บทที่ 14 ความสามารถในการรนหาที่ตายยอดเยี่ยมจริงๆ

by จินเหอซี 08:31,Apr 26,2021
หลังจากที่พูดจบ โจวเทียนก็ได้ถอนหายใจยาวออกมาทีนึง

อัดอั้นมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ได้พูดออกมาแล้ว คาดว่าหลังจากที่แม่ยายและภรรยาของตัวเองได้ยินข่าวคราวเรื่องนี้ คงจะมีความสุขมากๆเลยสินะ

แต่ใครจะคาดคิดว่า หลี่รั่วเสวี่ยแค่ผงะไปแค่สองวินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นบนใบหน้าก็เต็มไปด้วยรังสีแห่งความผิดหวัง

"โจวเทียน เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะลางาน แล้วพานายไปโรงพยาบาล"

หลี่รั่วเสวี่ยถอนหายใจก่อนจะพูด

"รั่วเสวี่ย ผมไม่ได้เป็นอะไรนะครับ ทำไมถึงต้องไปโรงพยาบาลด้วย?"

"ไปหาจิตแพทย์"

หลังจากที่พูดจบ หลี่รั่วเสวี่ยก็ได้เดินเข้าไปในห้องนอนของเธอโดยตรงเลย

"แกโม้ต่อไปเถอะ ลูกมหาเศรษฐียังพูดออกมาได้! แกสารภาพมาดีๆ แกพัวพันกับถังเสี่ยวนิวนั่นมานานเท่าไหร่แล้ว?"

จางซูยวิ๋นถามโจวเทียนด้วยอารมณ์ที่โกรธกริ้ว

โจวเทียนถูกถามจนมึนงงไปเลย นี่มันอะไรกันเนี่ย?

"แม่ ผมไม่ได้มีอะไรกับเธอเลยนะครับ"

"รู้อยู่แล้วว่าแกต้องไม่ยอมรับ ยังกล้าทำเรื่องที่ผิดต่อรั่วเสวี่ย หึ พวกเราคอยดูเลยนะ อย่าให้ฉันจับได้ก็พอ!" ในระหว่างที่พูด จางซูยวิ๋นก็ได้เดินกลับไปในห้องนอนของตัวเองด้วยอารมณ์ที่โมโห

โจวเทียนส่ายหน้าไปมา เขารู้อยู่ว่าถึงแม้ตัวเองจะอธิบายมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก แม่ใหญ่ไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาเลยด้วยซ้ำ

และในตอนนี้เอง หลิ่วเยว่เอ๋อร์ก็ได้โทรเข้ามา

"คุณชายคะ โครงการสวนน้ำได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้วค่ะ ส่วนต่างๆของโครงการได้สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณจะมาดูงานหน่อยนะคะ?"

โจวเทียนคิดไม่ถึงเลยว่าการทำงานของเหมียวเผิงจวีจะรวดเร็วได้มากขนาดนี้ เมื่อคิดไปคิดมา สุดท้ายเธอก็ได้ตัดสินใจที่จะไปดูหน้างาน

"เดี๋ยวผมไป"

หลังจากที่โจวเทียนตัดสายไป เขาก็ได้ขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังชานเมืองทางทิศตะวันตก

เมื่อมาถึงสถานที่ก่อสร้างของโครงการสวนน้ำ โจวเทียนพบว่ามีการเตรียมการก่อนการก่อสร้าง

ห้องแถวที่เรียงต่อกันยาว ที่นี่คือแผนกโครงการที่ได้สร้างเอาไว้ชั่วคราว

โจวเทียนเห็นว่าด้านในของห้องมีคนอยู่ด้วย เขาจึงเดินเข้าไป

ทันทีที่เดินเข้าไป เขาก็ได้พบกับเงาร่างของผู้หญิงร่างหนึ่งที่เขาคุ้นชิน

เสื้อผ้าการแต่งตัวของหญิงสาวคนดังกล่าวดูธรรมดามากๆ แต่รูปร่างที่สูงโปร่งกลับทำให้ดูโดดเด่นกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ

เธอคนนั้นคือน้องสาวของตัวเองโจวหลิงหรอเนี่ย!

โจวหลิงในตอนนี้กำลังจับผ้าขี้ริ้วผืนนึงไว้ พลางเช็ดกระจก

ภายในห้องดังกล่าว ยังมีคุณป่าอีกสองสามคนที่กำลังทำความสะอาดอยู่ด้วย

"น้อง ทำไมน้องถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?"

โจวเทียนรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเดินเข้าไปด้านหลังของโจวหลิง

"พี่ชาย!"

เมื่อโจวหลิงเห็นว่าเป็นพี่ชายของตัวเอง ก็ได้ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร "วันนี้ไม่มีเรียนน่ะ หนูอยากออกมาทำงานเพื่อหาค่าขนมเล็กๆน้อยๆ"

โจวเทียนได้ยินแล้วรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก น้องสาวตัวเองเป็นคนที่น่ารักและมีวุฒิภาวะแบบนี้มาโดยตลอด รู้ว่าฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ทันทีที่มีเวลาว่างก็จะออกมาทำงานเพื่อหารายได้เสริมให้ตัวเอง

เมื่อนึกถึงโจวหลิงถูกแม่ยายตัวเองดูถูกเหยียดหยามในครั้งก่อน โจวเทียนก็ยิ่งรู้สึกเจ็บใจมากเข้าไปใหญ่

"ต่อไปไม่ต้องออกมาทำงานแบบนี้อีกแล้วนะ ตอนนี้พี่มีเงินมากๆ น้องแค่ตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอแล้ว ต่อไปถ้าเกิดไม่มีเรียนก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างนะ"

โจวเทียนพูดด้วยความรักและเอ็นดู

โจวหลิงยิ้มอย่างอ่อนโยนไม่ได้ยินเช่นนี้ "หนูไม่ชอบออกไปเที่ยวเล่นค่ะ ทำงานแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จะได้ฝึกฝนร่างกายของตัวเองไปด้วย"

ชะงักไปสักพัก โจวหลิงทำขึ้นมาอย่างเป็นกังวลเล็กน้อยว่า :"ใช่สิพี่ ทำไมพี่ถึงมีเงินที่มากขนาดนั้นอย่างกะทันหันแบบนี้ล่ะคะ ไม่ใช่ว่าทำเรื่องที่ผิดกฎหมายหรอกนะคะ?"

"ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เงินที่พี่หามาได้เป็นเงินที่บริสุทธิ์มากๆ" โจวเทียนลูบหัวโจวหลิงเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

"แกกำลังทำอะไรน่ะ? ไม่ตั้งใจทำงานดีๆ!"

และในตอนนี้เอง หญิงสาวคนหนึ่งได้เดินเข้ามา ด่าตำหนิโจวหลิง

ทำให้โจวหลิงตกใจสะดุ้งทีนึง ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไปเช็ดกระจกต่อ

โจวเทียนหันกลับไปมอง พบว่าหญิงสาวที่เดินเข้ามาดูเหมือนจะมีอายุประมาณยี่สิบกว่า บนใบหน้าของเธออัดแน่นไปด้วยเครื่องสำอาง กลิ่นน้ำหอมที่อยู่บนตัวห่างกันเป็นไมล์ยังสามารถดมกลิ่นได้

หญิงสาวคนนี้ชื่อลู่เหยาฉิน เธอเป็นพนักงานในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนล ภารกิจของเธอในวันนี้ก็คือมาดูการทำงานของพวกโจวหลิงและคนอื่นๆ

"หมายถึงแกน่ะ หูหนวกหรือไง? ไม่ทำงานเอาแต่พูดคุยกัน? ยังอยากเอาค่าตอบแทนอยู่ไหม!"

ลู่เหยาฉินเดินเข้ามาตรงหน้าโจวหลิงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ก่อนจะผลักโจวหลิงทีนึง

โจวหลิงเป็นหญิงสาวที่เก็บตัวและอ่อนโยนคนนึง เมื่อเห็นว่าลู่เหยาฉินดุขนาดนี้ เธอจึงรู้สึกกลัวเล็กน้อย

"ขอโทษค่ะ"

โจวหลิงก้มหน้าพลางพูด

"หักเงินแกยี่สิบหยวน เหอะๆ ยัยแพศยา ใครให้แกเห็นผู้ชายหน่อยไม่ได้เลยนะ เห็นปุ๊บก็จะเข้าไปอ่อยเขาไปทั่ว!"

ลู่เหยาฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางจ้องเขม่นโจวหลิง

โจวหลิงรู้สึกน้อยอกน้อยใจเป็นอย่างมาก ทำงานทั้งวันได้แค่หกสิบหยวนเอง แค่คำพูดเดียวของลู่เหยาฉินก็ถูกหักไปแล้วยี่สิบ……

เธอก็รู้อยู่เหมือนกันว่าลู่เหยาฉินกีดกันเธอเป็นอย่างมาก เอาแต่จับผิดตัวเองตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว

ถ้าเธอจะไปรู้ได้ไงว่า ที่ลู่เหยาฉินทำแบบนี้ก็เพราะอิจฉาที่หน้าตาเธอสวยกว่า

"แกช่วยพูดจาให้มันระมัดระวังหน่อยได้ไหม แกแกว่าใครเป็นแพศยา?"

และในตอนนี้เอง โจวเทียนก็ได้เอ่ยปากพูดขึ้นมา

ลู่เหยาฉินกวาดตามองโจวเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นว่าโจวเทียนแต่งตัวเหมือนคนบ้านนอกคอกนาคนนึง จึงเบ้ปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ

"แกโผล่มาจากที่ไหนเนี่ย ที่นี่เป็นสถานที่ที่แกมาเหยียบได้หรอ?"

ลู่เหยาฉินเอามือกอดอก พลางกรอกตามองบน

"แกอยู่แผนกไหน ชื่ออะไร?"

ใบหน้าของโจวเทียนหม่นหมอง พลางถามลู่เหยาฉิน

ลู่เหยาฉินถลึงตาใส่เขาทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ ก่อนจะชี้หน้าโจวเทียนแล้วพูดว่า :"แกใหญ่มาจากไหน มีสิทธิ์อะไรมาถามชื่อฉัน? รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าให้ฉันต้องเรียกให้คนมาไล่แกออกไป"

เมื่อโจวเทียนได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็หัวเสียจนแทบจะหลุดขำออกมาเลย

ในเมื่อผู้หญิงคนนี้มีหน้าที่ดูแลงานอยู่ที่นี่ คาดว่าต้องเป็นพนักงานในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลแน่นอน

ตอนนี้โจวเทียนเป็นคนที่ควบคุมบริหารหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลที่แท้จริงแล้ว เบื้องล่างมีพนักงานที่ไร้คุณภาพมากขนาดนี้ เขาจะไม่มีทางเก็บเอาไว้ต่อแน่นอน

อีกอย่างผู้หญิงคนนี้กลับกล้าด่าน้องสาวของเขาด้วย เขาจะให้อภัยไม่ได้เด็ดขาด

"ไปเรียกหัวหน้าของแกมา"

โจวเทียนไม่อยากเสวนากับลู่เหยาฉิน ปัดๆมือให้เธอ

ลู่เหยาฉินที่ได้ยินแบบนี้ก็ได้หลุดหัวเราะออกมาทันทีเลย "ฮ่าๆ แสดงได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยหนิ เหม็นสาบคนจนมากขนาดนี้ ยังกร่างเหมือนตัวเองใหญ่โตมากจริงๆอย่างงั้นแหละ!"

"......."

โจวเทียนรู้สึกหมดคำจะพูดกับลู่เหยาฉินจริงๆ ความสามารถในการรนหาที่ตายของแม่นางนี้นี่มันยอดเยี่ยมจริงๆเลยนะ

เมื่อเห็นว่าโจวเทียนไม่พูดอะไร ลู่เหยาฉินก็ยิ่งได้ใจมากเข้าไปใหญ่

"รีบหานังแพศยานี่ไสหัวไปจากที่นี่เลยนะ อย่ามารกหูรกตาเจ๊!"

ในระหว่างที่ลู่เหยาฉินกำลังพูด เธอมองไปทางโจวหลิงที่กำลังเช็ดกระจกอยู่อีกฝั่ง "เห้ย แกไสหัวไปได้แล้ว วันนี้แกจะไม่ได้รับค่าแรงสักหยวนเลย!"

