บทที่ 5 หมอเถื่อนเป็นภัย

by มิถุนายน 11:10,Sep 22,2021
หยวนชิงหลิงปรับตัวให้เข้ากับความมืดได้แล้ว จู่ๆเมื่อมีแสงส่องเข้ามาที่ดวงตาของนาง นางจึงเอื้อมมือออกไปบังโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงคุกเข่าลงบนพื้น ฉีมามาคุกเข่าลง "พระชายา ข้าไม่มีตาม้าตาเรือกล่าวโทษผิดคน ท่านโปรดเมตตาช่วยหั่วเกอด้วยเถอะเจ้าค่ะ"

"พยุงข้าหน่อย!" หยวนชิงหลิงค่อยๆวางมือลงและพูดด้วยเสียงแหบ

ฉีมามารีบวางตะเกียงลงเพื่อช่วยประคองหยวนชิงหลิง เมื่อนางเห็นรอยเลือดที่หลังหยวนชิงหลิงก็รู้ว่าเป็นแผลจากการถูกโบย นางจึงลังเลเล็กน้อย ลึกๆแล้วยังคงเกลียดผู้หญิงคนนี้อยู่ในใจ แต่บางทีสิ่งที่หั่วเกอพูดอาจเป็นความจริง?

"พระชายายืนขึ้นได้หรือไม่?"

"ถือกล่องยาของข้าไป!" หยวนชิงหลิงรู้ว่าฉีมามาเกลียดนางมาก แต่นางยอมเต็มใจที่จะคุกเข่าอ้อนวอนอาจเป็นเพราะหั่วเกอแย่แล้วจริงๆ ดังนั้นจึงไม่สนใจว่าคนอื่นจะเห็นกล่องยาของนาง

"เจ้าค่ะๆ!" ฉีมามาเดินไปหยิบกล่องยาขึ้นมาและหันมาช่วยพยุงนาง

หยวนชิงหลิงก้าวไปข้างหน้าเพียงหนึ่งก้าวก็รู้สึกเจ็บระบมที่สะโพกและขา เพิ่งออกมาจากประตูก็เหงื่อออกโซมกาย นางเจ็บปวดจนปากสั่น

"พระชายา... "

"อย่าพูดมากเลย ไป!" หยวนชิงหลิงกัดฟันอดกลั้นความเจ็บปวด

นางคิดว่าการช่วยคนเป็นเรื่องของความบริสุทธิ์ใจ แต่ว่าตอนนี้การช่วยหั่วเกอทำให้นางมีความคิดเป็นอื่นแอบแฝง นั่นก็คือนางต้องการซื้อใจคนกลับมา มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้

"ไม่ตายหรอก"

ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนพูดขึ้น

หยวนชิงหลิงมองไปที่ฉีมามาโดยไม่รู้ตัว ฉีมามาถือตะเกียงไว้ในมือข้างหนึ่งและพยุงนางไว้ด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ฉีมามาไม่ได้พูดอะไร เมื่อเห็นหยวนชิงหลิงมองนาง หน้าผากของนางก็ย่นและรีบพูดอย่างรวดเร็ว "พระชายาเจ็บปวดมากจนเดินไม่ไหวหรือเปล่าเจ้าคะ?"

น้ำเสียงนั้นต่างออกไป

เสียงของฉีมามานั้นเป็นเสียงคนแก่ แต่เสียงที่นางเพิ่งได้ยินนั้นเป็นเสียงใสราวกับเสียงเด็ก

หยวนชิงหลิงส่ายหัวช้าๆและได้ยินเสียงบางอย่างในหูอีก คราวนี้นางไม่ได้ยินว่าพูดอะไรเพียงแต่แยกแยะทิศทางของเสียงนั้นได้ มันเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในสวน

มีนกสองตัวกระพือปีกบินสูงไปจากต้นไม้

เป็นเสียงของนกเหรอ? เฮ้อ นางคงสับสนมากจนคิดไปเองว่ามีคนพูด

เมื่อนางมาถึงลานบ้าน หยวนชิงหลิงก็ได้ใช้เรี่ยวแรงของนางจนหมดแล้ว ขาทั้งสองข้างของนางสั่นเทา แต่นางไม่สามารถแม้แต่จะนั่งลงพักผ่อนได้

"พวกเจ้าออกไปก่อน!" หยวนชิงหลิงพูดกับฉีมามาและลู่หยา

ฉีมามาลังเลเล็กน้อย นางยังไม่เชื่อใจหยวนชิงหลิง

"ข้าขออยู่ช่วยที่นี่ด้วย"

หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยใบหน้าบึ้งตึง "เช่นนั้นเจ้ามาเป็นคนรักษา"

ฉีมามาเห็นว่าหั่วเกอตัวร้อนนอนหมดสติไม่รู้สึกตัว คิดว่าอย่างไรก็ถึงที่สุดแล้วจึงยอมให้ "เช่นนั้นข้ากับลู่หยาจะรออยู่ข้างนอก หากพระชายามีอะไรก็สั่งข้าได้เลยนะเจ้าคะ"

ในใจนางกลับคิดว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับหั่วเกอเป็นอะไรไป นางจะสู้จนตัวตาย

ลู่หยายังคงอยากพูดอะไรบางอย่าง ฉีมามาจึงลากนางออกไป

หยวนชิงหลิงกล่าวว่า "ปิดประตูและอย่าแอบดู ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น"

"ไม่กล้าแอบมองเจ้าค่ะ" ฉีมามากล่าวพลางปิดประตู

หยวนชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเคลื่อนตัวไปช้าๆพร้อมกับกล่องยา

นางเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของหั่วเกอ อุณหภูมิที่มือนางแตะได้อยู่ที่อย่างน้อยสี่สิบองศา

หยวนชิงหลิงให้ยาลดไข้แก่เขาเม็ดหนึ่งก่อนแล้วจึงฉีดยาให้เขา

นางแกะผ้าก๊อซออกจากแผล แผลแดงและบวม ด้านบนมีอะไรเหนียวๆเหมือนผงยา นางขูดออกมาแล้วคลึงดู มันคือผงซานชี

แผลอักเสบจนเป็นหนองแล้ว กลับยังใช้ผงซานชีทาอีก แล้วจะไม่ให้แผลอักเสบและติดเชื้อได้อย่างไร?

หยวนชิงหลิงโกรธมาก หมอไร้จรรยาบรรณทำร้ายคนอื่น

นางทำความสะอาดแผลให้หั่วเกออีกครั้ง เอาผงซานชีที่ผสมปนเปไปกับเลือดออกทั้งหมดแล้วปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว นางก็เหนื่อยมาก นางเอนลงกับโต๊ะเพื่อพักผ่อน นางรู้ว่าการกระทำของนางนั้นดูไม่งามนัก แต่นางไม่สนใจอีกต่อไป

หลังจากพักอยู่ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงกังวลเล็กน้อยของฉีมามาดังแว่วมา "พระชายา เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"

หยวนชิงหลิงค้ำโต๊ะลุกขึ้นยืนช้าๆและพูดอย่างเฉยเมย "เข้ามาเถอะ"

ประตูถูกเปิดออกทันที ฉีมามาและลู่หยารีบเข้ามา ทั้งสองคนรีบวิ่งไปดูหั่วเกออย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าลมหายใจของเขาคงที่แล้วฉีมามาก็ถอนหายใจยาว

หยวนชิงหลิงหยิบกล่องยาขึ้นมาพลางกล่าวว่า "เรื่องในคืนนี้พกวเจ้าสองคนต้องเก็บเป็นความลับและห้ามบอกคนทุกคนในจวนฉู่อ๋อง"

ฉีมามาและลู่หยาสบตากัน รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ลู่หยาก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยประคองหยวนชิงหลิง "พระชายา เดี๋ยวข้าจะช่วยพยุงกลับไปเจ้าค่ะ"

"ไม่ต้องหรอก คอยเฝ้าเขาเถอะ ที่นอนมียาที่ข้าทิ้งไว้ให้ สองชั่วยามให้เขากินหนึ่งครั้ง กินหมดแล้วค่อยมาขอข้าใหม่" หยวนชิงหลิงปัดมือนางออกแล้วเดินออกไปอย่างยากลำบาก

"พระชายา!" ฉีมามาตะโกนเรียก เดิมทีนางอยากกล่าวขอบคุณ แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หยวนชิงหลิงทำไว้ก่อนหน้านี้ ท้ายที่สุดนางก็ไม่ได้พูดออกมา เพียงพูดเบาๆว่า "ตอนกลางคืนทางมืดแล้ว เอาโคมไฟไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ"

นางยื่นโคมไฟให้และหยวนชิงหลิงก็รับมันมา "ขอบใจ!"

ฉีมามาตกใจ!

ขอบใจ? นางบอกว่าขอบใจ?

หยวนชิงหลิงกลับไปที่หอเฟิ่งอี๋ ฉีดยาให้ตนเองและนอนคว่ำลงบนเตียง

นางพยายามทำให้บาดแผลไม่เกิดการอักเสบ แต่บริเวณบาดแผลมีขนาดใหญ่เกินไปและด้วยฤทธิ์ของยาปฏิชีวนะทำให้นางดูอ่อนแอมาก

หลังจากที่มีไข้สูง เรี่ยวแรงของนางก็ถูกสูบออกไปหมด นางนอนขดเหมือนสำลี แม้แต่ยกศีรษะขึ้นก็ยังยาก

หลังจากนั้นไม่นาน นางก็ตกอยู่ในความมืดและหลับไป

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน นางได้ยินเสียงใครบางคนผลักประตูเข้ามาและพูดอย่างกระวนกระวาย "พระชายา รีบตื่นเร็วเข้า"

หยวนชิงหลิงลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก เมื่อเห็นสีหน้าร้อนใจของลู่หยาและเห็นแสงตะวันที่ลอดเข้ามาคงเป็นเวลาเที่ยงแล้ว

นางค่อยๆลุกขึ้น “หั่วเกอไข้ขึ้นสูงอีกแล้วหรือ?"

“เปล่าเจ้าค่ะ ท่านรีบลุกเถิด มีคนมาจากในวังมาเชิญท่านกับท่านอ๋องเข้าวังเจ้าค่ะ" ลู่หยามองไปที่คราบเลือดบนหลังนางและพูดอย่างกังวล "แต่ว่าตอนนี้ท่านสามารถเคลื่อนไหวได้หรือเปล่าเจ้าคะ?"

"ในวังเกิดเรื่องเกิดอะไรขึ้นเหรอ?" หยวนชิงหลิงนอนหลับไปตื่นหนึ่งแต่กลับไม่ได้รู้สึกดีขึ้น นางกลับยิ่งรู้สึกมึนหัวมากขึ้นด้วยซ้ำ เนื่องจากบาดแผลไม่ได้รับการรักษาได้ทันเวลา ยาฉีดไม่สามารถยับยั้งอาการบาดเจ็บได้จึงเริ่มอักเสบและมีไข้

ลู่หยาลดเสียงลงและกล่าวว่า "ข้าได้ยินมาว่าอดีตจักรพรรดินั้นใกล้จะไปแล้วเจ้าค่ะ"

หยวนชิงหลิงค้นหาข้อมูลในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม อดีตจักรพรรดิ?

จักรพรรดิองค์ปัจจุบันคือจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นอดีตจักรพรรดิเป็นโรคหัวใจและโรคลม หมอหลวงกล่าวว่าเขาคงไม่สามารถอยู่จนผ่านฤดูใบไม้ร่วงไปได้ ตอนที่ยังคงมีสติอยู่ เขาให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ต่อ แต่ไม่มีใครคาดถึงว่าหลังจากองค์รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์แล้ว อดีตจักรพรรดิก็ค่อยๆอาการดีขึ้น แต่ก็ได้แต่เพียงอยู่บนเตียงและเดินเหินไม่สะดวก

ฤดูหนาวปีที่แล้ว อาการของอดีตจักรพรรดิก็แย่ลงอีกครั้ง

อดทนมาได้จนถึงตอนนี้ก็จวนจะถึงเวลาของเขาแล้ว

หยวนชิงหลิงไม่เข้าใจกฎของพระราชวัง แต่แม้จะอยู่ในครอบครัวสามัญชน ยามที่ปู่ใกล้สิ้นลม ในฐานะที่เป็นหลานชายและลูกสะใภ้ก็ต้องมาดูใจเขาที่เตียง

นางค่อยๆพยุงร่างกายขึ้นอย่างช้าๆ บาดแผลยังไม่ได้รับการรักษา เลือดและเสื้อผ้าติดเกาะติดกัน การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้น้ำตาแทบจะไหลออกมาจากดวงตาของนาง

เมื่อคืนที่นางไปรักษาแผลให้หั่วเกอทำให้แผลของนางถูกกระทบกระเทือน เลือดจึงซึมออกมาไม่หยุด แผลแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก

สองมือของนางรับน้ำหนักไม่ไหวและล้มลงบนเตียงอีกครั้ง

เมื่อเห็นเช่นนี้ลู่หยาจึงกล่าวว่า "ข้าจะกลับไปบอกท่านอ๋องว่าท่านขยับตัวไม่ไหวจริงๆ"

การเคลื่อนไหวคราวนี้ของหยวนชิงหลิงยิ่งทำให้นางมึนงงมากขึ้น นางนอนคว่ำอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงลู่หยาวิ่งออกไป ในสมองของนางคิดอย่างเรือนลาง นางเป็นขนาดนี้แล้ว ฉู่อ๋องคงไม่อยากพานางที่มีบาดแผลเต็มตัวเข้าวังไปด้วยหรอกใช่ไหม?

นางอดทนลุกขึ้นมากินยาลดไข้แล้ว ตอนกำลังปิดกล่องยานางก็เหลือบไปเห็นขวดยาเม็ดอะโทรปีนนอนอยู่ในนั้น

ในกล่องยาของนางไม่มีอะโทรปีน

เมื่อหยิบมันขึ้นมาข้างใต้ยังมีเข็มฉีดโดพามีนและสายฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำขนาดเล็กที่นางออกแบบเอง

เป็นไปไม่ได้

โดปามีนและอะโทรพีนมีอยู่ในห้องแล็ปวิจัย ใช้เป็นยาสำหรับการกู้ชีพฉุกเฉิน นางสำรองยาบางส่วนไว้ในห้องแล็ป แต่อย่างไรก็ตามนางไม่เคยเอามาเก็บไว้ในกล่องยา ส่วนสายฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำขนาดเล็กนี้ยิ่งไม่มีทางที่นางจะเก็บไว้ในกล่องยา

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่นางพบกล่องยา นางตรวจสอบยาในนั้นแล้วและไม่มีของพวกนี้จริงๆ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1392