บทที่ 11 เขาจะเคารพผมเหมือนเทพเจ้า
by เมาในโมเบย
14:35,Jan 25,2021
เหล้ากับผู้หญิง เป็นหัวข้อที่ไม่เคยเปลี่ยนเวลาผู้ชายคุยกัน
ความมึนเมาในคือนี้ทำให้ชู่หยวนฟงกับหลัวกังคุยกันถึงเรื่องในอดีต เมื่อมองย้อนกลับไปก็หัวเราะ มีเรื่องคุยกันไม่หยุดหย่อน
ดื่มเหล้าหลายแก้วคุยกับคนสนิท
"หัวหน้า หัวหน้ามังกร ผมดื่มให้อีกแก้ว ชน!" หลัวกังสะดุดและถือแก้วเหล้าไว้ ถึงแม้จะเดินไม่ค่อยนิ่ง แต่ก็ยังคงทรงตัวอยู่ได้
ชู่หยวนฟงดื่มเหล้าแก้วต่อไป มองไปยังหลัวกัง ส่งเสียงออกมา: "หลัวกัง ทีหลังอย่าเรียกผมหัวหน้ามังกรอีกนะ"
"ผมโตกว่าคุณไม่กี่ปีเอง เรียกผมว่าพี่ฟงละกัน"
"อ๋า นี่ นี่" ทันใดนั้นหลัวกังก็ตื่นขึ้นมาจากความเมา ทั้งตกใจและดีใจ เหมือนกับกำลังฝันอยู่
การเปลี่ยนการเรียกชื่อไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ชู่หยวนฟงนับเขาเป็นคนของตัวเองแล้ว ไว้ใจเขาแล้ว
เมื่อมองไปที่ทั้งประเทศ มีกี่คนที่สามารถเรียกเทพเจ้าแห่งกองทัพดราก้อนชุนเป็นพี่เป็นน้องได้บ้าง หลัวกังเป็นเพียงผู้พันเท่านั้น ไม่ว่าจะมีความสามารถ อำนาจหรือภูมิหลังยังไงก็ยากที่จะเปรียบเทียบกับชู่หยวนฟงได้
นี่คือสื่งที่พระเจ้ามอบให้กับเขา เหลือเชื่อจริงๆ!
"หัวหน้ามังกร ท่าน ท่านดื่มเยอะไม่ได้ ล้อเล่นหน่า"
ชู่หยวนฟงขมวดคิ้ว: "คุณไม่อยากเรียกหรอ? แล้วแต่นะ"
"ไม่ ไม่ ไม่ ผมผิดไปแล้ว.." หลัวกังตื่นตระหนักทันใด รีบยอมรับผิด: "ผมดื่มหนึ่งแก้วเพื่อทำโทษตัวเอง หัว.. ไม่ พี่ฟง ฮ่าๆ"
"เจ้าบื้อ"
ชู่หยวนฟงถีบเขาไปหนึ่งที ในชีวิตคนคนหนึ่งยากที่จะหาคนสนิทใจด้วย
โดยเฉพาะเขาที่มีตำแหน่งระดับนี้ ความสูงอันหนาวเหน็บและอ้างว้าง
หลัวกังดื่มอีกหลายแก้ว ก็ลังเลขึ้นมา ในใจมีเรื่องอยากพูด สุดท้ายเขากัดฟันพูด: "พี่ฟง ในเมื่อพี่นับผมเป็นคนสนิทแล้ว งั้นผมจะพูดตรงๆ แล้วนะ มีบางเรื่องที่ถ้าผมไม่พูดก็รู้สึกอึดอัด
ชู่หยวนฟงพยักหน้า: "พูด"
หลัวกังยกเหล้าดื่มและพูด: "สมาคมการค้าซือไห่ หม่าซานหยวน คนคนนี้ไม่ควรไว้ชีวิตไว้"
"ผมรู้ พี่ฟงเก็บเขาไว้เผื่อมีประโยชน์ แต่คนคนนี้ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่างหนึ่ง ทำอะไรต้องมีลับหลัง ไว้ชีวิตไว้ก็เหมือนดาบสองคม เหมือนกับปล่อยเสือกลับในป่าอะ"
"เสือหรอ? ก็แค่แมวบ้าเท่านั้นแหละ"
ชู่หยวนฟงโบกมือ เสียงนิ่งขึ้น แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง: "อีกทั้งคุณวางใจได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะเคารพผมเหมือนเคารพพระเจ้า"
หลัวกังพยักหน้า ไตร่ตรองเล็กน้อย
นกเค้าแมวอย่างหม่าซานหยวนมักจะทำอะไรตามอำเภอใจ มีนิสัยไม่แน่นอน จะยอมจำนนง่ายๆ ได้ยังไง? ไว้ชีวิตเขาไว้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยเสือเข้าป่า เขารู้สึกว่าครั้งนี้ชู่หยวนฟงใจดีเกินไป
ชู่หยวนฟงมองไปที่เขาและยิ้ม: "เห็นคุณอย่างนี้แล้วเหมือนก็ไม่เห็นด้วยเลย?"
"ก็ได้ งั้นพวกเราพนันกัน ผมพนันว่าภายในเวลาไม่นาน หม่าซานหยวนต้องโทรมา แสดงความจริงใจกับผม"
หลัวกังทำอะไรไม่ถูก: "พี่ฟง ไปกันใหญ่แล้ว"
"หม่าซานหยวนเพิ่งจะตัดแขนตัวเองไป ตอนนี้กำลังรักษาบาดแผลอยู่ที่โรงพยาบาล ใครจะมีอารมณ์โทร"
ติ้งๆๆๆ
คำพูดยังไม่ทันจบ โทรศัพท์ของชู่หยวนฟงก็ดังขึ้น เป็นเสียงของหม่าซานหยวนที่ดังมา:
"ท่านชู่ ผมกำลังเดินทางไปยังบ้านตระกูลโจว คืนโฉนดที่ดิน และก้มกราบขอโทษท่านโจวเลี่ย"
หลัวกังทำหน้าอึ้ง นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!
ชู่หยวนฟงมองเขาไปรอบหนึ่ง พูดด้วยเสียงเนิบๆ: "ไม่รอให้แผลหายก่อนแล้วค่อยไปหล่ะ?"
"เรื่องที่ท่านชู่สั่ง ไม่กล้าชักช้า ต่อให้ต้องโดนมีดแทง ตกเหว เข้าไฟ ก็จะไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว แค่แขนข้างเดียวยังไม่พอ!" เสียงของหม่าซานหยวนอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนกับกำลังประจบสอพอ
"ดี งั้นคุณไปเถอะ คุณเป็นคนฉลาด พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของผมแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบๆ คุณคงเข้าใจดีว่าควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร"
"เข้าใจ หม่าผู้นี้เข้าใจแล้ว หม่าคนนี้จะไม่เปิดเผยตัวตนของท่านชู่เด็ดขาด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หม่าผู้นี้เข้าใจเอง จะชดใช้อดีตที่กระทำไป!"
ชู่หยวนฟงวางโทรศัพท์
หลัวกังดื่มเหล้าแก้วใหญ่สามแก้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและยกนิ้วโป้งให้:
"พี่ฟง นับถือ นับถือจริงๆ!"
วิธีการของหัวหน้ามังกร มีแต่ผมเท่านั้นที่มองเห็น
***
หมุ่บ้านซิงฮัว เมืองตงหยาง
ห้าทุ่มแล้ว แต่ลานบ้านตระกูลโจวยังคงสว่างไสวอยู่ ครื้นเครงเป็นพิเศษ
"หล่าวโจวอา ผมบอกแล้วไง เสี่ยวเฟงเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ในอนาคตจะเป็นมังกรเป็นนกฟินิกส์ท่ามกลางผู้คน คุณดู ก็ตามคาดหน่ะ!"
"รถคันนึงราคายี่สิบล้านกว่าบาท เขาต้องมีเงินเยอะกว่านี้แน่ๆ หล่าวโจว กวางโจวเหยาบรรพบุรุษของเราอะ อย่าลืมญาติๆ ของพวกเราหล่ะ"
"อัยย๋า หลานของผมมีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยวฟงมากที่สุด ตอนนั้นนะเขาอยากจะไปเป็นทหารด้วยกันกับเสี่ยวฟง แต่ใครจะรู้ตอนนี้เป็นพนังงานออฟฟิศไปแล้ว น่าเสียดายมาก"
"หล่าวโจว หาเวลาไปให้เสี่ยวเฟงมาช่วยด้านการเงินของบ้านพวกเราหน่อยสิ พวกเรารู้จักกันมาตั้งหลายสิบปีแล้วนะ"
"มามา ผมเทเหล้าให้ มองอะไร ยังไม่จุดบุหรี่ให้กับลุงโจวอีก ช่างมีตาหามีแววไม่จริงๆ!"
โจวเลี่ยโดนญาติๆ ล้อมไว้อยู่ตรงกลวง มีคนเรียกทั้งด้านในและด้านนอก ด้านหนึ่งก็เทเหล้าให้ ด้านหนึ่งก็จุดไฟให้ ราวกับว่ากำลังสรรเสริญเศรษฐีใหญ่ยังไงงั้น
ได้ยินคำชื่นชมจากคนเหล่านี้ โจวเลี่ยโบกมือแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน ฉีกยิ้มอ้าปากกว้างออกจนเห็นฟัน ทำให้หลิวหมิงหลานที่อยู่ด้านข้างกรอกตาซ้ำไปซ้ำมา: "คนพวกนี้นี่น่ากลัวมา ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ตัวเองได้ดิบดี"
เผยธาตุแท้ วันนี้เผยธาตุแท้แล้วจริงๆ
ชู่หยวนฟงเจ้านี้ ไม่แสดงอะไร เอารถมาราคายี่สิบล้านมาที่นี่ทำอย่างนี้และออกไปอย่างเท่ๆ เผยธาตุแท้ของพวกเห็นแก่ตัว
พวกคนที่มองชู่หยวนฟงไม่ดี ญาติๆ ที่เห็นแก่ตัวที่ดูถูกเขา ตอนนี้กลับทำตัวดีใส่ราวกับฟ้ากับเหว เปลี่ยนท่าให้โจวเลี่ยชอบ หวังว่าจะให้โจวเลี่ยพูดอะไรกับชู่หยวนฟงให้ ช่วยเหลืออะไรพวกเขานิดๆ หน่อยๆ
และทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งด้วย
บางคนชอบบางคนไม่ชอบ
แต่ทางด้านของโจวอิ๋งนั้น รู้สึกเสียใจและหดหู่อย่างมาก แสดงให้เห็นว่าใบหน้าสวยๆ ของเธอมืดมนลงไป
จริงแล้ววันนี้เป็นงานเลี้ยงหมั้นของเธอ เธอสมควรเป็นนางเอกที่ได้รับความสนใจ มีแต่คนอิจฉาและหึงหวง
แต่ การมาของชู่หยวนฟงทำลายสิ่งเหล่านี้ไปหมด ชิงความเฉิดฉายของเธอไป เอาความภาคภูมิใจของเธอไป ทำให้ดูซีดเซียวและอ่อนแอและน่าตลก!
