บทที่ 12 นี่ เป็นความดีความชอบของลุงฉัน

ชั่วขณะซุนหมิงซวนพูดอะไรไม่ออกขาทั้งคู่ของเขาอ่อนแรงจนล้มลงกับพื้น

เขาถึงกับร้องไห้

ปากของเขาก็ไม่เคยไปหาผู้วิเศษที่ไหนมาลงอาคมแต่ทำไมมันถึงได้ตรงขนาดนี้!

หลังจากอวดรถสปอร์ตที่เขาซื้อในงานเลี้ยงตอนกลางวันชู่หยวนฟงก็ตบหน้าเขาด้วยรถหรูราคายี่สิบล้าน….

พอตกดึกคิดจะใช้ชื่อเสียงบารมีของลุงมาคุยโม้โอ้อวดแต่คิดไม่ถึงว่าหม่าซานหยวนจะมาด้วยตัวเอง!

นี่จะให้เขาแกล้งทำเป็นใหญ่โตหน่อยไม่ได้เลยหรือ….

“หมิงซวนคุณ..คุณเป็นอะไร?” โจวอิ๋งรีบเข้าไปประคองเขานั่งเก้าอี้อย่างกระวนกระวาย

โจวเลี่ยที่ถือบ้องยาสูบพูดอย่างประชดประชัน “เป็นอะไรไป? เมื่อกี้ยังดูมีเกียรติและหยิ่งผยองมากอยู่เลย”

“โวยวายจะให้หม่าซานหยวนคืนโฉนดที่ดินและยังจะให้เขาคุกเข่าขอโทษ? ตอนนี้เขามาถึงหน้าบ้านแล้วประธานซุนอย่าเพิ่งตะลึงอยู่สิ”

“เร็วเข้าสิรีบแสดงอิทธิฤทธิ์ออกมาช่วยตาแก่คนนี้ระบายความโกรธให้ดูเป็นขวัญตาหน่อย”

“ไม่..ไม่ ผม...ผมรู้สึกว่าไม่ค่อยสบาย โอ๊ย ปวดท้อง….”

ซุนหมิงซวนสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับร้องตะโกนอย่างแปลกๆและใช้มือกุมท้องของตัวเองแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องพร้อมกับล็อคประตู

ให้หม่าซานหยวนคุกเข่าขอโทษ? หาเรื่องตายชัดๆ

หม่าซานหยวนเป็นคนระดับไหน เขาเป็นถึงผู้มีชื่อเสียงที่สุดโหดในเมืองเจียงหลินมีพวกอันธพาลอยู่ใต้น้ำมือของเขาหลายพันคนแต่ละคนเป็นคนที่โหดเหี้ยมและดุร้ายและยังได้ยินว่าเขาได้ฆ่าคนไปแล้วหลายสิบคน

เขาซุนหมิงซวนจะมีสักกี่ชีวิตไปเล่นกับคนอื่น?

แน่นอนว่าวินาทีนี้ยังไงเขาก็ต้องปกป้องตัวเองไว้ก่อน

“ซุนหมิงซวนคุณ..คุณยังเป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า ไร้ประโยชน์!” โจวอิ๋งทั้งโกรธทั้งอายจนกระทืบเท้า

โจวเลี่ยปรบมือแล้วพูด “ฉันมองออกตั้งนานแล้วว่าเขาเป็นคนยังไงคิดจะพึ่งเขา? ดอกลิลลี่คงแห้งเฉาตายไปก่อน”

“แล้ว...แล้วพวกเราควรจะทำยังไงดีล่ะ” หลิวหมิงหลานเริ่มกังวลใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย “หม่าซานหยวนกับพวกเราไม่ถูกกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร หลายปีมานี้ก็ถูกสมาคมซื่อไห่รังแกไม่น้อย เขามากลางดึกแบบนี้ถ้าหากทำตัวไม่เป็นมิตรทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาพวกเราจะเอาอะไรไปสู้กับพวกคุณโหดร้ายพวกนี้ อิ๋งอิ๋งเร็วเข้ารีบโทรหาเสี่ยวฟงเรียกพี่ชายของเธอมาเร็วเข้า….”

หลิวหมิงหลานเห็นว่าตอนนี้ชู่หยวนฟงเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวแล้ว

“พอได้แล้ว เสี่ยวฟงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ได้คุณคิดว่ายังมีปัญหาไม่พออีกเหรอ” โจวเลี่ยทุบบ้องยาสูบของเขาลงบนโต๊ะ “มันจะโหดร้ายสักแค่ไหนฉันจะรับหน้าเอง”

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าหม่าซานหยวนมันจะกล้าทำฉันถึงตาย?”

หลังจากที่โจวเลี่ยพูดเขาเดินเข้าหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากห้องครัวด้วยความโกรธและเดินออกจากสนามคิดจะสู้ตาย

สายเลือดทหารของโจวเลี่ยมันลุกโชนขึ้นบวกกับหม่าซานหยวนที่รังแกคนมากเกินไปถึงขนาดมาถึงหน้าบ้านทำให้เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป

หลิวหมิงหลานและโจวอิ๋งถึงแม้ว่าจะกลัวแต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้พวกเธอสองคนก็รวบรวมความกล้าและหยิบอาวุธตามออกไปโจวเลี่ยออกไป

เอี๊ยด….

ประตูใหญ่ถูกเปิดออกเป็นไปอย่างที่คิดนอกประตูมีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งยืนเต็มไปหมด มีรถจอดอยู่แจดถึงแปดคันและมีคนอีกห้าถึงหกสิบคน

โจวอิ๋งถึงกับเข่าอ่อนหน้าขาวซีดรีบวิ่งไปหลบหลังโจวเลี่ย

“หม่าซานหยวนอยู่ไหนรีบโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!” โจวเลี่ยตะโกนพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ

หม่าซานหยวนก้าวออกมาจากฝูงชนแล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “คุณโจวในที่สุดก็ยอมออกมาพบผมสักทีนะ….”

โจวเลี่ยรู้สึกผงะเล็กน้อย ตอนนี้หม่าซานหยวนยังคงสวมเสื้อสูทและรองเท้าหนาวเต็มไปด้วยรศนิยม แต่จมูกของเขาเขียวม่วงเต็มไปด้วยความอับอาย แม้กระทั่งมือขวาของเขาตอนนี้ถูกห่อหุ้มด้วยปูนปลาสเตอร์และถูกห้อยอยู่กับคอ

“หม่าซานหยวนแกคิดจะทำอะไร?” โจวเลี่ยพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาถึงแม้จะไม่รู้ว่าคนอย่างหม่าซานหยวนจะมีอุบายอะไร แต่ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวยังไงก็ถอยไม่ได้

เขากำมีดที่อยู่ในมือแน่นแล้วพูดอย่างกล้าหาญ “มีความแค้นอะไรก็มาลงที่ฉันลูกเมียของฉันไม่เกี่ยว”

“เข้ามาสิวันนี้ใครที่ถอยก่อนถือว่าคนนั้นเป็นหลานชาย”

โจวเลี่ยวิ่งเข้าไปพร้อมกับกำมีดไว้ในมือแน่นเขาได้ทำใจที่จะตายเรียบร้อยไว้แล้ว หลิวหมิงหลานและโจวอิ๋งก็กำอาวุธในมือแน่นเช่นกัน พวกเธอมองดูชายห้าสิบกว่าคนที่ท่าทางดุร้ายเหล่านั้นแล้วรู้สึกเย็นสันหลังขึ้นมาทันที...

แต่แล้วในวินาทีต่อมา….

กึก

จู่ๆหม่าต้าหยวนก็คุกเข่าลงกับพื้นแล้วเอาหัวโขกกับพื้นอย่างน่าสมเพชแล้วพูดขอโทษ “คุณโจวผมผิดไปแล้วผมมันไอ้พวกสาระเลวไม่ควรจะยึดโฉนดที่ดินคุณไม่ควรทำร้ายคุณ ผมมันเลวผมขอโทษให้อภัยให้ผมด้วย”

กึกๆๆ….

ลูกน้องห้าสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็คุกเข่าลงพร้อมกันจากนั้นขอความเมตตา

“พวกเราผิดไปแล้วหวังว่าคุณจะใจกว้างให้อภัยพวกเรา….”

“แกร่ง...”

มีดที่อยู่ในมือของโจวเลี่ยหล่นลงกับพื้นทันที ใบหน้าของเขาจากที่รู้สึกแย่เปลี่ยนเป็นตกใจหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นความไม่อยากจะเชื่อ...

โจวอิ๋งและหลิวหมิงหลานยิ่งกว่าทั้งสองถูกภาพตรงหน้าทำให้ตกตะลึง เบิกกว้างอ้าปากค้างและตัวแข็งทื่อราวกับว่าเป็นต้นตอ

นี่...นี่มันตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

ครอบครัวตกอยู่ในความตะลึงและมองตาค้าง หม่าซานหยวนที่โหดเหี้ยมมาคุกเข่าขอโทษถึงบ้าน? ยอมรับความผิด?

พระอาทิตย์คงจะขึ้นทางฝั่งทิศตะวันตกแล้ว

คิ้วของโจวเลี่นขมวดจนชนกันเขา เขาพูดอย่างระมัดระวัง “หม่าซานหยวนแกมีกลอุบายอะไรอย่ามาไม้นี้กับฉัน”

“คุณโจวจริงนะผมตั้งใจมาขอโทษคุณอย่างจริงใจ ผมหม่าซานหยวนกลับตัวกลับใจเป็นคนใหม่แล้ว เมื่อก่อนผมมันเลวผมมันชั่วไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉาน”

หม่าซานหยวนที่คุกเข่าอยู่พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “นี่เป็นโฉนดที่ดินของคุณแล้วก็พื้นที่การค้าหนึ่งพันเอเคอร์กับร้านค้าอีกสิบเจ็ดแห่งจะคืนให้กับตระกูลโจว แล้วก็นี่เป็นเงินสิบล้านแทนคำขอโทษของผมได้โปรดคุณช่วยรับมันไว้ด้วย”

ลูกน้องของเขานำเอกสารและสัญญาที่มีตราประทับสีแดงสดและเงินสดอีกจำนวนสามกล่องไปที่ลานของตระกูลโจวทำให้ครอบครัวของโจวเลี่ยดูเหมือนกำลังฝันอยู่

“คุณโจวสัตว์เดรัจฉานพวกนี้เป็นพวกสวะที่ทำร้ายคุณเมื่อหลายปีก่อน ผมได้สั่งให้คนหักขาของพวกมันแล้วเพื่อเป็นการลงโทษแทนคุณ”

หม่าซานหยวนโบกมือจากนั้นก็มีคนเข้าลากคนเจ็ดแปดคนเหมือนกับหมาที่ตายแล้วที่ถูกทำร้ายจนเหลือครึ่งชีวิตมาโยนต่อหน้าโจวเลี่ยแต่ละคนกำลังร้องไห้อ้อนวอนขอความเมตตา

“คุณโจว ผมผิดไปแล้วผมมันพวกสารเลว อภัยให้ผมด้วย อภัยให้ผมด้วย….”

“ผมมันชั่วผมมันไม่ใช่คนได้โปรดไว้ชีวิตด้วย”

คนพวกนั้นร้องขอความเมตตาพร้อมกับตบหน้าตัวเองไปด้วย เสียงฟังดูน่าหดหู่ไม่ต่างจากการฆ่าหมู

โจวเลี่ยตะลึงอยู่สองนาทีเต็มๆกว่าจะพบว่านี่ไม่ใช่ความฝันมันเป็นเรื่องจริง

ความแค้นที่อยู่ในใจของเขามานานสิบกว่าปีในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมา เขามองหม่าซานหยวนด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึมแล้วโบกมือ

“พอแล้วๆ ความแค้นของแกกับฉันมันจบแล้วไปซะเถอะ”

“โฉนดที่ดินทิ้งไว้ส่วนเงินแกเอาไปซะฉันไม่ต้องการ”

หม่าซานหยวนและทุกคนเมื่อได้รับการให้อภัยก็พูดด้วยความดีใจ “ขอบคุณ ขอบคุณคุณโจว พวกเราขอตัวก่อน ขอตัวก่อน”

“แกไม่ได้เอาเงินไปด้วย พวกเราไม่กล้ารับ ยังไงพวกก็เราไม่กล้ารับ”

พวกเขามาเร็วไปเร็วไม่ถึงครึ่งวินาทีคนทั้งหมดหายไปในชั่วพริบตาราวกลับว่ากำลังหนีเอาชีวิตรอด

ครอบครัวโจวเลี่ยสามชีวิตตกตะลึงยืนอยู่กับที่คิดว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ความฝันไม่กล้าเชื่อ

แต่สิ่งที่บ่งบอกให้พวกเขารู้ว่านี่คือเรื่องจริงนั้นก็คือกล่องเงินขนาดใหญ่สามกล่องที่วางอยู่ตรงหน้า!

“คุณนี่….นี่มันตกลงเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลิวหมิงหลานถึงกับตกตะลึงรู้เพียงแต่ว่าทั้งหมดนี้มันบ้ามาก “หม่าซานหยวนมา...มาคุกเข่าขอโทษยอมรับผิดถึงบ้าน?”

โจวเลี่ยที่ไม่ต่างอะไรกันก็ตอบกลับไป “คุณถามผมแล้วผมจะไปถามใครล่ะ”

ตอนนี้จิตใจของเขายุ่งเหยิงและเขาคิดว่าสิ่งนี้แปลกมาก ….

“ฮ่าๆๆๆ พ่อตา แม่ยาย อิ๋งอิ๋งพวกคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”

ในขนาดนั้นเองซุนหมิงซวนวิ่งออกมาอย่างดีใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองแล้วพูดอย่างมั่นใจ “ทั้งหมดนี้เป็นความดีความชอบของลุงผม!”

“ผมเคยบอกแล้วว่าลุงของผมเป็นเลขานุการของผู้บังคับบัญชาเขต เมื่อเขาออกปากพูดหม่าซานหยวนจะไม่เพียงคืนที่ดินของเราเท่านั้น แต่ยังจะมาขอโทษคุกเข่าถึงหน้าบ้านอีกต่างหากเป็นยังไงล่ะ?”

ซุนหมิงซวนแสดงท่าทีที่สง่าผ่าเผยและอวดดีจนลืมท่าทางเมื่อกี้ที่กลัวหม่าซานหยวนจนฉี่แทบจะราดและขาที่อ่อนแรงของเขา

“ลุงของเธอเป็นคนทำ?”

โจวเลี่ยปวดคิ้วแล้วถามอย่างสงสัย “หม่าซานหยวนมีอำนาจมากขนาดนั้นในเจียงหลิน แม้แต่ผู้ว่าก็ยังต้องให้เกียรติเขา แล้วลุงของเธอเป็นแค่เลขานุการของผู้บัญชาการเขตเขาจะมีความสามารถมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ซุนหมิงซวนพูดอย่างภาคภูมิใจ “พ่อตาคุณคงจะไม่รู้เมื่อกี้ผมโทรศัพท์หาลุงของผม เขาบอกกับผมว่ารัฐบาลที่หนุนหลังของหม่าซานซวนลงจากตำแหน่งแล้วตอนนี้เขาก็เหมือนหมาจรจัดตัวหนึ่งใครคิดจะจัดการเขาก็ง่ายนิดเดียว”

“แน่นอนว่าตอนนี้เขาทำได้ทำตามอย่างเชื่อฟังเพื่อหาคนหนุนหลังคนใหม่ ฮ่าๆส่วนลุงของผมนั้นมีคุณสมบัติที่พร้อมเขาจะเลือกใครผมคงไม่ต้องพูดมากนะ”

เมื่อกี้เขาโทรหาลุงของเขาและลุงของเขาก็บอกว่าเคยคุยกับหม่าซานหยวนเรื่องคืนโฉนดที่ดินให้กับตระกูลโจว แต่เขายังไม่ทันได้ถามว่าผลเป็นยังไงปรากฏว่าลุงของเขารีบวางสายเพื่อไปทำงานก่อน

ถึงแม้ว่าลุงของเขาจะไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นคนทำแต่ตามที่เขาวิเคราะห์อย่างละเอียดแล้วเขาคาดเดาได้ยังรวดเร็ว

ลุงของเขาโทรศัพท์ขู่หม่าซานซวนจากนั้นเขาก็กลัวจนฉี่ราดรีบมาตระกูลโจวเพื่อคุกเข่าขอโทษนี่มันเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วไม่ใช่หรือ?

นอกจากนี้ญาติที่ยากจนของตระกูลโจวไม่เห็นใครที่มีอนาคตที่เจริญก้าวหน้า ยกเว้นลุงของเขาที่มีความสามารถในการทำให้หม่าซานหยวนยอมเชื่อฟังและขอโทษไม่ใช่หรือ?

คำตอบมันเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว!

ลุงนี่ก็จริงๆเลยนะถ้าหากบอกเรื่องนี้ให้กับเขาตั้งแต่แรก เขาก็จำเป็นต้องแกล้งแสดงป่วยเพื่อหลบหน้าหม่าซานหยวนจนต้องมาขายหน้าที่โจวแบบนี้ด้วยเหรอ?

หลิวหมิงหลานและโจวอิ๋งดูเหมือนจะเชื่ออย่างสนิทที่แท้หม่าซานหยวนต้องคอยพึ่งพาลุงของซุนหมิงซวนนี่เอง

ถ้าอย่างนั้นพวกเธอในฐานะที่เป็นพ่อตาแม่ยายของซุนหมิงซวนเขาก็ต้องไม่กล้ามีปัญหาด้วยจึงได้แต่มาขอโทษอย่างเชื่อฟัง

เมื่อคิดแบบนี้แล้วทุกอย่างมันก็สมเหตุสมผล!

“โอ๊ย หมิงซวนต้องขอบคุณเธอและลุงของเธอมากจริงๆ ” ใบหน้าของหลิวหมิงหลานเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง

โจวอิ๋งยิ่งหนักเธอถึงกับน้ำตานองเบ้าตาเข้าไปสวมกอดซุนหมิงซวนอย่างซาบซึ้ง “ขอโทษเมื่อกี้ฉันเข้าใจคุณผิด ฉันคิดว่าคุณกลัวหม่าซานหยวนจนไม่กล้าออกมา ที่แท้คุณไม่สบายจริงๆนี่เอง”

“ทั้งหมดนี้เธอสามารถควบคุมมันได้ เพื่อฉันเพื่อครอบครัวของเราเธอยอมทำถึงขนาดนี้”

ซูนหมิงซวนแสดงความรู้สึกแย่ชั่วขณะจากนั้นเขารีบกอดเอวผู้หญิงตรงหน้าไว้แน่นแล้วแสดงความรักและความภาคภูมิใจออกมา

“ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำ ใครบอกใช้ให้คุณเป็นภรรยาของผมเป็นผู้หญิงของผมล่ะ”

“อิ๋งอิ๋งผมจะทำให้คุณกลายเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลกเชื่อผม!”

ใบหน้าของโจวอิ๋งเต็มไปด้วยความพึงพอใจความสุขและความเชื่อใจ!

เมฆหมอกที่อยู่ในใจของซุนหมิงซวนตอนนี้ได้กระจายหายไปหมดแล้วเหลือเพียงความรู้สึกพึงพอใจและมีความสุข

นับประสาอะไรกับชู่หยวนฟงที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายสิบล้าน เมื่อเทียบกับอำนาจของตระกูลซุนและวิธีการการลงมือไร้ที่ติของลุงเขา ชู่หยวนฟงเป็นตัวอะไร?

หม่าซานหยวนแย่งโฉนดที่ดินของตระกูลโจวและทำร้ายโจวเลี่ยจนขาหัก แต่ชู่หยวนฟงเมื่อได้ยินชื่อของสมาคมการค้าซือไห่ก็หนีหายไปเหมือนกับเต่าหัวหดแม้แต่ผายลมก็ยังไม่กล้า

แต่เขาซุนหมิงซวนเพียงแค่พูดออกไปเบาๆแค่คำเดียวก็สามารถทำให้หม่าซานหยวนที่เป็นเจ้าพ่อของเจียงหลินมานานกว่ายี่สิบปีมาคุกเข่าขอโทษยอมรับผิดได้

เคารพเขาเหมือนพระเจ้า

คำเดียวกำหนดชีวิตและความตาย คำเดียวชนะความมั่งคั่ง

นี่แหละถึงจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่เหนือสิ่งอื่นใด นี่แหละถึงจะเป็นผู้ที่คนนับหมื่นเคารพนับถือ

“ชู่หยวนฟงนะชู่หยวนฟง แกคงจะคิดไม่ถึงสินะว่าภายในเวลาสั้นๆไม่กี่ชั่วโมงแกกับฉันมันอยู่คนละโลกกันแล้ว” ซุนหมิงซวนพูดด้วยอารมณ์ที่หยิ่งยโส

“ครั้งหน้าเมื่อเจอกันมดตัวน้อยอย่างแกเมื่อเจอกับภูเขาที่สูงใหญ่ยังฉันมันจะเป็นยังไงนะ?” ซุนหมิงซวนพูดอย่างแทบจะทนรอไม่ไหว

“ฉันจะตั้งหน้าตั้งตารอดู”

โจวอิ๋งสองแม่ลูกจับมือของซุนหมิงซวนไว้ เดินไปยิ้มไปพร้อมกับพูดหยอกล้อเต็มไปด้วยความสุข

เหลือเพียงโจวเลี่ยคนเดียวที่ยังคงอยู่ในสวน นั่งสูบบ้องยาสูบของเขาพร้อมกับขมวดคิ้วคิดเรื่องที่เกิดขึ้นไม่หยุด….

ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของลุงของซุนหมิงซวนจริงๆหรือ?

มันดูโหดร้ายไปหน่อย

เขาคิดอย่างลังเลและทันใดนั้นก็มีเงาที่เลือนลางปรากฏขึ้นในความคิดของเขาจนกระทั่งใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของชู่หยวนฟงสะท้อนออกมาอย่างชัดเจน

โจวเลี่ยตบต้นขาของตัวเองอย่างกะทันหันแล้วพูดออกมา

“หรือว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะเป็นคนทำ?”

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

463