บทที่ 1 ผู้ชายมีน้ำตา

ขั้วโลกเหนือปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งและหิมะฟ้าดินเป็นสีเดียวกัน

ในส่วนลึกของธารน้ำแข็งมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปีที่แม้แต่ดาวเทียมก็ไม่สามารถสำรวจถึงมีฐานทัพทหารลับซ่อนอยู่ใจกลางพวกมัน

นักรบชั้นยอม ทีมแพทย์ที่ฝีมือดีที่สุด ทีมวิจัยอาวุธชั้นนำ

และมีเพียงแต่คนในเท่านั้นที่รู้ว่าฐานทัพระดับโลกนี้ไม่ได้มีไว้เพื่อวิจัยพัฒนาหรือเป็นหน่วยสืบราชการลับแต่เพียงเพื่อปกป้องคนๆเดียวเท่านั้น!

ชายที่ได้รับการขนานนามว่าเทพเจ้าดังดั่งจิตวิญญาณของทหารที่เพียบพร้อมสามล้านนายของตงหัว

ในขณะที่หิมะหลั่งไหลไม่หยุดชายชราในชุดทหารที่มีรูปร่างกำยำคิ้วแหลมคมเดินฝ่าพายุหิมะเข้ามาพร้อมกับรองเท้าคอมแบทคู่นั้น

“เด็กนั่นอาการกำเริบอีกแล้วเหรอ?สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง” เสียงของชายชราผู้นี้หนักแน่น บนไหล่ของเขามีดาวสามดวงติดอยู่บนอินทรธนูส่องแสงประกายวับ

“ผู้นำ!” แพทย์ทหารในชุดคลุมสีขาวทำความเคารพแล้วถอนหายใจ “อาการของหัวหน้ามังกรหนักขึ้น นี่เป็นครั้งที่สามของเดือนนี้แล้วและที่สำคัญความคลั่งไคล้และพลังทำลายล้างของเขาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อยสามเท่า!”

“พวกเราได้เพิ่มความแข็งแกร่งของผนังห้องโดยใช้แร่อลูมิเนียมอัลลอยด์ที่แข็งที่สุดมาเสริมเพื่อกักพลังของหัวหน้ามังกรแต่…..”

พูดยังไม่ทันจบตรงหน้าก็มีนักรบชั้นยอดสิบกว่าคนกำลังช่วยกันขนย้ายกำแพงโลหะหนายี่สิบเซนติเมตรออกมาอย่างยากลำบาก

บนผนังเต็มไปด้วยรอยหมัดที่ใหญ่เท่ากระสอบทราย รอยเท้าที่หนักแน่น รอยหัว…. มองเห็นได้อย่างชัดเจนพลังที่รุนแรงนี้แทบจะทำให้กำแพงทะลุออก

“เด็กนั่นเป็นคนทำเหรอ?”

“ครับ ครับ”

ชายชรารู้สึกหนังศีรษะของตัวเองชาไปหมด

กำแพงที่ทำจากอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่เป็นวัสดุสร้างเครื่องบินหนายี่สิบเซนติเมตรสามารถต้านทานต่อการทิ้งจรวดลูกเล็กๆแต่กลับถูกเด็กนั่นเล่นจนเละ พลังที่แข็งแกร่งนี้เกรงว่าแม้แต่รถถังก็คงจะไม่ต่างกัน

“ฉันจะเข้าไปดูเขา” ชายชราพูดอย่างสงบ

หมอรีบพูดห้ามด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก “ผู้นำอาการของหัวหน้ามังกรเพิ่งจะสงบและอาจจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อตอนนี้มันอันตรายเกินไป คุณ….”

ชายชราเดินเข้าไปในฐานทัพโดยไม่พูดอะไร

ในห้องที่ถูกเสริมด้วยแร่อะลูมิเนียมอัลลอยด์ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมือเท้าของเขาถูกล็อคไว้อย่างแน่นหนา ร่างกายครึ่งท่อนบนของเขาราวกับหล่อหลอมด้วยทองแดงชั้นดี กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งรอยแผลเป็น รอยมีดทั่วตัวของเขาแสดงให้เห็นถึงความมีสง่าราศีของนักรบคนหนึ่ง

แต่ในดวงตาของเขานั้นว่างเปล่าบนตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย

ชายชราอดไม่ได้ที่จะกัดฟันแน่นพร้อมกับรู้สึกเจ็บปวดในใจ

“ตายไม่สำเร็จอีกแล้ว?”