ในค่ำคืนอันสั้นนี้ หูของเธอได้ยินแต่เรื่องๆ ดีที่คนอื่นพุดเกี่ยวกับชู่หยวนฟง เกือบจะทำให้เธอเป็นบ้า ยิ่งญาติๆ ชมชู่หยวนฟงเกี่ยวกับความน่าอิจฉาของเขา ก็ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น!
แต่ เธอจะทำอะไรได้หล่ะ
ราคาของรถคนเดียวของเขาก็เพียงพอที่จะซื้อบริษัททั้งบริษัทของซุนหมิงซวนแล้ว ในสายตาของคนอื่นภูมิหลังครอบครัวของเธอดูซีดเซียวและไร้สาระมาก
"ไอเจ้าบ้านี่ ในเมื่อมีเงินขนาดนั้น ยังทำตัวเป็นคนจนกลับมาบ้านอีก? เขาคิดจะทำอะไร อยากที่จะทำให้ฉันดูแย่หรอ ตั้งใจทำลายงานเลี้ยง!"
"ใช่ เขาต้องตั้งใจแน่ๆ เขาไม่อยากเห็นฉันใช้ชีวิตได้ดีกว่าเขาแน่ๆ ไอสารเลว"
โจวอิ๋งยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่ คันที่จมูกของเธอ อยากที่จะร้องไห้ออกมา
เพื่อนๆ พากันแยกกลับไปแล้ว ในตอนนี้จู่ๆ ซุนหมิงซวนตื่นเต้นวิ่งมาจากด้านนอ: "ข่าวดี ข่าวดี พ่อตาแม่ยาย อิ๋งอิ๋ง เรื่องดีมากๆ ฮ่าๆ"
"มีเรื่องอะไรหรอ? ซุนหมิงซวน คุณซื้อรถราคายี่สิบล้านให้ฉันหรอ?"
ใบหน้าที่โกรธของโจวอิ๋ง ความสุขที่หายไป
"อิ๋งอิ๋ง เรื่องดีของผม ไม่ใช่เพียงแค่ยี่สิบล้าน"
ซุนหมิงซวนดีใจมากและพูดอย่างภูมิใจว่า: "เย็นวันนี้ มีข่าวจากในเมืองว่า เจ้าหน้าที่ของเมืองคนหนึ่งถูกสงสัยว่าละเมิดวินัยอย่างร้ายแรงและถูกจับตัวไป ทันใดนั้นลุงของผมก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง!"
ใบหน้าของโจวอิ๋งตกตะลึงขึ้นมา โจวเลี่ยก็ตกใจ: "ลุงของคุณได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของเมืองแล้วหรอ?"
ลุงของซุนหมิงซวน แม้จะเป็นแค่ผู้นำคนนึง แต่ก็เป็นเพียงแค่ผู้นำระดับเขต ทำไมภายในคืนเดียวก็เลื่อนขั้นมาสามขั้น
"เอ่อ นี่ นี่ไม่ใช่ แต่เป็นลุงของผมที่เป็นหัวหน้าอีกคน ได้ทำหน้าที่เป็นตำแหน่งสูงสุดของเมืองแทน แต่ลุงของผมคนนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเช่นกัน ตอนนี้ได้เป็นรองหัวหน้าประจำเมืองแล้ว"
"สามอำนาจใหญ่แห่งเมืองเจียงหลิน อำนาจใหญ่จริงๆ!"
ซุนหมิงซวนมองไปที่ครอบครัวของโจวเลี่ยทั้งสามคนและพูดออกมาว่า: "อิ๋งอิ๋ง พ่อ แม่ รู้ไว้นะว่าในเมืองเจียงหลินนี้มีคนหลายสิบล้าน หลายร้อยล้าน แต่คนที่มีสามอำนาจใหญ่มีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือท่านลุง!"
"ท่านลุงของของตระกูลซุนของผม"
ซุนหมิงซวนจับเอวนุ่ม ๆ ของโจวหยิงราวกับจะพูดว่า: "ดูสิ คุณผู้ชายของคุณ ทำให้คุณดูดีแค่ไหน!
โจวเลี่ยเบะปากไม่สนใจ แต่แววตาของโจวอิ๋งสว่างขึ้นมา และพูดเรื่อยเปื่อยออกมา:
"ใช่สิ ในยุคนี้ เมื่อเทียบกับอำนาจแล้ว เงินก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น!
เฉินว้านเฉียนในราชวงศ์หมิงเป็นคนที่ร่ำรวย สุดท้ายก็ถูกปราบปรามด้วยอำนาจและต้องส่งมอบสินทรัพย์ทั้งหมดของครอบครัวเขา เมื่อเทียบกับอำนาจของตระกูลซุนแล้ว เงินไม่กี่สิบล้านของชู่หยวนฟงก็ไม่เท่าไหร่?
อีกทั้ง มีอำนาจแล้ว ต้องเครียดกับเรื่องเงินด้วยหรอ!
เศรษฐีพวกนั้นจะมอบเงินมาเอง!
ใบหน้าของโจวอิ๋งสีแดงกล่ำพร้อมกับความมั่นใจที่กลับมา เธอถามด้วยความตื่นเต้นว่า: "หมิงซุน วันนี้ท่านลุงตำแหน่งสูงแล้ว งั้นก็สามารถจับพวกสมาคมการค้าซือไห่ได้แล้วล่ะสิ เอาโฉนดที่ดินของพวกเราคืนมา"
งานเลี้ยงตอนกลางวัน หลังจากได้ยินเรื่องสมาคมการค้าซือไห่ยึดดินแดนของโจวเลี่ย ชู่หยวนฟงก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ผู้ชายของโจวอิ๋งทำให้เรื่องนี่สำเร็จแล้ว เธอสามารถเงยหน้าขึ้นเมื่อยืนต่อหน้าชู่หยวนฟงแล้ว และยังสามารถเหยียบเท้าเขาอย่างเหี้ยมโหดได้ด้วย ไออัปยศ!
"นี่--"
ซุนหมิงซวนกลอกตาและพูดว่า: "อิ๋งอิ๋ง ผมส่งข้อความให้กับลุงของผมแล้ว เขากำลังเริ่มกระบวนการเตือนหม่าซานหยวนและสมาคมการค้าซือไห่ เจรจาเรื่องโฉนดที่ดีของพวกเรา ทุกอย่างจะกลับคืนมา ไม่ต้องรีบร้อน"
ซุนหมิงซวนพูดไปอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องที่สมาคมการค้าซือไห่เอาโฉนดที่ดินของตระกูลโจวไป เขาแค่เอ่ยปากพูดกับลุงไปแค่เท่านั้น
ลุงจะทำหรือไม่ทำนั้นไม่รู้ ถ้าเกิดลุงจัดการเรื่องนี้ งั้นหม่าซานหยนของสมาคมการค้าซือไห่ จะให้เกียรติท่านลุงไหม ก็ยังพูดไม่ได้
ของจริงคือหม่าซานหยวนอยู่ในเจียงหลินมากว่ายี่สิบปี ธุรกิจขนาดใหญ่ อำนาจล้นฟ้า แม้แต่เมืองหลวงยังต้องให้เกียรติเขา
"หมิงซุน สมาคมการค้าซือไห่นี้จะเอาโฉนดที่ดินมาคืนพวกเราจริงๆ หรอ? ดีจริง" หลิวหมิงหลายซาบซึ้งเล็กน้อย
เธอเอาแต่กลัวว่าชู่หยวนฟงจะทำเรื่องอะไรโง่ๆ ไปแก้แค้นกับสมาคมการค้าซือไห่ ถ้าเกิดสามารถจัดการได้แล้ว ก็เท่ากับว่าทำให้เธอสบายใจไปได้เรื่องหนึ่ง
โจวเลี่ยมองไปที่ซุนหมิงซวนด้วยสายตาผิดหวัง และตะคอกออกมา: "ก็แค่เขาอะนะ ช่างเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไร"
"แค่ความกล้าของเขาอะนะ เห็นหม่าซานหยวนที ไม่กลัวจนขี้ดหดตดหายหรอ? ยังให้คนขอโทษอีก น่าขำสิ้นดี"
โจวอิ๋งไม่พอใจเหยียบเท้าเข้าไปหนึ่งที: "พ่อ ทำไมพูดอย่างนี้กับหมิงซวนหล่ะ"
"พ่อ ลูกเข้าใจพ่อน้อยไปแล้ว!"
ซุนหมิงซนยืนตรงและรู้สึกโกรธข้างในเมื่อได้ยินคำดูถูกของโจวเลี่ย เขาตบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างกล้าหาญ ดูเหมือนเป็นกษัตริย์ที่หนึ่งของโลก:
"วันนี้ผมพูดกับคุณไว้ตรงนี้ ผมทำให้พวกสมาคมการค้าซือไห่ไม่เพียงแต่คือโฉนดที่ดินเท่านั้น แต่จะทำให้หม่าซานหยวนมายังหน้าบ้านของพวกเราและก้มกราบขอโทษ คุณเชื่อไหมหล่ะ?!"
ซุนหมิงซวนหน้าแดงและโมโห:
"หม่าซานหยวนก็แค่ขยะ อำนาจใหญ่ของตระกูลซุนจะทำให้เขากลัว เห็นผมแล้วจะก้มร้องขอชีวิต!"
ใบหน้าโจวอิ๋งนับถือ
ปังปังปัง
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังมากจากประตูใหญ่บ้านตระกูลโจว หลังจากนั้นก็มีเสียงทุ่มดังมา:
"ขอโทษที นี่เป็นบ้านของโจวเลี่ยหรือเปล่า?"
"สมาคมการค้าซือไห่ หม่าซานหยวนมาเยี่ยม!"
คนในที่นั้นพากันตกตะลึง
บูม--
ทันใดนั้นขาทั้งสองข้างของซุนหมิงซวนก็อ่อนตัวและทรุดลงไปบนพื้น ใบหน้าของเขาซีดเซียว ระหว่างที่พูดฟันของเขาก็สั่น
"สมา... สมาคม... สมาคมการค้า... ซือไห่... หม่า... หม่า... หม่าซาน... หยวน...?"
ความมึนเมาในคือนี้ทำให้ชู่หยวนฟงกับหลัวกังคุยกันถึงเรื่องในอดีต เมื่อมองย้อนกลับไปก็หัวเราะ มีเรื่องคุยกันไม่หยุดหย่อน
ดื่มเหล้าหลายแก้วคุยกับคนสนิท
"หัวหน้า หัวหน้ามังกร ผมดื่มให้อีกแก้ว ชน!" หลัวกังสะดุดและถือแก้วเหล้าไว้ ถึงแม้จะเดินไม่ค่อยนิ่ง แต่ก็ยังคงทรงตัวอยู่ได้
ชู่หยวนฟงดื่มเหล้าแก้วต่อไป มองไปยังหลัวกัง ส่งเสียงออกมา: "หลัวกัง ทีหลังอย่าเรียกผมหัวหน้ามังกรอีกนะ"
"ผมโตกว่าคุณไม่กี่ปีเอง เรียกผมว่าพี่ฟงละกัน"
"อ๋า นี่ นี่" ทันใดนั้นหลัวกังก็ตื่นขึ้นมาจากความเมา ทั้งตกใจและดีใจ เหมือนกับกำลังฝันอยู่
การเปลี่ยนการเรียกชื่อไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พูดง่ายๆ ก็คือ ชู่หยวนฟงนับเขาเป็นคนของตัวเองแล้ว ไว้ใจเขาแล้ว
เมื่อมองไปที่ทั้งประเทศ มีกี่คนที่สามารถเรียกเทพเจ้าแห่งกองทัพดราก้อนชุนเป็นพี่เป็นน้องได้บ้าง หลัวกังเป็นเพียงผู้พันเท่านั้น ไม่ว่าจะมีความสามารถ อำนาจหรือภูมิหลังยังไงก็ยากที่จะเปรียบเทียบกับชู่หยวนฟงได้
นี่คือสื่งที่พระเจ้ามอบให้กับเขา เหลือเชื่อจริงๆ!
"หัวหน้ามังกร ท่าน ท่านดื่มเยอะไม่ได้ ล้อเล่นหน่า"
ชู่หยวนฟงขมวดคิ้ว: "คุณไม่อยากเรียกหรอ? แล้วแต่นะ"
"ไม่ ไม่ ไม่ ผมผิดไปแล้ว.." หลัวกังตื่นตระหนักทันใด รีบยอมรับผิด: "ผมดื่มหนึ่งแก้วเพื่อทำโทษตัวเอง หัว.. ไม่ พี่ฟง ฮ่าๆ"
"เจ้าบื้อ"
ชู่หยวนฟงถีบเขาไปหนึ่งที ในชีวิตคนคนหนึ่งยากที่จะหาคนสนิทใจด้วย
โดยเฉพาะเขาที่มีตำแหน่งระดับนี้ ความสูงอันหนาวเหน็บและอ้างว้าง
หลัวกังดื่มอีกหลายแก้ว ก็ลังเลขึ้นมา ในใจมีเรื่องอยากพูด สุดท้ายเขากัดฟันพูด: "พี่ฟง ในเมื่อพี่นับผมเป็นคนสนิทแล้ว งั้นผมจะพูดตรงๆ แล้วนะ มีบางเรื่องที่ถ้าผมไม่พูดก็รู้สึกอึดอัด
ชู่หยวนฟงพยักหน้า: "พูด"
หลัวกังยกเหล้าดื่มและพูด: "สมาคมการค้าซือไห่ หม่าซานหยวน คนคนนี้ไม่ควรไว้ชีวิตไว้"
"ผมรู้ พี่ฟงเก็บเขาไว้เผื่อมีประโยชน์ แต่คนคนนี้ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอย่างหนึ่ง ทำอะไรต้องมีลับหลัง ไว้ชีวิตไว้ก็เหมือนดาบสองคม เหมือนกับปล่อยเสือกลับในป่าอะ"
"เสือหรอ? ก็แค่แมวบ้าเท่านั้นแหละ"
ชู่หยวนฟงโบกมือ เสียงนิ่งขึ้น แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง: "อีกทั้งคุณวางใจได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เขาจะเคารพผมเหมือนเคารพพระเจ้า"
หลัวกังพยักหน้า ไตร่ตรองเล็กน้อย
นกเค้าแมวอย่างหม่าซานหยวนมักจะทำอะไรตามอำเภอใจ มีนิสัยไม่แน่นอน จะยอมจำนนง่ายๆ ได้ยังไง? ไว้ชีวิตเขาไว้ ก็ไม่ต่างอะไรกับการปล่อยเสือเข้าป่า เขารู้สึกว่าครั้งนี้ชู่หยวนฟงใจดีเกินไป
ชู่หยวนฟงมองไปที่เขาและยิ้ม: "เห็นคุณอย่างนี้แล้วเหมือนก็ไม่เห็นด้วยเลย?"
"ก็ได้ งั้นพวกเราพนันกัน ผมพนันว่าภายในเวลาไม่นาน หม่าซานหยวนต้องโทรมา แสดงความจริงใจกับผม"
หลัวกังทำอะไรไม่ถูก: "พี่ฟง ไปกันใหญ่แล้ว"
"หม่าซานหยวนเพิ่งจะตัดแขนตัวเองไป ตอนนี้กำลังรักษาบาดแผลอยู่ที่โรงพยาบาล ใครจะมีอารมณ์โทร"
ติ้งๆๆๆ
คำพูดยังไม่ทันจบ โทรศัพท์ของชู่หยวนฟงก็ดังขึ้น เป็นเสียงของหม่าซานหยวนที่ดังมา:
"ท่านชู่ ผมกำลังเดินทางไปยังบ้านตระกูลโจว คืนโฉนดที่ดิน และก้มกราบขอโทษท่านโจวเลี่ย"
หลัวกังทำหน้าอึ้ง นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!
ชู่หยวนฟงมองเขาไปรอบหนึ่ง พูดด้วยเสียงเนิบๆ: "ไม่รอให้แผลหายก่อนแล้วค่อยไปหล่ะ?"
"เรื่องที่ท่านชู่สั่ง ไม่กล้าชักช้า ต่อให้ต้องโดนมีดแทง ตกเหว เข้าไฟ ก็จะไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว แค่แขนข้างเดียวยังไม่พอ!" เสียงของหม่าซานหยวนอ่อนน้อมถ่อมตนเหมือนกับกำลังประจบสอพอ
"ดี งั้นคุณไปเถอะ คุณเป็นคนฉลาด พ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงของผมแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสงบๆ คุณคงเข้าใจดีว่าควรพูดอะไร ไม่ควรพูดอะไร"
"เข้าใจ หม่าผู้นี้เข้าใจแล้ว หม่าคนนี้จะไม่เปิดเผยตัวตนของท่านชู่เด็ดขาด ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่หม่าผู้นี้เข้าใจเอง จะชดใช้อดีตที่กระทำไป!"
ชู่หยวนฟงวางโทรศัพท์
หลัวกังดื่มเหล้าแก้วใหญ่สามแก้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชมและยกนิ้วโป้งให้:
"พี่ฟง นับถือ นับถือจริงๆ!"
วิธีการของหัวหน้ามังกร มีแต่ผมเท่านั้นที่มองเห็น
***
หมุ่บ้านซิงฮัว เมืองตงหยาง
ห้าทุ่มแล้ว แต่ลานบ้านตระกูลโจวยังคงสว่างไสวอยู่ ครื้นเครงเป็นพิเศษ
"หล่าวโจวอา ผมบอกแล้วไง เสี่ยวเฟงเด็กคนนี้ไม่ธรรมดา ในอนาคตจะเป็นมังกรเป็นนกฟินิกส์ท่ามกลางผู้คน คุณดู ก็ตามคาดหน่ะ!"
"รถคันนึงราคายี่สิบล้านกว่าบาท เขาต้องมีเงินเยอะกว่านี้แน่ๆ หล่าวโจว กวางโจวเหยาบรรพบุรุษของเราอะ อย่าลืมญาติๆ ของพวกเราหล่ะ"
"อัยย๋า หลานของผมมีความสัมพันธ์อันดีกับเสี่ยวฟงมากที่สุด ตอนนั้นนะเขาอยากจะไปเป็นทหารด้วยกันกับเสี่ยวฟง แต่ใครจะรู้ตอนนี้เป็นพนังงานออฟฟิศไปแล้ว น่าเสียดายมาก"
"หล่าวโจว หาเวลาไปให้เสี่ยวเฟงมาช่วยด้านการเงินของบ้านพวกเราหน่อยสิ พวกเรารู้จักกันมาตั้งหลายสิบปีแล้วนะ"
"มามา ผมเทเหล้าให้ มองอะไร ยังไม่จุดบุหรี่ให้กับลุงโจวอีก ช่างมีตาหามีแววไม่จริงๆ!"
โจวเลี่ยโดนญาติๆ ล้อมไว้อยู่ตรงกลวง มีคนเรียกทั้งด้านในและด้านนอก ด้านหนึ่งก็เทเหล้าให้ ด้านหนึ่งก็จุดไฟให้ ราวกับว่ากำลังสรรเสริญเศรษฐีใหญ่ยังไงงั้น
ได้ยินคำชื่นชมจากคนเหล่านี้ โจวเลี่ยโบกมือแสร้งทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตน ฉีกยิ้มอ้าปากกว้างออกจนเห็นฟัน ทำให้หลิวหมิงหลานที่อยู่ด้านข้างกรอกตาซ้ำไปซ้ำมา: "คนพวกนี้นี่น่ากลัวมา ทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ตัวเองได้ดิบดี"
เผยธาตุแท้ วันนี้เผยธาตุแท้แล้วจริงๆ
ชู่หยวนฟงเจ้านี้ ไม่แสดงอะไร เอารถมาราคายี่สิบล้านมาที่นี่ทำอย่างนี้และออกไปอย่างเท่ๆ เผยธาตุแท้ของพวกเห็นแก่ตัว
พวกคนที่มองชู่หยวนฟงไม่ดี ญาติๆ ที่เห็นแก่ตัวที่ดูถูกเขา ตอนนี้กลับทำตัวดีใส่ราวกับฟ้ากับเหว เปลี่ยนท่าให้โจวเลี่ยชอบ หวังว่าจะให้โจวเลี่ยพูดอะไรกับชู่หยวนฟงให้ ช่วยเหลืออะไรพวกเขานิดๆ หน่อยๆ
และทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความรุ่งโรจน์และมั่งคั่งด้วย
บางคนชอบบางคนไม่ชอบ
แต่ทางด้านของโจวอิ๋งนั้น รู้สึกเสียใจและหดหู่อย่างมาก แสดงให้เห็นว่าใบหน้าสวยๆ ของเธอมืดมนลงไป
จริงแล้ววันนี้เป็นงานเลี้ยงหมั้นของเธอ เธอสมควรเป็นนางเอกที่ได้รับความสนใจ มีแต่คนอิจฉาและหึงหวง
แต่ การมาของชู่หยวนฟงทำลายสิ่งเหล่านี้ไปหมด ชิงความเฉิดฉายของเธอไป เอาความภาคภูมิใจของเธอไป ทำให้ดูซีดเซียวและอ่อนแอและน่าตลก!
ในค่ำคืนอันสั้นนี้ หูของเธอได้ยินแต่เรื่องๆ ดีที่คนอื่นพุดเกี่ยวกับชู่หยวนฟง เกือบจะทำให้เธอเป็นบ้า ยิ่งญาติๆ ชมชู่หยวนฟงเกี่ยวกับความน่าอิจฉาของเขา ก็ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นเท่านั้น!
แต่ เธอจะทำอะไรได้หล่ะ
ราคาของรถคนเดียวของเขาก็เพียงพอที่จะซื้อบริษัททั้งบริษัทของซุนหมิงซวนแล้ว ในสายตาของคนอื่นภูมิหลังครอบครัวของเธอดูซีดเซียวและไร้สาระมาก
"ไอเจ้าบ้านี่ ในเมื่อมีเงินขนาดนั้น ยังทำตัวเป็นคนจนกลับมาบ้านอีก? เขาคิดจะทำอะไร อยากที่จะทำให้ฉันดูแย่หรอ ตั้งใจทำลายงานเลี้ยง!"
"ใช่ เขาต้องตั้งใจแน่ๆ เขาไม่อยากเห็นฉันใช้ชีวิตได้ดีกว่าเขาแน่ๆ ไอสารเลว"
โจวอิ๋งยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่ คันที่จมูกของเธอ อยากที่จะร้องไห้ออกมา
เพื่อนๆ พากันแยกกลับไปแล้ว ในตอนนี้จู่ๆ ซุนหมิงซวนตื่นเต้นวิ่งมาจากด้านนอ: "ข่าวดี ข่าวดี พ่อตาแม่ยาย อิ๋งอิ๋ง เรื่องดีมากๆ ฮ่าๆ"
"มีเรื่องอะไรหรอ? ซุนหมิงซวน คุณซื้อรถราคายี่สิบล้านให้ฉันหรอ?"
ใบหน้าที่โกรธของโจวอิ๋ง ความสุขที่หายไป
"อิ๋งอิ๋ง เรื่องดีของผม ไม่ใช่เพียงแค่ยี่สิบล้าน"
ซุนหมิงซวนดีใจมากและพูดอย่างภูมิใจว่า: "เย็นวันนี้ มีข่าวจากในเมืองว่า เจ้าหน้าที่ของเมืองคนหนึ่งถูกสงสัยว่าละเมิดวินัยอย่างร้ายแรงและถูกจับตัวไป ทันใดนั้นลุงของผมก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง!"
ใบหน้าของโจวอิ๋งตกตะลึงขึ้นมา โจวเลี่ยก็ตกใจ: "ลุงของคุณได้ดำรงตำแหน่งสูงสุดของเมืองแล้วหรอ?"
ลุงของซุนหมิงซวน แม้จะเป็นแค่ผู้นำคนนึง แต่ก็เป็นเพียงแค่ผู้นำระดับเขต ทำไมภายในคืนเดียวก็เลื่อนขั้นมาสามขั้น
"เอ่อ นี่ นี่ไม่ใช่ แต่เป็นลุงของผมที่เป็นหัวหน้าอีกคน ได้ทำหน้าที่เป็นตำแหน่งสูงสุดของเมืองแทน แต่ลุงของผมคนนั้นก็ได้เลื่อนตำแหน่งเช่นกัน ตอนนี้ได้เป็นรองหัวหน้าประจำเมืองแล้ว"
"สามอำนาจใหญ่แห่งเมืองเจียงหลิน อำนาจใหญ่จริงๆ!"
ซุนหมิงซวนมองไปที่ครอบครัวของโจวเลี่ยทั้งสามคนและพูดออกมาว่า: "อิ๋งอิ๋ง พ่อ แม่ รู้ไว้นะว่าในเมืองเจียงหลินนี้มีคนหลายสิบล้าน หลายร้อยล้าน แต่คนที่มีสามอำนาจใหญ่มีเพียงหนึ่งเดียว ก็คือท่านลุง!"
"ท่านลุงของของตระกูลซุนของผม"
ซุนหมิงซวนจับเอวนุ่ม ๆ ของโจวหยิงราวกับจะพูดว่า: "ดูสิ คุณผู้ชายของคุณ ทำให้คุณดูดีแค่ไหน!
โจวเลี่ยเบะปากไม่สนใจ แต่แววตาของโจวอิ๋งสว่างขึ้นมา และพูดเรื่อยเปื่อยออกมา:
"ใช่สิ ในยุคนี้ เมื่อเทียบกับอำนาจแล้ว เงินก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น!
เฉินว้านเฉียนในราชวงศ์หมิงเป็นคนที่ร่ำรวย สุดท้ายก็ถูกปราบปรามด้วยอำนาจและต้องส่งมอบสินทรัพย์ทั้งหมดของครอบครัวเขา เมื่อเทียบกับอำนาจของตระกูลซุนแล้ว เงินไม่กี่สิบล้านของชู่หยวนฟงก็ไม่เท่าไหร่?
อีกทั้ง มีอำนาจแล้ว ต้องเครียดกับเรื่องเงินด้วยหรอ!
เศรษฐีพวกนั้นจะมอบเงินมาเอง!
ใบหน้าของโจวอิ๋งสีแดงกล่ำพร้อมกับความมั่นใจที่กลับมา เธอถามด้วยความตื่นเต้นว่า: "หมิงซุน วันนี้ท่านลุงตำแหน่งสูงแล้ว งั้นก็สามารถจับพวกสมาคมการค้าซือไห่ได้แล้วล่ะสิ เอาโฉนดที่ดินของพวกเราคืนมา"
งานเลี้ยงตอนกลางวัน หลังจากได้ยินเรื่องสมาคมการค้าซือไห่ยึดดินแดนของโจวเลี่ย ชู่หยวนฟงก็ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ผู้ชายของโจวอิ๋งทำให้เรื่องนี่สำเร็จแล้ว เธอสามารถเงยหน้าขึ้นเมื่อยืนต่อหน้าชู่หยวนฟงแล้ว และยังสามารถเหยียบเท้าเขาอย่างเหี้ยมโหดได้ด้วย ไออัปยศ!
"นี่--"
ซุนหมิงซวนกลอกตาและพูดว่า: "อิ๋งอิ๋ง ผมส่งข้อความให้กับลุงของผมแล้ว เขากำลังเริ่มกระบวนการเตือนหม่าซานหยวนและสมาคมการค้าซือไห่ เจรจาเรื่องโฉนดที่ดีของพวกเรา ทุกอย่างจะกลับคืนมา ไม่ต้องรีบร้อน"
ซุนหมิงซวนพูดไปอย่างนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว เรื่องที่สมาคมการค้าซือไห่เอาโฉนดที่ดินของตระกูลโจวไป เขาแค่เอ่ยปากพูดกับลุงไปแค่เท่านั้น
ลุงจะทำหรือไม่ทำนั้นไม่รู้ ถ้าเกิดลุงจัดการเรื่องนี้ งั้นหม่าซานหยนของสมาคมการค้าซือไห่ จะให้เกียรติท่านลุงไหม ก็ยังพูดไม่ได้
ของจริงคือหม่าซานหยวนอยู่ในเจียงหลินมากว่ายี่สิบปี ธุรกิจขนาดใหญ่ อำนาจล้นฟ้า แม้แต่เมืองหลวงยังต้องให้เกียรติเขา
"หมิงซุน สมาคมการค้าซือไห่นี้จะเอาโฉนดที่ดินมาคืนพวกเราจริงๆ หรอ? ดีจริง" หลิวหมิงหลายซาบซึ้งเล็กน้อย
เธอเอาแต่กลัวว่าชู่หยวนฟงจะทำเรื่องอะไรโง่ๆ ไปแก้แค้นกับสมาคมการค้าซือไห่ ถ้าเกิดสามารถจัดการได้แล้ว ก็เท่ากับว่าทำให้เธอสบายใจไปได้เรื่องหนึ่ง
โจวเลี่ยมองไปที่ซุนหมิงซวนด้วยสายตาผิดหวัง และตะคอกออกมา: "ก็แค่เขาอะนะ ช่างเถอะ ผมไม่ได้คาดหวังอะไร"
"แค่ความกล้าของเขาอะนะ เห็นหม่าซานหยวนที ไม่กลัวจนขี้ดหดตดหายหรอ? ยังให้คนขอโทษอีก น่าขำสิ้นดี"
โจวอิ๋งไม่พอใจเหยียบเท้าเข้าไปหนึ่งที: "พ่อ ทำไมพูดอย่างนี้กับหมิงซวนหล่ะ"
"พ่อ ลูกเข้าใจพ่อน้อยไปแล้ว!"
ซุนหมิงซนยืนตรงและรู้สึกโกรธข้างในเมื่อได้ยินคำดูถูกของโจวเลี่ย เขาตบไปที่หน้าอกของตัวเองอย่างกล้าหาญ ดูเหมือนเป็นกษัตริย์ที่หนึ่งของโลก:
"วันนี้ผมพูดกับคุณไว้ตรงนี้ ผมทำให้พวกสมาคมการค้าซือไห่ไม่เพียงแต่คือโฉนดที่ดินเท่านั้น แต่จะทำให้หม่าซานหยวนมายังหน้าบ้านของพวกเราและก้มกราบขอโทษ คุณเชื่อไหมหล่ะ?!"
ซุนหมิงซวนหน้าแดงและโมโห:
"หม่าซานหยวนก็แค่ขยะ อำนาจใหญ่ของตระกูลซุนจะทำให้เขากลัว เห็นผมแล้วจะก้มร้องขอชีวิต!"
ใบหน้าโจวอิ๋งนับถือ
ปังปังปัง
ในเวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะดังมากจากประตูใหญ่บ้านตระกูลโจว หลังจากนั้นก็มีเสียงทุ่มดังมา:
"ขอโทษที นี่เป็นบ้านของโจวเลี่ยหรือเปล่า?"
"สมาคมการค้าซือไห่ หม่าซานหยวนมาเยี่ยม!"
คนในที่นั้นพากันตกตะลึง
บูม--
ทันใดนั้นขาทั้งสองข้างของซุนหมิงซวนก็อ่อนตัวและทรุดลงไปบนพื้น ใบหน้าของเขาซีดเซียว ระหว่างที่พูดฟันของเขาก็สั่น
"สมา... สมาคม... สมาคมการค้า... ซือไห่... หม่า... หม่า... หม่าซาน... หยวน...?"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved