บทที่ 12 ทักษะในการโยนความผิดนี้

by จินเหอซี 08:31,Apr 26,2021
จางซูเซียงและเฉินเจียงเหอยืนขมวดคิ้วพลางมองดูอยู่ข้างๆด้วยเช่นกัน พวกเขาดูถูกดูแคลนโจวเทียนตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าโจวเทียนก้มหน้าเอาแต่กินอย่างเดียว พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจมากเข้าไปใหญ่

"เหอะๆ ถึงแม้วันนี้กังจื่อของเราจะเป็นคนเลี้ยงอาหารมื้อนี้ก็จริง แต่ก็ไม่มีใครกินมูมมามเหมือนเขาป้ะ เธอดูสิ แค่ที่เขากินคนเดียวก็เท่ากับอาหารทั้งหมดของพวกเรารวมกันแล้ว"

จางซูเซียงพูดพลางจ้องมองไปทางโจวเทียนด้วยสายตาที่แปลกประหลาด ก่อนจะหันไปพูดกับผู้คน

"โจวเทียน นายกินช้าๆหน่อย ไม่มีใครมาแย่งกับนายหรอก"

เฉินเจียงเหอก็ได้พูดด้วยเช่นกัน

โจวเทียนวางอาหารในมือลง อันที่จริงเขาก็ไม่ได้กินมากแต่อย่างใด ก็แค่คนพวกนี้ไม่ชอบขี้หน้าเขาเท่านั้นแหละ เขารู้สึกปลงจริงๆเลย

"เหอะๆ กินเถอะไม่เป็นไร ผมเลี้ยงมันไหวอยู่ครับ"

และในตอนนี้เอง หลัวกังพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย พลางมองโจวเทียน

หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็เริ่มรับประทานจนอิ่มกันพอสมควรแล้ว

"พนักงานคะ เช็คบิลทีค่ะ"

จางซูยวิ๋นโบกมือเรียกพนักงาน เธออยากเป็นคนจ่ายเงินเอง เพราะยังไงครั้งนี้เธอก็เป็นเจ้าถิ่นอยู่นะ เกียรติคุณในครั้งนี้ก็ยังต้องเอาอยู่

"ป้ารองครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าเดี๋ยวผมเป็นคนจ่ายเอง"

หลัวกังลุกขึ้นยืน พลางล้วงหากระเป๋าเงิน

"จะให้หนูจ่ายได้ยังไงล่ะ ป้ารองมีเงินไม่เยอะกว่าหนูหรอก แต่การที่จัดเลี้ยงอาหารพวกหนูนั้นก็มีปัญญาจ่ายได้อยู่"

จางซูยวิ๋นยิ้มพลางพูดกับเฉินเจียงเหอ ก่อนที่จะหันไปถามพนักงาน "ทั้งหมดเท่าไหร่คะ?"

"คุณผู้หญิงคะ มูลค่าอาหารของโต๊ะนี้ทั้งหมดอยู่ที่หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันกับอีกสองร้อยหยวนค่ะ สองร้อยนั่นทางเราสามารถลดพิเศษให้คุณได้ค่ะ รับแค่หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันถ้วนก็พอแล้วค่ะ"

พนักงานตอบกลับ

"เท่าไหร่นะคะ?"

สีหน้าของจางซูยวิ๋นม่วงก่ำลงไปภายในพริบตา ตกใจจนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

"หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันหยวนค่ะ"

"มันแพงขนาดนี้เลยหรอคะ คุณคิดผิดหรือเปล่า?"

น้ำเสียงของจางซูยวิ๋นเริ่มสั่นคลอนเล็กน้อย

ไม่เพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในสนามนอกจากโจวเทียนแล้ว ไม่มีใครที่ไม่รู้สึกอึ้งกับราคานี้เลย

ตอนแรกก็คิดว่าแค่ไม่กี่พันก็สามารถจัดการอาหารมื้อนี้ได้แล้ว แต่ใครจะคิดหละว่าราคาทั้งหมดกลับอยู่ที่แสนกว่าๆเลย!

"คุณผู้หญิงคะ คืออย่างนี้ค่ะ วัตถุดิบของเพรียงคอห่านมีราคาที่สูงมากๆ มูลค่าอยู่ที่หลักหมื่นหยวนต่อครึ่งกิโลกรัมเลยค่ะ ราคาของเพรียงคอห่านที่นี่อยู่ที่หนึ่งหมื่นสอง เมื่อกี้พวกคุณออเดอร์ไปทั้งหมดสิบเอ็ดจาน บวกกับน้ำดื่มและอาหารอื่นๆ ทั้งหมดเป็นหนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันหยวนค่ะ ถ้าเกิดคุณไม่เชื่อ คุณสามารถอ่านรายละเอียดดูได้เลยค่ะ"

ในระหว่างที่พูด พนักงานก็ได้ยื่นบิลที่มีรายละเอียดทั้งหมดมา

เมื่อทุกคนดู พบว่ามันไม่มีผิดเลย เมื่อกี้พวกเขาได้กินอาหารที่มีมูลค่าหลักแสนไปจริงๆด้วย!

จางซูยวิ๋นนั่งลงไปบนเก้าอี้ทันที เธอไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรแล้ว

ตอนแรกการเงินในช่วงนี้ก็มีปัญหามากพอแล้ว เธอจะไปเอาเงินหลักแสนที่ไหนมาจ่าย?

หลัวกังก็มึนงงไปด้วยเช่นกัน เมื่อกี้เขาเป็นคนที่กระตือรือร้นมากที่สุดแล้ว ปากยังบอกอยู่ตลอดว่าอาหารมื้อนี้เขาจะเป็นคนจ่ายเอง

เฉินถิงเบิกตากว้างทั้งสองข้าง และรู้สึกเสียใจทีหลังมากด้วยเช่นกัน เพรียงคอห่านสิบจานที่สั่งมาทีหลัง เธอเป็นคนสั่งเอง ไม่งั้นอาหารมื้อนี้มากสุดก็แค่หมื่นสองหมื่น ถึงแม้จะค่อนข้างแพง แต่หลัวกังก็มีปัญญาจ่ายได้อยู่

"ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนจ่ายคะ?"

พนักงานสวยกระพริบตาถี่ๆ พลางถามอย่างใจเย็น

จางซูยวิ๋นไม่พูดอะไรแล้ว เธอรู้ว่าตอนนี้เธอจะให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์หน้าตาของตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จะว่าไปเธอไม่มีปัญญาจ่ายอาหารมื้อนี้ได้ด้วยซ้ำ

โจวเทียนมองดูสถานการณ์ที่ดูอึดอัดของหลัวกังแล้วรู้สึกตลกในใจมากๆ

เก๊กต่อสิ ครั้งนี้เก๊กจนได้เรื่องแล้วสินะ?

ตอนนี้หลี่รั่วเสวี่ยถึงจะหันไปพูดกับจางซูยวิ๋น :"แม่คะ ในบัตรเครดิตของหนูมีแค่หกหมื่นเอง ที่แม่ยังมีเงินเหลืออยู่หรือเปล่า?"

ในระหว่างที่พูดคำนี้ หลี่รั่วเสวี่ยรู้สึกจุกอยู่ในอกมากๆ เงินหกหมื่นนี้เป็นเงินเก็บของเธอ ดูจากสถานการณ์แล้ว วันนี้เงินพวกนี้น่าจะอยู่ในบัตรธนาคารของเธอต่อไม่ได้แล้วล่ะ

"รั่วเสวี่ย แม่มีแค่ไม่กี่พันเอง…..."

จางซูยวิ๋นพูดเสียงเบาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

"หลี่รั่วเสวี่ย แม่ครับ พวกคุณไม่ต้องกังวลใจแล้วครับ เงินเดือนของหลัวกังเค้าได้ปีละสองแสนกว่าหยวนเลยนะครับ เขารวยมากๆ"

ตอนนี้โจวเทียนได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา

เมื่อหลัวกังได้ยินแบบนี้ ความคิดที่อยากจะฆ่าโจวเทียนก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วเช่นกัน

แม่งเอ้ย ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นแค่คนน่าสมเพชคนเดียวเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าจะชั่วร้ายได้ขนาดนี้!

จางซูยวิ๋นที่ได้ยินแบบนี้ก็ได้พยักหน้าหงึกๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอเห็นด้วยกับโจวเทียนเช่นกัน

"เฮียกังครับ เมื่อกี้เฮียเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอครับว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้เฮียจะเป็นคนจ่ายเอง? ยังบอกอีกว่าเฮียเลี้ยงผมไหวอยู่ ใช่ไหมครับ?"

โจวเทียนยิ้มกริ่ม พลางถามหลัวกัง

คำพูดที่พูดออกไปเหมือนน้ำที่สาดออกไป ตอนนี้ถึงแม้หลัวกังจะรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมากแค่ไหน ก็คงทำได้แค่กลืนความเจ็บปวดทั้งหมดลงไปแล้วล่ะ

"ถูกต้อง ฉันเคยพูดแบบนั้น!"

หลัวกังฝืนพูด ก่อนจะล้วงบัตรเครดิตออกมาแล้วยื่นให้กับพนักงาน "รูดบัตรครับ!"

"ได้ค่ะคุณผู้ชาย"

พนักงานสาวหยิบเครื่องรูดบัตรเครดิตออกมา แล้วรูดบัตรของหลัวกังอย่างให้ความร่วมมือ

แต่ทันทีที่กดรหัสผ่าน บนเครื่องก็แสดงว่าการทำรายการไม่สำเร็จ ซึ่งสาเหตุก็คือจำนวนเงินที่มีอยู่ไม่เพียงพอ

"คุณผู้ชายคะ บัตรเครดิตนี่ของคุณมีอยู่แค่หนึ่งแสนสามหมื่นกับอีกสองร้อยหยวนเองนะคะ คุณจ่ายหนึ่งแสนสามก่อนมั้ยคะ แปดพันที่เหลือคุณค่อยคิดหาวิธีอื่น ส่วนสองร้อยหยวนที่เหลือนั่นให้คุณเอาไว้ไปต่อรถกลับบ้านนะคะ…..."

ถึงแม้คำพูดของพนักงานสาวจะดูเกรงใจมากๆ แต่ในแววตากลับปนไปด้วยความดูถูกดูแคลน เนื่องจากตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาหลัวกังก็เอาแต่พูดโม้อวด พนักงานสาวเริ่มไม่ชอบขี้หน้าเขาตั้งแต่แรกแล้ว

ใบหน้าและใบหูของหลัวกังแดงเถือก เมื่อเห็นสายตาที่ดูเปลี่ยนแปลงไปของผู้คน เขาอยากเข้าหัวตัวเองไปชนกับผนังแล้วตายสะตอนนี้เลย

คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าอาหารมื้อนี้จะกินไปทั้งหมดแสนกว่า ตอนแรกกะจะเก๊กต่อหน้าผู้คนสักหน่อย แต่กลับคิดไม่ถึงหรือว่าจุดจบจะเป็นแบบนี้

"รูดเถอะครับ"

หัวใจของหลัวกังกำลังมีเลือดไหลหยดออกมา หลังจากที่กดรหัสผ่านอีกครั้ง เงินหนึ่งแสนสามในบัญชีก็ถูกโอนออกไป เหลืออยู่แค่สองร้อยหยวนแล้ว

โจวเทียนมองดูอยู่ข้างๆ พลางหัวเราะอย่างเยือกเย็นในใจ

ภัตตาคารนี้เป็นของเขา ก็ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเอาเงินหนึ่งแสนกว่านี่หรอก แต่เขาจำเป็นที่จะต้องสั่งสอนหลัวกังดีๆจริงๆ

เพราะฉะนั้นโจวเทียนถึงไม่ได้เป็นคนจ่ายเอง และไม่ได้ให้ทางภัตตาคารไม่เก็บเงินของตัวเองด้วย

พนักงานสาวไม่รู้แต่อย่างใดว่าโจวเทียนก็คือเจ้านายของเธอ เพราะฉะนั้นอีกแปดพันที่เหลือก็ยังคงต้องเก็บอยู่

"ไม่ทราบว่าอีกแปดพันที่เหลือ ใครเป็นคนจ่ายคะ?"

พนักงานสาวถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเกรงใจเป็นอย่างมาก

"เดี๋ยวฉันเองค่ะ"

หลี่รั่วเสวี่ยหยิบโทรศัพท์ออกมา กะจะใช้โทรศัพท์จ่าย

"รั่วเสวี่ย ผมมีครับคุณไม่ต้องจ่าย"

โจวเทียนพูดกับหลี่รั่วเสวี่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหยิบบัตรเครดิตของเขาออกมา

บัตรเครดิตใบที่พ่อบ้านเผยให้เขาถูกล็อคไปแล้ว เขาได้ไปดำเนินการที่ธนาคารแล้วทำใบใหม่มาได้แล้ว ในบัตรเครดิตยังมีสี่สิบห้าล้านอยู่เลย

"เห้อ อย่ามาก่อกวนเลย"

หลี่รั่วเสวี่ยส่ายหน้าอย่างปลง เธอรู้สึกว่าในบัตรของโจวเทียนแค่แปดพันยังมีไม่ถึงเลย

"ไสหัวไปไกลๆเลยนะ! หลัวกังเขาจ่ายไปก้อนนึงแล้ว เหลืออีกแค่แปดพัน แกเริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาแล้วใช่ไหม?"

จางซูเซียงจ้องเขม่นโจวเทียนอย่างแรง

"ใช่ๆ นี่เหมือนคนแบบไหนกันเนี่ย เมื่อกี้ตอนที่จ่ายหนึ่งแสนสามหมื่น ก็ไม่เห็นแกกระตือรือร้นมากขนาดนี้หนิ ตอนนี้อยากมาแย่งซีนแล้วหรอ"

เฉินถิงมองไปทางโจวเทียนด้วยสายตาที่ไม่พอใจ

โจวเทียนหัวเสียจนหลุดหัวเราะออกมา มองไปทางเฉินถิงและจางซูเซียงแล้วพูดว่า :"ก็ได้ๆ ถ้าพวกคุณมีปัญญาพวกคุณก็เป็นคนจ่ายเองเลยครับ"

"พวกเราจ่ายพวกเราจ่ายสิ! หึ เงินก้อนใหญ่ก็จ่ายไปแล้ว ไม่ขาดสนแปดพันนี้หรอกนะ!"

เฉินถิงพูดด้วยอารมณ์ที่โกรธกริ้ว ก่อนจะหยิบแปดพันหยวนออกมาจากกระเป๋าเงิน แล้วจ่ายให้กับพนักงาน

อันที่จริงเธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันหยวนเลยนะ เงินเดือนครึ่งปีของหลัวกังได้ดับหายไปแล้ว…….

สิ่งที่ทำให้เฉินถิงรู้สึกหงุดหงิดมากกว่าก็คือ หลัวกังอวดโม้ต่อหน้าเธอมาโดยตลอดเลยว่าตัวเองมีเงินมากแค่ไหน เงินในบัญชีมีหลายล้าน แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าเงินในบัญชีทั้งหมดมีแค่หนึ่งแสนสาม และได้ใช้หมดในวันนี้ไปแล้วด้วย

"คุณผู้หญิงครับไม่ทราบว่าเพรียงคอห่านอีกเจ็ดจานที่เหลือนี้จะห่อกลับบ้านเลยไหมคะ?"

พนักงานสาวสอบถามเฉินถิง

หลัวกังมองดูเพรียงคอห่านทั้งเจ็ดจานที่ยังไม่เคยถูกตะเกียบเข้าไปแตะต้อง ก็รู้สึกว่าในใจเหมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมา ในปากมีตุ่มน้ำใสปรากฏขึ้นมาทันที

ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สิ่งนี้แท้ๆ แพงชิบหายเลย อีกเจ็ดจานที่เหลือนี้ ก็มีมูลค่าแปดหมื่นสี่อยู่นะ

"ถิงถิง พวกเราห่อกลับบ้านกันเถอะ เอาไว้ให้คุณค่อยๆกิน"

หลัวกังฝืนยิ้มออกมา พลางพูดกับเฉินถิง

"กินกับมะเขือแกอะสิ! หลัวกัง คิดไม่ถึงเลยว่านายจะเป็นคนที่ปลอมมากขนาดนี้ นายบอกว่าเงินในบัญชีนายมีหลายล้านเลยไม่ใช่หรือไง ฉันว่านะนายไม่มีเงินก็ไม่มีเงินสิ จะมาเก๊กปลอมเป็นคนมีเงินแบบนี้ทำไม!"

เฉินถิงหัวเสียไม่เบาเลย ชี้หน้าหลัวกัง

หลัวกังรู้สึกหงุดหงิดมากจนอยากเอาหัวตัวเองเข้าไปชนกับกำแพงแล้ว ใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีแค่หนึ่นแสนสามของตัวเองไปไม่ว่า แต่ยังขายหน้าผู้คนอื่น สิ่งที่ยอมรับไม่ได้มากที่สุดก็คือเฉินถิงเองก็เริ่มดูถูกตัวเองแล้ว

"เฉินถิง คุณฟังผมพูดก่อนนะ ช่วงนี้ผมกำลังตกแต่งบ้านอยู่ ดังนั้นเงินในบัญชีจึงไม่ค่อยเอื้ออำนวยน่ะ"

"หยุดสร้างเรื่องได้แล้ว ตกแต่งบ้านจะใช้จ่ายไปหลักล้านเลยหรอ?" เฉินถิงมองหลัวกังด้วยสายตาที่เหยียดหยาม

เมื่อจางซูเซียงและเฉินเจียงเหอเห็นแบบนี้ จึงรีบเข้ามาห้าม ให้พวกเขาสองคนอย่ามีปากเสียงกัน

จางซูยวิ๋นและหลี่รั่วเสวี่ยก็เข้ามาห้ามด้วยเช่นกัน แต่ยิ่งห้ามอารมณ์ของเฉินถิงยิ่งร้อนมากขึ้น สุดท้ายข่วนจนทำให้ใบหน้าของหลัวกังเป็นแผลเป็นหมดเลย

เมื่อเห็นว่ามื้ออาหารที่ดีๆเริ่มทะเลาะกันจนบานปลายไปมากขนาดนี้ จางซูยวิ๋นก็รู้สึกโมโหมากๆเช่นกัน เธอจึงเอาไฟโกรธทั้งหมดไปลงไว้ที่โจวเทียน

"ทั้งหมดเป็นเพราะแกเลย ไร้ประโยชน์จริงๆ! ตอนแรกพวกเราควรเป็นคนจ่ายอาหารในมื้อนี้ ถ้าแกมีปัญญาหน่อย เรื่องทุกอย่างจะดำเนินการถึงขั้นให้คนอื่นมาจ่ายให้เราแทนไหม?" จางซูยวิ๋นด่าตำหนิโจวเทียน

โจวเทียนถูกสั่งสอนจนมึนงงไปสักพัก รู้สึกปลงกับแม่ยายคนนี้จริงๆเลย

ทำให้เธอโยนความผิดทั้งหมดลงไว้ที่ตัวเขาเองงั้นหรือ

"แม่คะ พวกเขาเป็นฝ่ายที่ดื้อดึงจะมากินอาหารทะเลที่นี่เองนะ ยังบอกอีกว่าร้านอาหารเสฉวนไม่มีระดับ เพรียงคอห่านพวกนั้นเฉินถิงก็เป็นคนสั่งเอง หลัวกังยังบอกอีกว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดเขาจะเป็นคนจ่ายเอง เรื่องนี้จะไปโทษโจวเทียนไม่ได้นะคะ"

หลี่รั่วเสวี่ยลุกขึ้นยืนแล้วพูด

"แกยังพูดแทนไอ้กระจอกนี่อีก! หน็อย…..." จางซูยวิ๋นตบๆหน้าอกของตัวเอง

"ใช่ รั่วเสวี่ยเธอยังพูดแทนมันอีกหรอ เธอดูมันสินอกจากกินแล้วยังทำอะไรได้อีก!"

เฉินถิงทำเสียงหึ

หลี่รั่วเสวี่ยในตอนนี้รู้สึกโมโหมากๆจริงๆ แม่ตัวเองเรียกโจวเทียนว่ากระจอกก็มากพอแล้ว เฉินถิงเกี่ยวอะไรด้วย? ถึงแม้จะมีของตัวเองจะไร้ประโยชน์มากแค่ไหน เธอมีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้ด้วยหรอ?

"พี่ถิง โจวเทียนเขาไม่มีเงินก็จริง แต่เขาทำตัวและไม่ปลอม และทำดีกับฉันมาโดยตลอด" ตอนที่หลี่รั่วเสวี่ยพูดคำนี้ เธอก็ได้หันหน้ากลับมามองโจวเทียนรอบหนึ่งด้วย

โจวเทียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมาก สุดท้ายแล้วก็เป็นภรรยาตัวเอง เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอก็ยังปกป้องตัวเองอยู่

"เหอะๆ ถ่อมตัวแล้วได้อะไร จนเหมือนหมาข้างทางตัวนึง! สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นคนจ่ายเงินอยู่ดีไม่ใช่หรอ หึ!"

เฉินถิงพูดอย่างไม่ยอมใจมากๆ

"พอแล้วถิงถิง เราจ่ายเงินหน่อยก็เพื่อเลี้ยงป้ารองกับรั่วเสวี่ยไม่ใช่หรอ โจวเทียนกินตามด้วยนิดเดียวก็กินๆไปเถอะ ใครให้เขาเป็นคนที่แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านป้ารองล่ะ?"

หลัวกังกรอกตามองบนให้โจวเทียนพลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อกี้จำนวนเงินของเขาไม่พอจ่าย ก็รู้สึกขายหน้ามากพอสมควรเลย ตอนนี้สามารถปลดปล่อยอารมณ์โกรธทั้งหมดไว้ที่โจวเทียนได้พอดีเลย กดโจวเทียนให้ต่ำลง เขาจะได้รวดกอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองกลับคืนมาด้วย

เมื่อจางซูยวิ๋นเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรเลยเช่นกัน รู้สึกว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีทั้งหมดถูกโจวเทียนทำให้พังลงไปหมดแล้ว

เมื่อกี้หลัวกังอับอายขายขี้หน้ามากจริงๆ แต่อย่างน้อยคนเขาก็สามารถควักเงินหนึ่งแสนสามออกมาได้ ส่วนลูกเขยคนนี้ของตัวเอง เหมือนไม่สามารถควักออกมาได้สักหยวนเลยด้วยซ้ำ

หลี่รั่วเสวี่ยก็ไม่มีอะไรที่จะพูดเช่นกัน ไม่ว่ายังไงเมื่อกี้หลัวกังและเฉินถิงก็เป็นคนจ่ายอาหารในมื้อนี้

เธอมองไปทางโจวเทียนรอบนึง แล้วยิ้มอย่างขืนข่มพลางส่ายหน้าไปมา

เมื่อเห็นสายตาที่ดูผิดหวังในตอนนี้ของรั่วเสวี่ย โจวเทียนก็เริ่มทนต่อไม่ค่อยได้แล้ว

"รั่วเสวี่ย วันนี้พวกเราเป็นคนจ่ายเองก็ได้ อย่าปล่อยให้คนจนๆจ่ายเลย คนเค้ายังต้องใช้ชีวิตอยู่"

ทันใดนั้นเองโจวเทียนได้พูดกับหลี่รั่วเสวี่ย ก่อนจะมองไปทางหลัวกังและเฉินถิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง :"เอาเงินเก็บทั้งชีวิตของตัวเองมาจ่ายอาหารในมื้อนี้ ก็น่าสงสารอยู่นะ"

"แกว่าอะไรนะ? แกจะเป็นคนจ่าย? ได้ งั้นแกคืนหนึ่งแสนสามนั่นกลับมาให้เรา จากนั้นแกค่อยไปจ่าย!"

เฉินถิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น พลางจ้องมองโจวเทียน

"ถิงถิง คำพูดมาแบบนี้คุณก็เชื่อเหมือนกันหรอครับ? ถ้ามันมีปัญญาจ่ายบิลแบบนี้ได้นะ ผมจะรีบคุกเข่าลงไปกับพื้นแล้วกลิ้งออกไปจากร้านเลย" หลัวกังก็ได้พูดแซะอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยเช่นกัน

"นายเป็นคนพูดเองนะ"

สีหน้าของโจวเทียนหม่นหมองลงไป ก่อนจะโบกมือเรียกพนักงานสาวคนดังกล่าวมา แล้วพูดกับเธอว่า :"เธอรีบไปยังห้องการเงิน ให้ถังเสี่ยวนิวที่อยู่ในห้องการเงินเอาเงินหนึ่งนแสนสามเพิ่งกลับมาให้คุณหลัวนี่ที"

"ค่ะๆ ได้เลยค่ะคุณผู้ชาย เดี๋ยวฉันจะลองดูนะคะ…..."

ใบหน้าของพนักงานสาวมึนงง แต่สุดท้ายเธอก็ได้พยักหน้า ก่อนที่จะมุ่งหน้าเดินไปยังห้องการเงินที่อยู่ชั้นสอง

หลัวกังและเฉินถิงชะงักไปก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนจะหัวเราะดังลั่นออกมา

"ฮ่าๆ ตลกเป็นบ้าเลย คนที่อยู่ในห้องการเงินของเค้าจะยอมฟังคำพูดของแกน่ะหรอ?"

เฉินถิงมองโจวเทียน หัวเราะอรงจนแทบจะหงายหลังลงไปเลย

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1672