ชายหนุ่มหัวเราะเยาะตัวเองใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความถากถางและความสิ้นหวัง

“ฉันเกือบจะทำให้ตัวเองตายอยู่แล้วแต่ยมบาลก็ไม่ยอมรับฉันสักที ดูเหมือนฉันคนนี้ถึงแม้จะตายไปแม้แต่ผีก็ไม่อยากสนใจ”

“พูดจาผายลมอะไรของแก” ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเขาก็รู้สึกโกรธจนถีบโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าจนคว่ำทำให้หมอที่อยู่รอบข้างถึงกับตกใจ

“ยมบาลถือเป็นตัวอะไร มันกล้าแตะต้องทหารของฉินฉือหวงฉันคนนี้หรือ?”

ชายชราคว้าผมของชายหนุ่มคนนั้นแล้วตะโกนใส่ “ชู่ฟงฟังให้ดีจงอยู่ต่อไป จงยืนหยัดและอยู่ต่อไป!!”

“หากฉันไม่อนุญาตไม่มีใครสามารถเอาชีวิตแกไปทั้งนั้น ไม่มี!”

เมื่อมองชายที่ทรุดโทรมตรงหน้าฉินซือหวงอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย หัวใจของเขารู้สึกเหมือนกับว่าโดนมีดเฉือน

หัวหน้ามังกรชู่หยวนฟงเป็นอาวุธที่สำคัญที่สุดของประเทศและยังเป็นทหารที่โดดเด่นที่สุดของตงหัวในรอบสิบปีนี้และยังเป็นความภาคภูมิใจที่เขาสร้างมันมากับมือ

เขาอยู่ในกองทัพมาตั้งแต่ยังเด็กและเขาประสบความสำเร็จมากมายมันเป็นความศรัทธาและความรุ่งโรจน์ของทหารนับล้านในกองทัพ!

สามปีก่อนชู่หยวนฟงนำทีมของเขาไปกวาดล้างกลุ่มคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นองค์กรหลักของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ในสถานการณ์ที่ทีมของเขาถูกโจมตีจนกระจัดกระจาย เขาใช้มีดฆ่าผู้นำของวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั้งเจ็ดตายทีละคนๆ

ในการทำภารกิจครั้งนั้นทำให้เขาได้รับฉายานามว่าเทพแห่งสงคราม

แต่เพราะในการทำศึกครั้งนั้นทำให้เขาได้รับสารพิษมันดาราที่รุนแรงที่สุดของวิหารศักดิ์สิทธิ์ทำให้ต้องเขาทุกข์ทรมานและเกิดความบ้าคลั่งอย่างหนัก เมื่ออาการกำเริบเขาจะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ทำลายทุกสิ่งแม้แต่คนรู้จักก็ไม่ยอมรับ!

พิษตัวนี้นับวันจะยิ่งส่งผลขึ้นเรื่อยๆและไม่มียารักษา ท้ายที่สุดเขาทำได้เพียงแต่เฝ้ามองดูตัวเองถูกมันทรมานทีละนิดทีละนิดจนกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่รู้จักตัวเอง

นี่มันช่างโหดร้ายเพียงใด

“อยู่ต่อ อยู่ต่อสำหรับฉันมันจะมีความหมายอะไรอีก”

“ทุกวันนี้ก็เหมือนกับตายทั้งเป็นถูกขังอยู่ในสถานที่ไม่ต่างจากกรงเลี้ยงสัตว์และยังต้องกังวลอีกอาการของตัวเองจะกำเริบเมื่อไหร่ จะทำร้ายพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายหรือเปล่า ตาแก่ฉันไม่สามารถเข้าสู่สนามรบได้อีกแล้วไม่เหมาะที่จะเป็นทหารต่อไป ทุกวันนี้นอกจากจะเปลืองเสบียงไปวันวานแล้วฉันยังทำอะไรได้อีก?”

“อยู่ต่อสำหรับฉันมันก็เหมือนกับการทรมาน ตายแล้วถึงจะสามารถปลดปล่อยมันได้”

ชู่หยวนฟงพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ ดวงตาคู่นั้นดูว่างเปล่าไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดๆแฝงอยู่

หากไม่ได้เป็นเพราะเขาสามารถปล่อยวางกับความเป็นความตายได้ก็คงด้านชาไปนานแล้ว

เขามองไม่เห็นความหวัง มองไม่เห็นอนาคต มองไม่เห็นวันพรุ่งนี้ และเขายังต้องรู้สึกผิดทุกวัน รู้สึกผิดที่อาการของเขากำเริบแล้วทำร้ายพี่น้องของตัวเอง รู้สึกผิดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองทำ...

สำหรับนักรบที่เคยยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศแล้วนี่มันเป็นความโหดร้ายเพียงใดและทุกข์ทรมานกับการตายทั้งเป็นเพียงใด

นักรบที่อยู่รอบข้างสามารถรับรู้ถึงความรู้สึกเขาได้อดไม่ได้ที่จะตาแดงขึ้นมา

ฉินซือหวงก็เคร่งขรึมลงไม่รู้ควรจะพูดอย่างไรต่อ

“ท่านผู้นำอาการของหัวมังกรหนักขึ้นทุกวัน ถ้าหากเขายังคิดลบอยู่แบบนี้เกรงว่าสถานการณ์จะแย่ลงขั้นถึงอันตรายต่อชีวิต….”

หมอคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วหยิบผงคริสตัลออกมา “ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่าคงต้องใช้มัน….”

ฉินซือหวงเมื่อได้ยินถึงกับผงะเขาผู้ซึ่งแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยวมาโดยตลอดตอนนี้กับรู้สึกลังเลและเจ็บปวด

เขาเป็นถึงเทพแห่งสงครามที่ตัวเองฝึกมากับมือและเป็นทหารที่โดดเด่นในหมู่คนนับหมื่นจำเป็นต้องใช้สิ่งนี้จริงๆหรือ?

แต่ภายในหนึ่งเดือนอาการกำเริบถึงสามครั้งถ้าหากไม่ใช้มันจะเป็นอย่างไร? เขาจะกลายเป็นสัตว์ร้ายที่ไร้สติได้ทุกเมื่อกลายเป็นสัตว์เดรัจฉานอย่างสมบูรณ์!

“ออกไป ออกไปให้หมด!”

ในตอนนั้นเองชู่หยวนฟงบ้าขึ้นมาอย่างกะทันหันเขาถีบผงถุงนั้นด้วยความโกรธจนกระเด็ดแล้วตะโกนพูด “ฉันเป็นถึงทหารเทพแห่งสงครามที่ภาคภูมิใจ! คุณให้ผมใช้ของสิ่งนี้เพื่อกลายเป็นขี้ยา? แล้วฉันจะไปสู้หน้าพี่น้องที่ตายไปได้อย่างไง แล้วฉันจะมองเครื่องแบบที่ใส่ได้ยังไง”

นักรบชั้นเยี่ยมถึงกับเหงื่อแตกไปทั้งตัวถึงแม้ว่าชู่หยวนฟงจะถูกล็อคกับเก้าอี้แต่พวกเขาก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่รุนแรงราวกับว่าสัตว์ร้ายที่ดุร้ายสามารถตบพวกเขาตายได้ทุกเมื่อ

“แกยังรู้อีกเหรอว่าตัวเองเป็นทหาร? แกยังรู้ตัวอยู่เหรอว่าตัวเองเป็นหัวหน้ามังกรเทพแห่งสงคราม? ในเมื่อเป็นแบบนี้ทำไมแกถึงไม่สามารถควบคุมอาการบาดเจ็บนี้ได้ ทำตัวเป็นผู้อ่อนแอคิดอะไรไม่ออกก็จะตายอย่างเดียว”

ฉินซือหวงโกรธชี้หน้าชู่หยวนฟงและด่าว่า “ศักดิ์ศรีของแกไปไหนหมด ความภาคภูมิใจของแกไปไหนหมด แกเป็นถึงทหารแล้วจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อและยอมแพ้ของแกไปไหนหมด?”

“ต่อไปถ้าแกยังพูดคำว่าตายออกมาอีกแกก็ไสหัวไปซะ!” ฉันไม่มีทหารที่อ่อนแอแบบนี้!

ชู่หยวนฟงกลืนน้ำลายเมื่อเผชิญหน้ากับชายชราที่กำลังโกรธเขาก้มหน้าลงอย่างอ่อนแรง

ฉินซือหวงพูดอย่างเย็นชา เขาลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นหยิบเอกสารฉบับหนึ่งออกมาแล้วโยนไปตรงหน้าชู่หยวนฟง

“มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันปิดบังแกมาห้าปีและตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ควรจะบอกแกแล้ว หลังจากที่ดูแล้วจะไปหรือจะอยู่แกตัดสินใจเอาเอง”

“ถ้าหากแก่ดึงดันที่จะตายปล่อยให้พวกเธอสองแม่ลูกต้องเป็นเด็กกำพร้าพ่อและแม่หม่ายงั้นแกก็ตายไปเถอะ!”

เด็กกำพร้าแม่หม้าย?

ชู่หยวนฟงถึงกับอึ้งเมื่อเปิดเอกสารเขาพูดด้วยความแปลกใจ

“ฉัน ฉันยังมีลูกสาวอีกคน!”

ชู่หยวนฟงมองไปที่ภาพถ่ายสร้อยข้อมือหยกสีชมพูนั่น เด็กหญิงตัวเล็กๆน่ารักเหมือนตุ๊กตา มือทั้งคู่ของเธอสั่นและดวงตาที่ไร้อารมณ์ทำให้เกิดความหวังและความพิศวง

เขามีลูกสาวแล้ว มีความหวังแล้ว!

“นี่ นี่เป็นเรื่องจริง?”

ชู่หยวนฟงรู้สึกว่าทุกอย่างมันกะทันหันเกินไปกลัวว่าจะเป็นแค่ความฝันจึงออกแรงหยิกตัวเองและพบว่ามันเจ็บ

“ข้อมูลจากดราก้อนซุนเคยปลอมด้วยเหรอ ฉันโกหกแกแล้วจะได้อะไร? แกยังจำภารกิจที่เจียงหลินเมื่อห้าปีก่อนได้หรือเปล่า” ฉินซือหวงพูดเบาๆ

ชู่หยวนฟงผงะเมื่อนึกถึงภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืนในบาร์เมื่อห้าปีก่อน นึกถึงหญิงสาวที่สง่างามซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตของเขา

ในตอนนี้เองฉินซือหวงโยนเอกสารฉบับหนึ่งลงตรงหน้าเขาแล้วพูด “นี่เป็นเอกสารรายงานการลาออกขอเพียงแค่แกเซ็นชื่อก็มีผลทันที เมื่อนึกถึงผลงานที่โดดเด่นของแกประเทศชาติจะยึดอำนาจทางทหารกลับคืนแต่จะยังคงรักษาตำแหน่งและหน้าที่ของแกไว้”

“แกไปเสียเถอะ ไปสู่โลกภายนอกไปดูลูกสาวของแกภรรยาของแก”

“ตาแก่ฉันไปได้จริงเหรอ? แล้วพวกตาแก่ที่อยู่เคียวโตะเห็นด้วยกับที่คุณทำแบบนี้เหรอ?”

ทันใดนั้นดวงตาของชู่หยวนฟงแดงและหัวใจของเขารู้สึกสับสนไปหมด

เมื่อเข้าร่วมดราก้อนซุนมีกฎเข้าได้แต่ห้ามออก!

การเข้าร่วมกับดราก้อนซุนหมายถึงการอุทิศทั้งชีวิตให้กับกองทัพและประเทศนี่คือกฎเหล็ก!

แต่วันนี้ฉินซือหวงทำเพื่อเขาโดยการบังคับเขาให้ออกจากตำแหน่งกัปตันของหน่วยดราก้อนซุน นี่เป็นการต่อต้านกฎหมายโทษและความลำบากที่จะได้รับสามารถจินตนาการได้อย่างชัดเจน

“ตลก สิ่งที่ฉันฉินซือหวงทำจะมีใครขวางฉันได้?” ชายชราพูดด้วยความภาคภูมิและเต็มไปด้วยความหนักแน่น

แต่ชู่หยวนฟงจู่ๆก็พบว่าบนไหล่ของฉินซือหวงจากที่มีดาวสี่ดวงตอนนี้กลายเป็นสามดวง!

นี่…….

“ตาแก่ตำแหน่งของคุณ….”

“ทำไมแกถึงเหมือนกับพวกผู้หญิงนักเซ้าซี้อยู่ได้!” ฉินซือหวงโบกมือแล้วพูดอย่างรำคาญจากนั้นถีบเข้าไปที่บั้นท้ายของชู่หยวนฟงแล้วพูด

“รีบไสหัวไปซะฉันเห็นแกแล้วรู้สึกรำคาญ จำไว้เอายาไปด้วยอย่าให้อาการกำเริบแล้วทำให้ฉันอับอายไปทั่ว!”

“ถ้าอย่างนั้นฉันไปล่ะ” ชู่หยวนฟงเบ้ปากยิ้ม “ตาแก่รอให้คุณตายฉันจะกลับมาส่งคุณอย่างแน่นอนจะดื่มเหล้าของคุณให้มากด้วย!”

ฉินซือหวงโกรธ “ไสหัวไป!”

ชู่หยวนฟงหัวเราะฮ่าๆเดินจากไปพร้อมกับโบกมือ เขาถือรูปลูกสาวใบนั้นไว้ในมือรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกและรู้สึกว่าอนาคตของเขาเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง….

“ชู่หยวนฟง”

หลังจากเดินไปสองก้าวทันใดนั้นฉินซือหวงก็ตะโกนจากด้านหลัง ชายชรายืนอยู่นอกประตูปล่อยให้ลมและหิมะโหมกระหน่ำใส่ร่างกำยำเขายืนนิ่งเหมือนภูเขาสูง

“ออกไปแล้วจำไว้ให้ดีเข้าร่วมดราก้อนซุนหนึ่งวันเป็นดราก้อนซุนทั้งชาติ”

“ฉันจะช่วยแกค้ำฟ้าไว้เอง!”

“ส่วนพื้นดินแกต้องเป็นคนเหยียบเอง!”

“ทุกคนที่มีเกียรติบนโลกต้องก้มหัวให้กับแก!”

“นี่ถึงจะเป็นเทพสงครามของดราก้อนซุน ถึงจะเป็นทหารที่ฉันฝึกมากับมือ”

เพี็ยะ!

ฉินซือหวงทำท่าวันทยาหัตถ์ด้วยมือขวาแล้วพูดว่า “ฉันฉินซือหวงน้อมส่งเทพสงครามดราก้อนซุน”

ปัดลาลา!

ท่ามกลางพายุและหิมะนักรบเหล็กตั้งแถวแสดงความเคารพพร้อมกันแล้วพูดอย่างเสียงดัง

“น้อมส่งเทพสงครามแห่งดราก้อนซุน!”

ท่ามกลางลมหิมะที่กระหน่ำมาชู่หยวนฟงฝ่าพายุหิมะก้าวต่อไปเรื่อยๆโดยไม่หันกลับมามอง

ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีความรู้สึก

แต่เป็นเพราะเขาที่อยู่ในกองทัพตั้งแต่เด็กหลั่งเลือดหลั่งเหงื่อแต่ไม่เคยหลั่งน้ำตา….

ตอนนี้น้ำตาพราวพร่างไหลลงอาบแก้ม!

ผู้ชายมีน้ำตาก็ยิ่งมีความรู้สึก!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

463