โจวเทียนที่ได้ยินแบบนี้ ในใจก็เย็นวูบลงไปแล้วครึ่งนึง

เงินหกสิบหยวนสำหรับคนอื่นแล้ว อาจจะไม่มีค่ามากขนาดนั้น

แต่สำหรับเธอแล้ว ก็ยังสำคัญมากๆอยู่ ต้องรู้ไว้ก่อนว่าค่าเทอมของเธอในเมื่อก่อน ส่วนมากแล้วก็ได้รับมาจากการทำงานแบบนี้แล้วค่อยๆสะสมเอา

ครั้งนี้โจวเทียนรู้สึกโมโหมากแล้วจริงๆ จะพูดแซะแหน็บแนมเขายังไงก็ได้ เพราะยังไงเขาก็รู้สึกเคยชินมาตั้งนานแล้ว แต่ลู่เหยาฉินดูถูกเหยียดหยามโจวหลิงมากขนาดนี้ โจวเทียนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

"ฮัลโหล ผมมาถึงแล้ว อยู่ในห้องที่เพิ่งสร้างเสร็จ"

โจวเทียนหยิบโทรศัพท์ออกมา แล้วกดโทรหาหลิ่วเยว่เอ๋อร์

"ได้ค่ะคุณชาย เดี๋ยวฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ!"

หลังจากที่หลิ่วเยว่เอ๋อร์ได้รับสาย เธอก็รีบมุ่งหน้าตรงมาอย่างรวดเร็ว แล้วเดินเข้ามาในห้อง

จากความชาญฉลาดของเธอ แค่ดูครั้งเดียวก็สามารถรับรู้ได้แล้วว่าบรรยากาศภายในห้องนี้รุนแรงมากๆ

เห็นแค่ใบหน้าของโจวเทียนเรียบนิ่งเหมือนผิวน้ำ ใจของหลิ่วเยว่เอ๋อร์ก็ฉุดขึ้นมาถึงลูกกระเดือกเลย

ก่อนจะมองไปทางลู่เหยาฉินที่กำลังมองโจวเทียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูก หลิ่วเยว่เอ๋อร์ก็เข้าใจทุกอย่างขึ้นมาได้ทันที

ลู่เหยาฉินเอ่ยลู่เหยาฉิน การที่แกไม่รู้จักคุณชายนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก แต่แกจะเที่ยวไปดูถูกคนอื่นมั่วๆแบบนี้ไม่ได้นะ มามีปัญหากับคุณชาย!

"คุณโจวคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอคะ?"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์ถามโจวเทียนอย่างระมัดระวัง

"ผมไม่อยากเห็นหน้ามันอีก"

โจวเทียนชี้ไปทางลู่เหยาฉิน

หลิ่วเยว่เอ๋อร์ที่ได้ยินแบบนี้แล้วรีบหันหน้ากลับไป มองลู่เหยาฉินพลางพูดว่า :"ลู่เหยาฉิน แกรีบกลับไปทำเรื่องยื่นใบลาออกได้เลย"

"อะไรนะ?"

ลู่เหยาฉินถลึงตาใส่เธอทีนึง ก่อนที่จะลุกพรวดขึ้นมาจากเก้าอี้

"ไม่เข้าใจหรือไง รีบกลับไปบริษัทแล้วทำเรื่องลาออกซะ ต่อไปไม่ต้องมาทำงานแล้ว"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์พูดอย่างจริงจัง

"ฮ่าๆ ตลกมากจริงๆ หลิ่วเยว่เอ๋อร์ อย่าคิดว่าแกเป็นผู้ช่วยของประธานกรรมการแล้วแกจะสามารถไล่ใครออกแบบนี้ก็ได้ แค่แกคนเดียว ยังไม่มีสิทธิ์มาไล่ฉันออกป่ะ?"

ลู่เหยาฉินหัวเราะอย่างเยือกเย็น ถึงแม้ตำแหน่งหน้าที่การงานของหลิ่วเยว่เอ๋อร์จะอยู่สูงกว่าเธอ แต่เนื่องด้วยดำเนินการมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอต้องไม่เอาหลิ่วเยว่เอ๋อร์มาไว้ในสายตาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

หลิ่วเยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วลง พลางคิดในใจอีลู่เหยาฉินนี่มันโง่จริงๆ นี่คุณชายกำลังจะไล่แกออก แต่แกกลับมาบอกว่าฉันไม่มีสิทธิ์!

"แกจะไม่เชื่อก็ได้ แต่ถ้าแกยังสามารถอยู่ในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลต่อได้ละก็ ถือว่าฉันแพ้"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์หัวเราะเบาๆ ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับลู่เหยาฉิน

ลู่เหยาฉินรู้สึกไม่พอใจมากพอสมควรเลย ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยืดเส้นยืดสายก่อนจะเดินเข้าไปตรงหน้าโจวเทียน แล้วตบบ่าโจวเทียนเบาๆ "ไม่เลวเลยนะไอ้บ้านนอก แกยังรู้จักหลิ่วเยว่เอ๋อร์ด้วยหรอเนี่ย"

หลังจากที่พูดจบ เธอหันหน้ากลับมามองหลิ่วเยว่เอ๋อร์ "อย่ามาแอ๊บแบ๊วต่อหน้าฉัน แกมันยั่วเก่งไม่ใช่หรอ เธอสามารถเป็นผู้ช่วยของประธานกรรมการได้ มีอะไรพิเศษหรือ"

ลู่เหยาฉินยิ่งพูดยิ่งได้ใจมากเข้าไปใหญ่ ยังไงตอนนี้ก็แตกคอกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีกต่อไปแล้ว

หลิ่วเยว่เอ๋อร์คิดไม่ถึงจริงๆเลยว่า ลู่เหยาฉินจะกล้าทำตัวแบบนี้กับเธอ!

ต้องรู้ไว้ก่อนว่าหลิ่วเยว่เอ๋อร์เป็นผู้ช่วยของประธานกรรมการเลยนะ ในหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนล นอกจากประธานกรรมการเหมียวเผิงจวีที่กล้าดุเธอ ใครยังกล้ามาทำตัวชี้หน้าสั่งสอนแบบนี้กับเธออีก?

"ลู่เหยาฉิน แกอย่าให้หน้าไม่เอาหน้านะ รีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ!"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์ก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาแล้วเช่นกัน คนสวยก็ต้องการภาพลักษณ์หน้าตาอยู่นะ

"เหอะๆ ตลกเป็นบ้าเลย ทำเหมือนหวนยวี๋อินเตอร์เนชั่นแนลเป็นของบ้านแกอย่างงั้นแหละ! ฉันจะบอกอะไรแกให้หลิ่วเยว่เอ๋อร์ อย่าว่าแต่แกเลย ถึงแม้ท่านประธานกรรมการจะมาเอง ก็ไม่กล้าไล่ฉันออก!"

ลู่เหยาฉินเอามือกอดอก หัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางพูด

โจวเทียนที่ได้ยินแบบนี้ก็ได้ชะงักไปเล็กน้อย สกิลปากของลู่เหยาฉินไม่เลวเลยนะ แม้กระทั่งเหมียวเผิงจวีก็ไม่กล้าไล่เธอออก?

เธอเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้?

"ประสาทแดก"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์หัวเสียไม่เบาเลย สบถด่าออกมาคำนึง

"แกแม่งด่าใครน่ะ? อย่าคิดว่าแกสามารถทำตัวร่านต่อหน้าประธานกรรมการแล้ว ก็จะไม่มีใครกล้าทำอะไรกับแก อิสมองหมา!"

ลู่เหยาฉินขยับตัวเข้ามา พลางชี้หน้าด่าหลิ่วเยว่เอ๋อร์

หลิ่วเยว่เอ๋อร์จะปล่อยให้เธอทำตัวแบบนี้ได้ยังไง ยกมือขึ้นสูงก่อนจะฟาดลงไปที่ใบหน้าของเธอ

เพี๊ยะ!

"โอ๊ย! แกกล้าตบฉันหรอ!"

"ตบแกเนี่ยแหละ ใครให้แกปากดีหละ"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์หัวเราะเหอะๆ

"แกคอยดูเลยนะ! ยังมีแกอีก พวกแกคอยดูเลยนะ!"

ลู่เหยาฉินเบิกตากว้างทั้งสองข้าง ชี้หลิ่วเยว่เอ๋อร์และโจวเทียน ทิ้งท้ายคำนึงก่อนจะวิ่งออกไป

"ขอโทษด้วยนะคะคุณโจว เป็นเพราะฉันทำงานไม่รอบคอบเองค่ะ ทำให้คุณต้องอารมณ์เสียไปด้วย"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์ยิ้มอย่างน่าหลงใหล พลางหันไปพูดกับโจวเทียน

โจวเทียนยอมรับว่า หลิ่วเยว่เอ๋อร์เป็นคนที่มีเสน่ห์มากๆคนนึงจริงๆ พลังแห่งการทำลายล้างหัวใจของผู้ชายสูงมากๆ

เขาปรับความรู้สึกของตัวเองก่อนสักพัก แล้วยิ้มพลางพูด :"ก็ไม่ถึงขั้นอารมณ์เสียหรอกครับ"

พูดจบ โจวเทียนก็ได้เดินไปถึงตรงหน้าโจวหลิง

ถึงแม้จะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่ความรู้สึกและความสัมพันธ์ตลอดระยะเวลาสิบปีมานี้กลับเป็นจริงมากๆ ความสัมพันธ์ของพวกเขาลึกซึ้งกว่าพี่น้องแท้ๆอีก

"เชื่อฟังพี่นะ ต่อไปอย่าออกมาทำงานแบบนี้อีก ตั้งใจเรียนดีๆ ถ้ามีเวลาว่างเดี๋ยวพี่พาน้องออกไปเที่ยวเล่นนะครับ"

โจวเทียนเช็ดเหงื่อให้น้องสาวตัวเองอย่างรักและเอ็นดู พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

โจวหลิงดูจนมึนงงไปตั้งนานแล้ว

เธอดูออกว่าหลิ่วเยว่เอ๋อร์เป็นคนที่มีอำนาจคนหนึ่งในที่นี่เลยนะ อีกอย่างเสื้อผ้าหน้าผมในการแต่งตัวของเธอก็ดูสง่างามและทันสมัยมากๆ แค่ดูก็รู้เลยว่าเป็นผู้หญิงที่มีตำแหน่งและอำนาจสูงมากพอสมควร

แต่ผู้หญิงแบบนี้นี่แหละ เมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ชายตัวเองแล้ว กลับดูเคารพและให้เกียรติเป็นอย่างมาก นี่จึงทำให้เธอมึนงงมากจริงๆ

"พี่คะ หนูไม่เป็นอะไรค่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหนู"

โจวหลิงพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

"ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของคุณโจวเองหรอคะ เห้อต้องโทษฉันคนเดียวเลย!"

หลิ่วเยว่เอ๋อร์รู้สึกตะลึงในใจ ก่อนจะรีบเข้ามาพูด

จนกระทั่งถึงตอนนี้ เธอถึงจะรู้ว่าที่แท้คุณชายยังมีน้องสาวคนหนึ่งที่อยู่ในเมืองเป่ยชวนด้วยหรอเนี่ย

แต่เธอแค่ไม่รู้ว่า โจวหลิงไม่ใช่คุณหนูในตระกูลโจวแต่อย่างใด

"ที่รักคะ อินังนั่นแหละค่ะที่ตบหน้าฉัน!"

และในตอนนี้เอง ลู่เหยาฉินถีบประตูแล้วเดินเข้ามา ร้องไห้เสียงสะอึกสะอื้นพลางฟ้องร้องกับผู้ชายร่างอ้วนคนนึง

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น เธอก็ได้ชี้มาทางหลิ่วเยว่เอ๋อร์

ผู้ชายร่างอ้วนที่เดินเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้วยเนื้อ ดวงตากลมโต ดูเป็นคนที่ดุร้ายมากๆคนนึงเลย

เขามองมาทางหลิ่วเยว่เอ๋อร์รอบนึง กำลังจะระเบิดออกมา แต่กลับสังเกตเห็นได้ทันทีว่าหลิ่วเยว่เอ๋อร์นั้นสง่างามมากจริงๆ

ผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ ถึงแม้จะโกรธมากแค่ไหน เมื่อเห็นว่าเป็นสาวสวย ไฟโกรธที่อยู่ในใจก็ลดลงไปครึ่งนึงเลย

"แม่สาวน้อย เธอมาดเม่มากจริงๆเลยนะ ผู้หญิงของเซียวซานเธอก็กล้าทำร้าย?"

ผู้ชายที่ชื่อเซียวซานหยีตาพลางมองไปทางหลิ่วเยว่เอ๋อร์

เซียวซาน!

หลิ่วเยว่เอ๋อร์ที่ได้ยินแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนขึ้นมาเล็กน้อย

ในเมืองเป่ยชวน ชื่อเสียงเรียงนามของเซียวซานก็โด่งดังพอสมควรเลย

ไอ้หมอนี่ก็คือนักเลงเถื่อนที่พอมีชื่อเสียง นิสัยใจคอเป็นคนที่โหดร้ายและรุนแรงมากๆ คนส่วนมากเมื่อได้ยินชื่อของเขาแล้วก็จะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันทีเลย

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1672