี่กับหลี่รั่วเสวี่ยสักพัก โจวเทียนก็ขับรถกลับบ้าน
เป็นเวลาค่ำแล้ว โจวเทียนไม่ได้ทักทายใครเลย ออกจากบ้านไปตามลำพัง
เขาขับรถไปที่ร้านน้ำชาเล็ก ๆ ที่เงียบสงบและโจวเทียนก็เดินเข้าไป
หลังจากสั่งจองห้องวีไอพี โจวเทียนก็โทรหาเหมียวเผิงจวีและขอให้เขามาพบที่ร้านน้ำชาแห่งนี้
สิบนาทีต่อมา เหมียวเผิงจวีขับรถมาที่นี่คนเดียว
มันรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
จะไม่เร็วได้อย่างไร? คุณชายเป็นคนนัดเขาออกมาเอง ทำหใ้เขารู้สึกทั้งแปลกใจและดีใจ
"คุณชายครับ ผมคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าท่านจะชวนผมออกมาดื่มน้ำชา"
หลังจากที่เหมียวเผิงจวีเดินเข้ามาในห้องวีไอพี เขาก็ยิ้มหน้าตาชื่นบานเอ่ยทักทายโจวเทียน
"นั่งสิ"
โจวเทียนกล่าวเรียบๆ
เหมียวเผิงจวีแอบมองโจวเทียน แล้วก็แอบชื่นชมอยู่คนเดียวเงียบๆ
สมกับเป็นคุณชายตระกูลโจวแห้งเมืองปักกิ่งจริงๆเลยนะ นั่งตัวตรงท่าทางเช่นนี้และท่าทางและออร่าอันสูงส่งที่แผ่ออกมาจากตัวแบบนี้ ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาสามัญชนจะมีได้ ...
สิ่งที่เหมียวเผิงจวีสังเกตนั้นถูกต้อง
แม้ว่าโจวเทียนจะออกจากตระกูลโจวแห่งเมืองปักกิ่งเป็นเวลาสิบปี แต่ออร่าของความร่ำรวยและความเป็นคุณชายนั้นกลับฝังแน่นอยู่ในกระดูกของเขา
เหมียวเผิงจวีผู้รอบรู้ พอมาอยู่ต่อหน้าโจวเทียนก็รู้สึกกดดันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
"คุณชายต้องการให้ผมทำอะไร โปรดบอกผมมาเลยครับ"
เหมียวเผิงจวีไม่กล้าดื่มชาเอ่ยถามโจวเทียนด้วยท่าทางที่เหมาะสม
"ผมได้ยินมาว่าสี่ปีที่ก่อน เราวางแผนที่จะสร้างโครงการสวนน้ำในเขตชานเมืองทางตะวันตกของเมืองใช่ไหม"
โจวเทียนถาม
"มีครับ แต่ต่อมาโครงการนี้ก็ไม่ได้สานต่อ"
เหมียวเผิงจวีครุ่นคิดสักครู่แล้วจึงเอ่ย
"ผมจะลงทุน สานต่อโครงการสร้างสวนน้ำนี้ให้สำเร็จ"
โจวเทียนจิบชาและมองไปที่เหมียวเผิงจวี
เหมียวเผิงจวีตกใจอย่างกะทันหัน
อันที่จริงเขามีความคิดนี้มานานแล้ว จากมุมมองของเขาตราบใดที่สวนน้ำแห่งนี้สร้างเสร็จ มันมีแต่จะได้กำไรแน่นอน!
แต่การลงทุนมหาศาลถึงหนึ่งพันล้านไม่ใช่เรื่องที่เขาตัดสินใจได้
ตอนนี้โจวเทียนมีความคิดนี้ เหมียวเผิงจวีก็ค่อนข้างตื่นเต้น
"คุณชายครับผมว่ามันเข้าท่ามากเลย!"
"คุณไม่จำเป็นต้องเอ่นเยินยอผม เพียงแค่บอกแนวโน้มของโครงการนี้ในอนาคตมาตรงๆก็พอ"
"ผมไม่ได้เยินยอนะครับ แต่โครงการนี้มันเข้าท่ามากๆ! ถ้าคุณท่านรู้ว่าคุณชายมีวิสัยทัศน์และความกล้าหาญเช่นนี้ไม่รู้ว่าคุณท่านจะดีใจขนาดไหน... "
เหมียวเผิงจวีกล่าวอย่างตื่นเต้น
"อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระเลย คุณช่วยผมเรื่องนี้ได้มั้ย?ผมจะลงทุนประมาณพันล้าน"
โจวเทียนมองตรงไปที่เหมียวเผิงจวี
"คุณชายพูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ คุณชายยังไม่รู้ใช่มั้ยครับ คุณท่านได้ออกคำสั่งไว้แล้วว่า ธุรกิจหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนี้ กรรมสิทธิ์ทั้งหมดยกให้คุณชายเป็นคนจัดการ เรื่องเงินทุนคุณชายใช้ได้ตามสบายเลยครับ"
"มีพอพันล้านมั้ย?"
โจวเทียนเอ่ยถามเขาไม่รู้จริงๆว่าหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน
"ฮ่า ๆ คุณชายพูดติดตลกไปได้ ด้วยความสามารถทางการเงินในปัจจุบันของวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลl เงินไม่ถึง 1 หมื่นล้านหยวนไม่ใช่ปัญหา"
เหมียวเผิงจวียิ้ม
พอโจวเทียนได้ยินดังนั้นเขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
ในเมื่อไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายอย่างคุณชายตระกูลใหญ่แล้ว อะไรก็ไม่มี ถ้างั้นก็ใช้เงินที่มีอยู่ในมือเอามาเล่นสักหน่อยแล้วกัน
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักคือการเตรียมทำให้พื้นที่ชานเมืองฝั่งตะวันตกเจริญรุ่งเรืองและฟื้นฟูวิลล่าจิ่นซิ่ว
ทั้งได้ลงทุนหารายได้แถมยังได้ช่วยหลี่รั่วเสวี่ย ทำไมจะไม่ทำล่ะ?
"พรุ่งนี้คุณก็ทำตามแผนเลยแล้วกันนะครับ สิ่งที่ผมต้องการคือสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ"
หลังจากที่โจวเทียนทิ้งท้ายด้วยคำพูดเหล่านี้เขาก็ลุกขึ้นและออกจากร้านน้ำชาไป
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved