บทที่ 5 ทุกสิ่งยังคงเหมือนเดิมยกเว้นคน
by เมาในโมเบย
14:34,Jan 25,2021
อากาศเริ่มหนาวเย็นลง
ชู่หยวนฟงยืนพิงอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างช้าๆรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ในสมองเขาคิดวิธีที่จะทำให้ซูมู่ชิงสองแม่ยอมรับในตัวเขาเป็นหมื่นวิธีถึงขั้นทำใจยอมรับกันถูกด่าถูกกล่าวว่าและถึงขั้นยอมรับการถูกเกลียดชัง
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือเมื่อเจอพวกเธอสองแม่ลูกเขาจริงเขากลับไม่กล้าที่จะยอมรับมัน!
ซูมู่ชิงเป็นคนที่ฉลาดเป็นคนที่อ่อนโยนเพื่อลูกสาวของตัวเองเธอยอมเฝ้าห้องนอนที่ว่างเปล่ามานานห้าปีถึงขั้นไม่เสียใจที่ถูกไล่ออกจากตระกูลและแตกแยกกับตระกูลของตัวเอง
และยิ่งไปกว่านั้นโต๋โต๋จินตนาการว่าพ่อที่ไม่เคยเจอมาก่อนของตัวเองเป็นฮีโร่ เธอชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมากในใจของเธอเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
แต่เขาจะสามารถแบกรับความคาดหวังนี้ได้หรือ? จะสามารถคู่ควรกับสองแม่ลูกนี้หรือ?
ห้าปีที่ไม่เคยได้รับความรักจากชู่หยวนฟงแล้วเขาจะมีหน้าไปยืนอยู่ต่อหน้าพวกเธอสองแม่ลูกแล้วรวมกันเป็นครอบครัวได้หรือ?
“ผมติดค้างพวกคุณสองแม่ลูกมากเกินไป อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นสามีของคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพ่อคนหนึ่ง!” ชู่หยวนฟงมองไปข้างหน้าแล้วถอนหายใจยาว
“ยังก่อนดีกว่าอย่าเพิ่งไปยอมรับ”
“ฉันจะคอยยืนอยู่ข้างกายพวกเธอสองแม่ลูก ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเธอและชดเชยให้กับพวกเธอ จนกว่าฉันจะคิดว่าฉันมีสิทธิ์มองพวกเธอด้วยตัวตนของฉัน”
แต่ฉันจะใช้วิธีอะไรจะใช้ฐานะอะไรที่จะอยู่ข้างกายของพวกเธอถึงจะปกปิดตัวตนอย่างราบรื่นและไม่ทำให้พวกเธอสองแม่ลูกสงสัยล่ะ?
ชู่หยวนฟงตอนนี้เขารู้สึกว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกจนปวดหัวไปหมด
เขาดับก้นบุหรี่แล้วเดินออกจากชุมชนพร้อมกับคิดหาวิธีไปด้วย
“หัวหน้ามังกรคุณกลับมาแล้ว?”
หลัวกังที่จอดรถรออยู่ข้างทางรีบลงมาจากรถยึดหลังตรงใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ
“อืม” ชู่หยวนฟงพยักหน้าแล้วก้าวขึ้นไปบนรถ
“หัวหน้ามังกรมีคนทำร้ายคุณ?” หลัวกังขมวดคิ้วที่คมเข้มของเขาในฐานะทหารด้วยกันเขาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของศัตรูที่อยู่บนตัวชู่หยวนฟงได้
“จะให้ผมไปฆ่าพวกมันหรือเปล่า”
แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าชู่หยวนฟงซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามที่เขาเคารพเหมือนกับอาจารย์แต่อร่าแห่งการสังหารก็ควบแน่นระหว่างคิ้วของหลัวกัง
แต่ในขณะเดียวกันในเจียงหลินเขาก็มีอำนาจมากมายและถือว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง
อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้ตระกูลซูและตระกูลหลี่ขอร้องอ้อนวอนคุกเข่าต่อหน้าเขาได้
“พวกปลาซิวปลาสร้อยช่างเถอะ”
ชู่หยวนฟงที่นั่งอยู่ในรถโบกมืออย่างเกียจคร้านพร้อมกับดวงตาที่วูบไหว
ตระกูลซูอย่างน้อยก็เป็นญาติของซูมู่ชิง เธอเป็นผู้หญิงที่ใจอ่อนยังคงให้ความสำคัญกับครอบครัว เขาไม่อยากทำอะไรที่มันเกินไปจนทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียใจ
แต่ถ้าหากพวกเขายังไม่ยอมเลิกราคิดจะทดสอบขีดจำกัดของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่ลังเลที่จะส่งพวกเขาไปลงนรกด้วยมือตัวเอง
“ครับ” หลัวกังพยักหน้าแล้วพูดใบหน้าของเขาไม่มีความคิดและอารมณ์ใดๆแฝงอยู่นี่แหละคือหน้าที่ของทหารที่ต้องเชื่อฟังคำสั่ง
“หัวหน้ามังกรแล้วจากนี้พวกเราจะไปไหนต่อ?”
ไปไหน?
ชู่หยวนฟงมองไปที่การจราจรที่พลุกพล่านบนท้องถนนผ่านหน้าต่างรถดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความระลึกถึง
เมื่อเจียงหลินในฐานะที่เป็นหลังที่สองของเขามีความทรงจำที่ดีและผิดหวังมากมายในวัยเด็กของเขา
อย่างเช่นพ่อแม่บุญธรรมของเขา
โจวเลี่ยสองสามีภรรยาที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขาแต่กลับปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี
และยังมียัยตัวน้อยโจวอิ๋งที่ชอบตามรังควานเขา ชอบใส่กระโปรงลายดอกไม้ เปียผมห่างม้าและเรียกเขาพี่หยวนฟงไม่หยุดปาก
ตั้งแต่คืนนั้นที่เขาจากไปกับกองทัพโดยไม่บอกกล่าวตอนนี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว
“ สิบปีแล้วพวกเขาคงจะแก่ลงไปมากแล้ว ควรกลับเยี่ยมพวกเขาหน่อย….”
ดวงตาของชู่หยวนฟงแสดงออกถึงความรู้สึกโหยหาและระลึกถึงอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตามเรื่องของซูมู่ชิงและโต๋โต๋ตอนนี้ยังไม่รีบถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเยี่ยมผู้อาวุโสทั้งสองท่านเป็นลูกที่กตัญญูหน่อยก็แล้วกัน
“หลัวกังกลับบ้านก่อนดีกว่า”
“กลับบ้าน? หัวหน้ามังกรคุณจะกลับเมืองหลวง?” หลัวกังรู้สึกตกใจเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดออกไปก็แอบคิดในใจว่าแย่แล้ว
นี่เป็นข้อห้ามของหัวหน้ามังกร
“หลังกังฉันจะขอพูดแค่ครั้งเดียว”
“ฉันชู่หยวนฟงมีเพียงบ้านแห่งเดียวที่เมืองเจียงหลิน ฉันกับตระกูลชู่ที่เมืองหลวงและกับอ๋องชู่ที่อยู่เหนือคนนับหมื่นคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“นายฟังเข้าใจหรือยัง?”
ชู่หยวนฟงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและดวงตาที่สงบนิ่งแต่มันกลับมีความกดดันอย่างหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
“เข้า...เข้าใจแล้วครับหัวหน้ามังกร” หัวใจของหลัวกังอ้อยอิ่งและเขารู้สึกตื่นตระหนกจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว
ชู่หยวนฟงพยักหน้าจากนั้นเอนกายพิงเบาะแล้วหลับตาสงบสติอารมณ์
“ออกรถเถอะถึงแล้วค่อยเรียกฉัน”
※※※※※※※※※※
เมืองตงหยางหมู่บ้านซิงหัว
พ่อบุญธรรมของชู่หยวนฟงตั้งรกรากอยู่ที่นี่
สำหรับชู่หยวนฟงสถานที่นี้คุ้นเคยกับเขามานานแล้ว
แม้ในช่วงสิบปีของการเป็นทหารเขาก็กลับมาที่นี่ในความฝันนับครั้งไม่ถ้วนและกลับไปที่บ้านหลังเล็กที่อบอุ่นหลังนั้น
สิบปีผ่านไปทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
ชู่หยวนฟงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคนแก่ตัวลงและใบหน้าที่เพิ่งเกิดใหม่และแปลกหน้ามากมาย
ไร่นาในความทรงจำของเขาก็กลายเป็นโรงงานและอาคารที่ทันสมัยไม่หลงเหลือความรู้สึกเมื่อก่อนอีกแล้ว
เคยจำได้ว่าเมื่อตอนยังเด็กเขาชอบเล่นว่าว จับจิ้งหรีดในทุ่ง ขโมยแตงและตกปลาในฤดูร้อน จับนกและดูหิมะในฤดูหนาว
ทุกต้นฤดูใบไม้ผลิดอกแอปริคอทจะมีอยู่ทั่วไปเหมือนทะเลดอกไม้สวยงามมาก
โจวเลี่ยที่ชอบดื่มเหล้าจะให้เงินก้อนหนึ่งกับตัวเองในเวลานี้ทุกปีเพื่อไปซื้อเหล้าดอกแอปริคอตที่หมักด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้านหนึ่งขวดส่วนเงินทอนที่เหลือถูกเขาและโจวอิ๋งใช้ซื้อลูกกวาด ขนมเส้นรสเผ็ด หนังสติ๊กและอื่นๆ....
วัยเด็กเป็นสิ่งที่สวยงามจริงๆ
“สิบปีแล้ว ฉันกลับมาแล้ว”
ซู่หยวนฟงจัดการกับอารมณ์ของตัวเองแล้วหัวเราะฮ่าๆๆ
ชู่หยวนฟงลงจากรถที่อยู่ห่างไม่ไกลจากบ้านโจวเลี่ย
หลัวกังขับรถออกไปโดยอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการรวมตัวของครอบครัวชู่หยวนฟง
เขาเดินไปหยุดไปประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นชู่หยวนฟงก็มาถึงหน้าตระกูลบ้านโจว
ในขณะนี้ประตูบ้านของตระกูลโจวเปิดอยู่และในลานบ้านเต็มไปด้วยแขกไปมาดูคึกคักมาก
ดูเหมือนจะมีการจัดงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง
“พวกคุณคุยกันไปก่อนฉันจะไปต้อนรับญาติคนอื่น”
“แบบนี้ไม่ได้นะวันนี้เป็นงานหมั้นของอิ๋งอิ๋งพวกเธอต้องดื่มให้มากๆเหล้าก็มีเนื้อก็พร้อม”
ในขณะนั้นเองหญิงสาวในวัยสี่สิบกว่าทักทายอย่างกระตือรือร้น เธอเดินออกจากลานบ้านด้วยใบหน้าสีแดงและเธอก็ผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นชู่หยวนฟงอยู่ตรงหน้าเธอ
“เธอคือ….”
“แม่” ชู่หยวนฟงมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแล้วเรียกเบาๆพร้อมกับพูดอย่างปวดใจ “แม่มีริ้วรอยที่มากขึ้นและผมหงอกแล้วนะ”
ผู้หญิงคนนี้คือแม่บุญธรรมของเขาหลิวหมิงหลาน
“เด็กน้อยจะเรียกส่งเดชแบบนี้ไม่ได้นะ...” หลิวหมิงหลานรู้สึกอึ้งเล็กน้อยแล้วโบกมือ “ฉันมีลูกชายที่โตขนาดนี้สักที่ไหนล่ะฉันมีแค่ลูกสาวคนเดียว”
“แม่ผมไปแค่ไม่กี่ปีแม่ก็จะไม่ยอมรับลูกชายคนนี้แล้วหรอ?”
ชู่หยวนฟงยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับจับมือที่เหี่ยวย่นคู่นั้นของเธอแล้วพูดว่า “กำไลหยกที่ผมมอบให้แม่แม่ยังใส่มันอยู่เลย ตอนนั้นเพื่อที่จะซื้อมันผมแบกของหนักครึ่งเดือนจนไหล่ของผมแทบจะหลด”
“เธอคือเสี่ยวฟง!”
หลิวหมิงหลานใช้มือกุมปากพร้อมกับจ้องมองขาวแล้วน้ำตาเม็ดใหญ่เท่าถั่วเขียวก็ไหลออกมา
“ไอ้เด็กบ้ายังรู้จักกลับบ้านอีกเหรอจากไปตั้งสิบปีไปอยู่ไหนมา” หลิวหมิงหลานตบหน้าอกของชู่หยวนฟงด้วยความรักและความโกรธ “แม่คิดถึงลูกแทบแย่”
ที่มุมปากของชู่หยวนฟงเผยให้เห็นรอยยิ้มเขายืนอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่กำยำไม่ขยับรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขมาก
“แม่ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง”
เขามองลานบ้านที่คุ้นเคยแล้วถาม “แม่ทำไมในบ้านถึงคึกคักขนาดนี้? มีเรื่องดีอะไร?”
หลิวหมิงหลานเช็ดน้ำตาแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ “แน่นอนสิ อิ๋งอิ๋งเด็กคนนั้นกำลังจะแต่งงานวันนี้เป็นพิธีหมั้น!”
“วันนี้ลูกสาวของฉันแต่งงานลูกชายกลับบ้านช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ!”
ที่มุมปากของชู่หยวนฟงเผยให้เห็นรอยยิ้ม ใช้แล้วยัยอิ๋งอิ๋งนั่นปีนี้ก็น่าจะอายุยี่สิบแล้วกำลังจะแต่งงานแล้วด้วย!
เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ถึงแม้ตอนสมัยเด็กโจวเลี่ยจะเคยจับคู่เขากับโจวอิ๋งอยากจะเพิ่มความสัมพันธ์ทางครอบครัวให้มากขึ้น ความรักของทั้งสองในวัยเด็กถูกเพื่อนๆและญาติๆพูดถึงบ่อยครั้งแต่เขาเห็นโจวอิ๋งเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง
โจวเลี่ยที่เข้าใจชู่หยวนฟงจึงได้ปล่อยผ่านไป
“เร็วเสี่ยวฟงเข้าบ้านก่อน!” หลิวหมิงหลานจับมือของชู่หยวนฟงแล้วตะโกนออกมา
“อิ๋งอิ๋งรีบมาดูเร็วว่าใครมา พี่ชาย...พี่ชายของเธอกลับมาแล้ว”
เพื่อนๆและญาติญาติในลานบ้านต่างพากันพูดถึง จากนั้นไม่นานหญิงสาวที่สวยงามน่ารักคนหนึ่งก็เดินออกมาจากในบ้าน ยัยตัวน้อยที่เมื่อก่อนคอยตามหลังเขาตอนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และกำลังจะแต่งงานแล้ว
“อิ๋งอิ๋งไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ชู่หยวนฟงก้าวไปข้างหน้าแล้วพูด
“อืม”
โจวอิ๋งแค่พยักหน้ารับใบหน้าที่สวยงามของเธอดูไม่แยแสราวกับว่าชู่หยวนฟงเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้กระทั่งในสายตาของเธอยังแฝงไปด้วยความเกลียดชังและระแวง
ราวกับเขาที่เป็นพี่ชายคนนี้เป็นแค่ส่วนเกิน
คำอวยพรนับพันนับหมื่นที่อยู่ในใจของชู่หยวนฟงหายไปอย่างกะทันหัน
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าโจวอิ๋งที่อยู่ตรงหน้าทำตัวเหมือนคนแปลกหน้าและห่างเหินมาก
“อิ๋งอิ๋งลูกเป็นอะไรไป” หลิวหมิงหลานพูดอย่างไม่เข้าใจ “พี่ชายของเธอกลับมาทำไมถึงทำกิริยาแบบนี้”
“แล้วหนูควรจะทำยังไงล่ะ?” โจวอิ๋งมองไปที่ชู่หยวนฟงอย่างรำคาญแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “สิบปีก่อนเขาจากไปโดยไม่บอกกันสักคำ ตอนนี้ก็กลับมาโดยไม่บอกสักคำ เขาคิดว่าบ้านเป็นอะไรเป็นโรงแรมหรอ?”
“หรือว่าหนูต้องจัดขบวนเกี้ยวตีกลองอย่างมีความสุขเพื่อต้อนรับเขากลับมา?”
โจวอิ๋งจ้องไปที่ชู่หยวนฟงด้วยความรังเกียจจากนั้นก็หันหลังและจากไปด้วยความเย็นชา
เธอรู้สึกคิดไมตก ไอ้ผู้ชายคนนี้มาเมื่อไหร่ไม่มาแต่กลับมาตอนที่เธอกำลังจะแต่งงานเขาหมายความว่ายังไง?
ถ้าหากเขากลับบ้านเกิดมาพร้อมกับความภาคภูมิใจก็ช่างเถอะแต่นี่กลับมาในสภาพแบบนี้
ความไม่จริงใจของเขาทำให้เธอรู้สึกปิดกั้นตัวเองหรือเขาต้องการจะให้เธอรู้สึกอับอาย?
“เจ้า...เจ้าเด็กคนนี้….” หลิวหมิงหลานโกรธมาก
แต่ชู่หยวนฟงกลับยิ้มแล้วประคองหลิวหมิงหลานแล้วพูดว่า “แม่ช่างเถอะ หลายปีก่อนที่ผมจะไปมันเป็นความผิดของผม อิ๋งอิ๋งจะโทษผมมันก็สมควรแล้ว”
หลิวหมิงหลานเพียงแค่ถอนหายใจเบาๆและไม่รู้ควรจะพูดอะไร
ชู่หยวนฟงมองไปที่โจวอิ๋งที่กำลังพูดคุยกับกลุ่มญาติๆและเพื่อนฝูงที่อยู่ห่างจากไม่ไกลอย่างอรรถรส
เธอยังเป็นยัยตัวน้อยที่เมื่อก่อนรู้จักแต่คอยตามต้อยๆอยู่ข้างหลังเขาเมื่อพูดคุยกับเด็กผู้ชายก็จะหน้าแดงทันทีคนนั้นหรือเปล่า?
ชู่หยวนฟงถอนหายใจยังอธิบายไม่ถูก
“ทุกสิ่งยังคงเป็นเหมือนเดิมยกเว้นคนเท่านั้นที่เปลี่ยนไป”
ชู่หยวนฟงยืนพิงอยู่ใต้ต้นเมเปิ้ลพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอย่างช้าๆรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ในสมองเขาคิดวิธีที่จะทำให้ซูมู่ชิงสองแม่ยอมรับในตัวเขาเป็นหมื่นวิธีถึงขั้นทำใจยอมรับกันถูกด่าถูกกล่าวว่าและถึงขั้นยอมรับการถูกเกลียดชัง
แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือเมื่อเจอพวกเธอสองแม่ลูกเขาจริงเขากลับไม่กล้าที่จะยอมรับมัน!
ซูมู่ชิงเป็นคนที่ฉลาดเป็นคนที่อ่อนโยนเพื่อลูกสาวของตัวเองเธอยอมเฝ้าห้องนอนที่ว่างเปล่ามานานห้าปีถึงขั้นไม่เสียใจที่ถูกไล่ออกจากตระกูลและแตกแยกกับตระกูลของตัวเอง
และยิ่งไปกว่านั้นโต๋โต๋จินตนาการว่าพ่อที่ไม่เคยเจอมาก่อนของตัวเองเป็นฮีโร่ เธอชื่นชมในตัวเขาเป็นอย่างมากในใจของเธอเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
แต่เขาจะสามารถแบกรับความคาดหวังนี้ได้หรือ? จะสามารถคู่ควรกับสองแม่ลูกนี้หรือ?
ห้าปีที่ไม่เคยได้รับความรักจากชู่หยวนฟงแล้วเขาจะมีหน้าไปยืนอยู่ต่อหน้าพวกเธอสองแม่ลูกแล้วรวมกันเป็นครอบครัวได้หรือ?
“ผมติดค้างพวกคุณสองแม่ลูกมากเกินไป อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นสามีของคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นพ่อคนหนึ่ง!” ชู่หยวนฟงมองไปข้างหน้าแล้วถอนหายใจยาว
“ยังก่อนดีกว่าอย่าเพิ่งไปยอมรับ”
“ฉันจะคอยยืนอยู่ข้างกายพวกเธอสองแม่ลูก ทำทุกอย่างเพื่อปกป้องพวกเธอและชดเชยให้กับพวกเธอ จนกว่าฉันจะคิดว่าฉันมีสิทธิ์มองพวกเธอด้วยตัวตนของฉัน”
แต่ฉันจะใช้วิธีอะไรจะใช้ฐานะอะไรที่จะอยู่ข้างกายของพวกเธอถึงจะปกปิดตัวตนอย่างราบรื่นและไม่ทำให้พวกเธอสองแม่ลูกสงสัยล่ะ?
ชู่หยวนฟงตอนนี้เขารู้สึกว่าคิดยังไงก็คิดไม่ออกจนปวดหัวไปหมด
เขาดับก้นบุหรี่แล้วเดินออกจากชุมชนพร้อมกับคิดหาวิธีไปด้วย
“หัวหน้ามังกรคุณกลับมาแล้ว?”
หลัวกังที่จอดรถรออยู่ข้างทางรีบลงมาจากรถยึดหลังตรงใบหน้าเต็มไปด้วยความเคารพ
“อืม” ชู่หยวนฟงพยักหน้าแล้วก้าวขึ้นไปบนรถ
“หัวหน้ามังกรมีคนทำร้ายคุณ?” หลัวกังขมวดคิ้วที่คมเข้มของเขาในฐานะทหารด้วยกันเขาสามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของศัตรูที่อยู่บนตัวชู่หยวนฟงได้
“จะให้ผมไปฆ่าพวกมันหรือเปล่า”
แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าชู่หยวนฟงซึ่งเป็นเทพแห่งสงครามที่เขาเคารพเหมือนกับอาจารย์แต่อร่าแห่งการสังหารก็ควบแน่นระหว่างคิ้วของหลัวกัง
แต่ในขณะเดียวกันในเจียงหลินเขาก็มีอำนาจมากมายและถือว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง
อย่างน้อยเขาก็สามารถทำให้ตระกูลซูและตระกูลหลี่ขอร้องอ้อนวอนคุกเข่าต่อหน้าเขาได้
“พวกปลาซิวปลาสร้อยช่างเถอะ”
ชู่หยวนฟงที่นั่งอยู่ในรถโบกมืออย่างเกียจคร้านพร้อมกับดวงตาที่วูบไหว
ตระกูลซูอย่างน้อยก็เป็นญาติของซูมู่ชิง เธอเป็นผู้หญิงที่ใจอ่อนยังคงให้ความสำคัญกับครอบครัว เขาไม่อยากทำอะไรที่มันเกินไปจนทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องเสียใจ
แต่ถ้าหากพวกเขายังไม่ยอมเลิกราคิดจะทดสอบขีดจำกัดของเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่ลังเลที่จะส่งพวกเขาไปลงนรกด้วยมือตัวเอง
“ครับ” หลัวกังพยักหน้าแล้วพูดใบหน้าของเขาไม่มีความคิดและอารมณ์ใดๆแฝงอยู่นี่แหละคือหน้าที่ของทหารที่ต้องเชื่อฟังคำสั่ง
“หัวหน้ามังกรแล้วจากนี้พวกเราจะไปไหนต่อ?”
ไปไหน?
ชู่หยวนฟงมองไปที่การจราจรที่พลุกพล่านบนท้องถนนผ่านหน้าต่างรถดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความระลึกถึง
เมื่อเจียงหลินในฐานะที่เป็นหลังที่สองของเขามีความทรงจำที่ดีและผิดหวังมากมายในวัยเด็กของเขา
อย่างเช่นพ่อแม่บุญธรรมของเขา
โจวเลี่ยสองสามีภรรยาที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเขาแต่กลับปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี
และยังมียัยตัวน้อยโจวอิ๋งที่ชอบตามรังควานเขา ชอบใส่กระโปรงลายดอกไม้ เปียผมห่างม้าและเรียกเขาพี่หยวนฟงไม่หยุดปาก
ตั้งแต่คืนนั้นที่เขาจากไปกับกองทัพโดยไม่บอกกล่าวตอนนี้ก็ผ่านมาสิบปีแล้ว
“ สิบปีแล้วพวกเขาคงจะแก่ลงไปมากแล้ว ควรกลับเยี่ยมพวกเขาหน่อย….”
ดวงตาของชู่หยวนฟงแสดงออกถึงความรู้สึกโหยหาและระลึกถึงอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตามเรื่องของซูมู่ชิงและโต๋โต๋ตอนนี้ยังไม่รีบถ้าอย่างนั้นก็กลับไปเยี่ยมผู้อาวุโสทั้งสองท่านเป็นลูกที่กตัญญูหน่อยก็แล้วกัน
“หลัวกังกลับบ้านก่อนดีกว่า”
“กลับบ้าน? หัวหน้ามังกรคุณจะกลับเมืองหลวง?” หลัวกังรู้สึกตกใจเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดออกไปก็แอบคิดในใจว่าแย่แล้ว
นี่เป็นข้อห้ามของหัวหน้ามังกร
“หลังกังฉันจะขอพูดแค่ครั้งเดียว”
“ฉันชู่หยวนฟงมีเพียงบ้านแห่งเดียวที่เมืองเจียงหลิน ฉันกับตระกูลชู่ที่เมืองหลวงและกับอ๋องชู่ที่อยู่เหนือคนนับหมื่นคนนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”
“นายฟังเข้าใจหรือยัง?”
ชู่หยวนฟงพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยและดวงตาที่สงบนิ่งแต่มันกลับมีความกดดันอย่างหนึ่งที่ทำให้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
“เข้า...เข้าใจแล้วครับหัวหน้ามังกร” หัวใจของหลัวกังอ้อยอิ่งและเขารู้สึกตื่นตระหนกจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว
ชู่หยวนฟงพยักหน้าจากนั้นเอนกายพิงเบาะแล้วหลับตาสงบสติอารมณ์
“ออกรถเถอะถึงแล้วค่อยเรียกฉัน”
※※※※※※※※※※
เมืองตงหยางหมู่บ้านซิงหัว
พ่อบุญธรรมของชู่หยวนฟงตั้งรกรากอยู่ที่นี่
สำหรับชู่หยวนฟงสถานที่นี้คุ้นเคยกับเขามานานแล้ว
แม้ในช่วงสิบปีของการเป็นทหารเขาก็กลับมาที่นี่ในความฝันนับครั้งไม่ถ้วนและกลับไปที่บ้านหลังเล็กที่อบอุ่นหลังนั้น
สิบปีผ่านไปทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด
ชู่หยวนฟงเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยหลายคนแก่ตัวลงและใบหน้าที่เพิ่งเกิดใหม่และแปลกหน้ามากมาย
ไร่นาในความทรงจำของเขาก็กลายเป็นโรงงานและอาคารที่ทันสมัยไม่หลงเหลือความรู้สึกเมื่อก่อนอีกแล้ว
เคยจำได้ว่าเมื่อตอนยังเด็กเขาชอบเล่นว่าว จับจิ้งหรีดในทุ่ง ขโมยแตงและตกปลาในฤดูร้อน จับนกและดูหิมะในฤดูหนาว
ทุกต้นฤดูใบไม้ผลิดอกแอปริคอทจะมีอยู่ทั่วไปเหมือนทะเลดอกไม้สวยงามมาก
โจวเลี่ยที่ชอบดื่มเหล้าจะให้เงินก้อนหนึ่งกับตัวเองในเวลานี้ทุกปีเพื่อไปซื้อเหล้าดอกแอปริคอตที่หมักด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้านหนึ่งขวดส่วนเงินทอนที่เหลือถูกเขาและโจวอิ๋งใช้ซื้อลูกกวาด ขนมเส้นรสเผ็ด หนังสติ๊กและอื่นๆ....
วัยเด็กเป็นสิ่งที่สวยงามจริงๆ
“สิบปีแล้ว ฉันกลับมาแล้ว”
ซู่หยวนฟงจัดการกับอารมณ์ของตัวเองแล้วหัวเราะฮ่าๆๆ
ชู่หยวนฟงลงจากรถที่อยู่ห่างไม่ไกลจากบ้านโจวเลี่ย
หลัวกังขับรถออกไปโดยอัตโนมัติเพื่อไม่รบกวนการรวมตัวของครอบครัวชู่หยวนฟง
เขาเดินไปหยุดไปประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นชู่หยวนฟงก็มาถึงหน้าตระกูลบ้านโจว
ในขณะนี้ประตูบ้านของตระกูลโจวเปิดอยู่และในลานบ้านเต็มไปด้วยแขกไปมาดูคึกคักมาก
ดูเหมือนจะมีการจัดงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง
“พวกคุณคุยกันไปก่อนฉันจะไปต้อนรับญาติคนอื่น”
“แบบนี้ไม่ได้นะวันนี้เป็นงานหมั้นของอิ๋งอิ๋งพวกเธอต้องดื่มให้มากๆเหล้าก็มีเนื้อก็พร้อม”
ในขณะนั้นเองหญิงสาวในวัยสี่สิบกว่าทักทายอย่างกระตือรือร้น เธอเดินออกจากลานบ้านด้วยใบหน้าสีแดงและเธอก็ผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นชู่หยวนฟงอยู่ตรงหน้าเธอ
“เธอคือ….”
“แม่” ชู่หยวนฟงมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าแล้วเรียกเบาๆพร้อมกับพูดอย่างปวดใจ “แม่มีริ้วรอยที่มากขึ้นและผมหงอกแล้วนะ”
ผู้หญิงคนนี้คือแม่บุญธรรมของเขาหลิวหมิงหลาน
“เด็กน้อยจะเรียกส่งเดชแบบนี้ไม่ได้นะ...” หลิวหมิงหลานรู้สึกอึ้งเล็กน้อยแล้วโบกมือ “ฉันมีลูกชายที่โตขนาดนี้สักที่ไหนล่ะฉันมีแค่ลูกสาวคนเดียว”
“แม่ผมไปแค่ไม่กี่ปีแม่ก็จะไม่ยอมรับลูกชายคนนี้แล้วหรอ?”
ชู่หยวนฟงยิ้มแล้วก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับจับมือที่เหี่ยวย่นคู่นั้นของเธอแล้วพูดว่า “กำไลหยกที่ผมมอบให้แม่แม่ยังใส่มันอยู่เลย ตอนนั้นเพื่อที่จะซื้อมันผมแบกของหนักครึ่งเดือนจนไหล่ของผมแทบจะหลด”
“เธอคือเสี่ยวฟง!”
หลิวหมิงหลานใช้มือกุมปากพร้อมกับจ้องมองขาวแล้วน้ำตาเม็ดใหญ่เท่าถั่วเขียวก็ไหลออกมา
“ไอ้เด็กบ้ายังรู้จักกลับบ้านอีกเหรอจากไปตั้งสิบปีไปอยู่ไหนมา” หลิวหมิงหลานตบหน้าอกของชู่หยวนฟงด้วยความรักและความโกรธ “แม่คิดถึงลูกแทบแย่”
ที่มุมปากของชู่หยวนฟงเผยให้เห็นรอยยิ้มเขายืนอยู่กับที่ด้วยร่างกายที่กำยำไม่ขยับรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขมาก
“แม่ผมก็กลับมาแล้วนี่ไง”
เขามองลานบ้านที่คุ้นเคยแล้วถาม “แม่ทำไมในบ้านถึงคึกคักขนาดนี้? มีเรื่องดีอะไร?”
หลิวหมิงหลานเช็ดน้ำตาแล้วพูดด้วยความตื่นเต้นและดีใจ “แน่นอนสิ อิ๋งอิ๋งเด็กคนนั้นกำลังจะแต่งงานวันนี้เป็นพิธีหมั้น!”
“วันนี้ลูกสาวของฉันแต่งงานลูกชายกลับบ้านช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ!”
ที่มุมปากของชู่หยวนฟงเผยให้เห็นรอยยิ้ม ใช้แล้วยัยอิ๋งอิ๋งนั่นปีนี้ก็น่าจะอายุยี่สิบแล้วกำลังจะแต่งงานแล้วด้วย!
เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน
ถึงแม้ตอนสมัยเด็กโจวเลี่ยจะเคยจับคู่เขากับโจวอิ๋งอยากจะเพิ่มความสัมพันธ์ทางครอบครัวให้มากขึ้น ความรักของทั้งสองในวัยเด็กถูกเพื่อนๆและญาติๆพูดถึงบ่อยครั้งแต่เขาเห็นโจวอิ๋งเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง
โจวเลี่ยที่เข้าใจชู่หยวนฟงจึงได้ปล่อยผ่านไป
“เร็วเสี่ยวฟงเข้าบ้านก่อน!” หลิวหมิงหลานจับมือของชู่หยวนฟงแล้วตะโกนออกมา
“อิ๋งอิ๋งรีบมาดูเร็วว่าใครมา พี่ชาย...พี่ชายของเธอกลับมาแล้ว”
เพื่อนๆและญาติญาติในลานบ้านต่างพากันพูดถึง จากนั้นไม่นานหญิงสาวที่สวยงามน่ารักคนหนึ่งก็เดินออกมาจากในบ้าน ยัยตัวน้อยที่เมื่อก่อนคอยตามหลังเขาตอนนี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่และกำลังจะแต่งงานแล้ว
“อิ๋งอิ๋งไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ชู่หยวนฟงก้าวไปข้างหน้าแล้วพูด
“อืม”
โจวอิ๋งแค่พยักหน้ารับใบหน้าที่สวยงามของเธอดูไม่แยแสราวกับว่าชู่หยวนฟงเป็นแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง แม้กระทั่งในสายตาของเธอยังแฝงไปด้วยความเกลียดชังและระแวง
ราวกับเขาที่เป็นพี่ชายคนนี้เป็นแค่ส่วนเกิน
คำอวยพรนับพันนับหมื่นที่อยู่ในใจของชู่หยวนฟงหายไปอย่างกะทันหัน
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าโจวอิ๋งที่อยู่ตรงหน้าทำตัวเหมือนคนแปลกหน้าและห่างเหินมาก
“อิ๋งอิ๋งลูกเป็นอะไรไป” หลิวหมิงหลานพูดอย่างไม่เข้าใจ “พี่ชายของเธอกลับมาทำไมถึงทำกิริยาแบบนี้”
“แล้วหนูควรจะทำยังไงล่ะ?” โจวอิ๋งมองไปที่ชู่หยวนฟงอย่างรำคาญแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “สิบปีก่อนเขาจากไปโดยไม่บอกกันสักคำ ตอนนี้ก็กลับมาโดยไม่บอกสักคำ เขาคิดว่าบ้านเป็นอะไรเป็นโรงแรมหรอ?”
“หรือว่าหนูต้องจัดขบวนเกี้ยวตีกลองอย่างมีความสุขเพื่อต้อนรับเขากลับมา?”
โจวอิ๋งจ้องไปที่ชู่หยวนฟงด้วยความรังเกียจจากนั้นก็หันหลังและจากไปด้วยความเย็นชา
เธอรู้สึกคิดไมตก ไอ้ผู้ชายคนนี้มาเมื่อไหร่ไม่มาแต่กลับมาตอนที่เธอกำลังจะแต่งงานเขาหมายความว่ายังไง?
ถ้าหากเขากลับบ้านเกิดมาพร้อมกับความภาคภูมิใจก็ช่างเถอะแต่นี่กลับมาในสภาพแบบนี้
ความไม่จริงใจของเขาทำให้เธอรู้สึกปิดกั้นตัวเองหรือเขาต้องการจะให้เธอรู้สึกอับอาย?
“เจ้า...เจ้าเด็กคนนี้….” หลิวหมิงหลานโกรธมาก
แต่ชู่หยวนฟงกลับยิ้มแล้วประคองหลิวหมิงหลานแล้วพูดว่า “แม่ช่างเถอะ หลายปีก่อนที่ผมจะไปมันเป็นความผิดของผม อิ๋งอิ๋งจะโทษผมมันก็สมควรแล้ว”
หลิวหมิงหลานเพียงแค่ถอนหายใจเบาๆและไม่รู้ควรจะพูดอะไร
ชู่หยวนฟงมองไปที่โจวอิ๋งที่กำลังพูดคุยกับกลุ่มญาติๆและเพื่อนฝูงที่อยู่ห่างจากไม่ไกลอย่างอรรถรส
เธอยังเป็นยัยตัวน้อยที่เมื่อก่อนรู้จักแต่คอยตามต้อยๆอยู่ข้างหลังเขาเมื่อพูดคุยกับเด็กผู้ชายก็จะหน้าแดงทันทีคนนั้นหรือเปล่า?
ชู่หยวนฟงถอนหายใจยังอธิบายไม่ถูก
“ทุกสิ่งยังคงเป็นเหมือนเดิมยกเว้นคนเท่านั้นที่เปลี่ยนไป”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved