บทที่ 8 ก่อนป่วยหนัก

by มิถุนายน 11:10,Sep 22,2021
หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นและสบกับดวงตาที่อ่อนโยนและห่วงใยของฉู่หมิงฉุ่ย

"เจ้าอยากนั่งพักสักหน่อยไหม?" ฉู่หมิงฉุ่ยถาม

หยวนชิงหลิงส่ายหัวและถอนมือออกโดยไม่รู้ตัว "ไม่ ขอบใจ"

ฉีอ๋องอวี่เหวินชิงดึงฉู่หมิงฉุ่ยกลับไป เขามองไปที่ใบหน้าของหยวนชิงหลิงอย่างไม่สบอารมณ์และพูดกับฉู่หมิงฉุ่ยว่า "คนเช่นนี้เจ้าจะไปยุ่งทำไม?"

ฉู่หมิงฉุ่ยถอยกลับไปยืนที่ด้านข้างของฉีอ๋องและเหลือบมองหยวนชิงหลิงอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนประหลาดใจเล็กน้อย นางกระซิบ "ทุกคนเป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น"

"เจ้าเป็นคนจิตใจดี" ฉีอ๋องจับมือของฉู่หมิงฉุ่ย ยามทั้งสองยืนคู่กันแล้วดูราวกับเทพและเทพธิดาคู่หนึ่ง

จู่ๆหยวนชิงหลิงก็รู้สึกถึงความหนาวเย็นรอบตัวเธอ ความหนาวเย็นนี้ถูกส่งมาจากอวี่เหวินฮ่าวนั่นเอง

คนรักของเขายืนอยู่ข้างกายของชายอื่น จะไม่ทำให้เขาโกรธและเสียใจได้อย่างไร? หยวนชิงหลิงคิดเช่นนั้น

ภายในตำหนักมีเสียงร้องไห้ดังแว่วมา

ทุกคนตกใจและมองไปที่ประตูโดยพร้อมเพรียงกัน

ม่านม้วนขึ้น ขันทีผู้มีผมสีขาวราวหิมะเดินออกมา ดวงตาของเขาบวมแดง ใบหน้าของเขาก็อ้างว้าง เขากล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง "ฮ่องเต้มีคำสั่งให้พระสนมทุกท่าน องค์ชายและพระชายาเข้าเฝ้า"

คนผู้นี้คือหลี่กงกงที่คอยรับใช้อดีตจักรพรรดิมาสี่สิบห้าปี

สีหน้าของทุกคนเงียบงันและเจ็บปวด พวกเขาเดินตามหลี่กงกงเข้าไปในตำหนัก ฝีเท้าเบามาก ลมหายใจของพวกเขาต่างก็แทบจะหยุดนิ่ง

หยวนชิงหลิงเดินตามหลังอวี่เหวินฮ่าวพลางพยายามควบคุมอาการวิงเวียนศีรษะของนาง

ในตำหนักมีคนอยู่แล้วหลายคน

ไทเฮาและจักรพรรดิกำลังนั่งอยู่ข้างเตียง ฮองเฮาก็ยืนเฝ้าอยู่ด้านข้าง เหล่าพี่น้องของอดีตจักรพรรดิที่มีศักดิ์เป็นอ๋องต่างก็กลับมาที่ราชสำนักนานแล้ว เมื่อวานก็ได้เข้าวังมาเฝ้าอยู่ทั้งคืน

หมอหลวงเกือบทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงแถวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หยวนชิงหลิงแอบดูและเห็นเพียงม่านสีทองถูกม้วนขึ้น มีชายชราร่างท้วมนอนอยู่บนเตียงไม้จันทน์หลังใหญ่พร้อมหนุนหมอนสูง เขาอ้าปากเพื่อสูดหายใจ ปากของเขาราวกับหลุมดำและดวงตาก็ลึกโหล

เสียงร้องไห้ดังมาจากไทเฮา นางนั่งอยู่ข้างเตียงสวมชุดสีม่วงทำให้ยิ่งดูผอมบางมาก

นางเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้า แม้ว่านางจะพยายามกลั้นน้ำตาอย่างที่สุด แต่ก็ยังมีเสียงร้องไห้เล็ดลอดออกมา

เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้ามาแล้ว นางก็เงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อล้นออกมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้และสะอื้นไห้ "คุกเข่าลงส่งเสด็จปู่ของพวกเจ้า"

ทุกคนคุกเข่าลง หยวนชิงหลิงก็คุกเข่าลงเช่นกัน

สุนัขตัวน้อยแอบเข้ามาจากนอกตำหนัก ส่งเสียงเห่าโฮ่งๆ ปีนขึ้นไปบนเตียงของอดีตจักรพรรดิและไม่มีใครหยุดมัน

อดีตจักรพรรดิทรงเลี้ยงสุนัขตัวนี้ เห็นมันเป็นดังแก้วตาดวงใจและเขาจะมีความสุขเมื่อได้เห็นมัน หากสุนัขตัวน้อยหายไปสองสามวัน เขาก็จะกินข้าวไม่ลงไปสองสามวันเช่นกัน

เมื่ออดีตจักรพรรดิเห็นสุนัขตัวน้อย เดิมทีเขาที่กำลังหายใจอย่างยากลำบากก็กลอกตา เผยสีหน้ายินดีออกมา ยกมือขึ้นลูบสุนัขที่นอนอยู่ข้างเขา

สุนัขตัวน้อยส่งเสียงครางหงิงๆใส่เขา

ในตำหนักมีเพียงเสียงของสุนัขตัวน้อย

หยวนชิงหลิงราวกับถูกฟ้าฟาด นางตกตะลึงไปทั้งร่าง

นางเข้าใจความหมายของเสียงเห่าของสุนัขว่าลูกตัวน้อยนั้นกำลังคร่ำครวญถึงเจ้าของที่กำลังจะจากไป

นางมีความสามารถพิเศษเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด? นางเข้าใจภาษาสุนัข?

อดีตจักรพรรดิลูบลูกสุนัขตัวนั้นอย่างสั่นๆ จากนั้นก็ค่อยๆหันหน้าไปมองฮ่องเต้ แม้ว่าเขาจะพูดออกมาไม่ได้ แต่ดวงตาของเขาก็บ่งบอกถึงความรู้สึกผิด

จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เข้าใจความหมายของอดีตจักรพรรดิดีจึงรีบพูดว่า "เสด็จพ่อโปรดวางใจ ข้าจะปฏิบัติต่อฝูเป่าอย่างดี"

อดีตจักรพรรดิยิ้มอย่างพอใจมองไปที่สุนัขตัวน้อยฝูเป่าด้วยสายตาอ่อนโยน เขาหายใจสะดวกกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย

ไทเฮาสะอื้นและพูดว่า "ท่านพี่ เหล่าหลานๆต่างก็อยู่ที่นี่ จะไม่ดูเสียหน่อยหรือ?"

อดีตจักรพรรดิกลอกตาของเขาและมองไปที่ศีรษะของเหล่าชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ปากของเขาสั่นและไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาเพียงถอนหายใจเบาๆและดูเสียดายมาก

หยวนชิงหลิงรู้ว่าพวกเขาคุกเข่าอยู่ที่นี่เพื่อรอให้อดีตจักรพรรดิสิ้นลม ตอนที่พวกเขาเข้ามาในนี้อดีตจักรพรรดิดูราวกับจะเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความตายแล้ว เช่นนั้นเขาคงจะจากไปในไม่ช้า

แต่เมื่อมองไปที่เขาตอนนี้กลับดูไม่เหมือนตะเกียงน้ำมันที่กำลังจะหมด ยิ่งไปกว่านั้นการหายใจของเขายังแข็งแรงขึ้นมาก

อย่างไรก็ตามบางทีอาจเป็นเพราะยาที่เหล่าหมอหลวงใช้เพิ่งจะออกฤทธิ์

อดีตจักรพรรดิดูเหมือนจะเป็นโรคหัวใจและเคยต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคลมด้วย

ตอนนี้เมื่อเป็นแบบนี้ก็เกรงว่าคงจะเป็นอาการหัวใจล้มเหลว?

หัวใจล้มเหลว หายใจติดขัด... ในกล่องยาของนางมีโดปามีนอยู่

หยวนชิงหลิงคิดเรื่องไร้สาระในใจของนาง ความตกใจที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจภาษาสุนัขยังไม่หมดไป นางก็กำลังเผชิญหน้ากับการทดสอบของชีวิตมนุษย์อีกครั้ง แต่แม้ว่านางจะเลอะเลือนเท่าใดก็รู้ว่าจะไม่มีใครเชื่อนางและยอมให้นางรักษาอดีตจักรพรรดิแน่

ดังนั้นความเป็นไปได้สุดท้ายก็คือนางต้องเฝ้าดูอดีตจักรพรรดิสูงสุดสิ้นพระชนม์ต่อหน้านาง

สำหรับคนเป็นแพทย์แล้ว นี่เป็นความลำบากใจอย่างยิ่ง

หลังจากคุกเข่าอยู่ประมาณสิบห้านาที ร่างกายของนางก็เริ่มโอนเอน ท่าคุกเข่าของนางนั้นอึดอัดและแปลกประหลาดเพราะร่างกายของนางชา นอกจากนี้ยังเป็นเพราะนางไม่ต้องการให้แผลโดนเสียดสีซึ่งจะทำให้การบาดเจ็บของนางแย่ลง

นางแอบมองอวี่เหวินฮ่าวที่อยู่ด้านข้าง เขาคุกเข่าตรง ใบหน้าด้านข้างของเขาโค้งเว้าได้รูป ทั้งคนถูกห่อหุ้มไปด้วยความเศร้าโศกซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้เสแสร้ง หากกล่าวว่าไม่มีความรักในเหล่าราชนิกูลคงไม่ใช่ความจริง

จักรพรรดิหมิงหยวนตี้และที่ปรึกษาแห่งสำนักหมอหลวงเดินออกไปพูดคุยกันด้านนอกม่าน

หยวนชิงหลิงสามารถได้ยินคำพูดสองสามคำอย่างคลุมเครือ จักรพรรดิหมิงหยวนตี้เห็นว่าสถานการณ์ของอดีตจักรพรรดิดีขึ้นแล้วและถามที่ปรึกษาว่าควรให้เขากินยาต่อไปอีกดีหรือไม่ แต่หมอหลวงที่ปรึกษาบอกว่านี่เป็นเพียงแสงเทียนสุดท้ายเท่านั้น คงอยู่ได้เพียงอีกหนึ่งชั่วยามเท่านั้น

เมื่อจักรพรรดิหมิงหยวนตี้เข้ามาอีกครั้งเขาสั่งให้คนทิ้งผ้าม่านสีทองและผ้าคลุมสีฟ้าด้านนอกและพูดด้วยเสียงทุ้มว่า "พวกเจ้าจงไปทำความเคารพอดีตองค์จักรพรรดิเถอะ"

ไทเฮาร้องไห้ออกมาอีกครั้ง นางดูโศรกเศร้าและหมดหนทาง ฮองเฮานั่งข้างนางจับมือของนางแน่น แต่ไทเฮามองไปที่คนบนเตียงซึ่งอยู่เคียงข้างนางมาเกือบตลอดชีวิต

ไทเฮาถูกเกลี้ยกล่อมให้ออกจากม่าน ฮ่องเต้ช่วยประคองให้นางนั่งลงและเมื่อนางนั่งลงนางก็แทบทรุด

คนแรกที่เข้าไปคือคู่สามีภรรยารุ่ยชินอ๋อง

รุ่ยชินอ๋องเป็นบุตรชายคนโตของอดีตจักรพรรดิและเป็นพี่น้องท้องเดียวกันกับจักรพรรดิหมิงหยวนตี้ซึ่งไทเฮาเป็นผู้ให้กำเนิด

ทั้งสองเข้าไปข้างใน โขกศีรษะเคารพและพูดสองสามคำกับอดีตจักรพรรดิและจากนั้นก็ถอยออกมา ยามออกมาดวงตาของพวกเขาเป็นสีแดง แต่พวกเขาก็พยายามอดทนไม่ร้องไห้

หลังจากนั้นเป่าลี่อ๋องและพระชายาก็พูดไม่กี่คำและออกมา ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสร้างความมั่นใจให้กับอดีตจักรพรรดิ

หยวนชิงหลิงคิดคำนวณอย่างรวดเร็วในสมองว่าเวลาที่แต่ละคนจะเข้าไปคือประมาณสามนาที หากต้องการให้โดปามีนแก่เขา

ซึ่งมีภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังโดยเพิ่มขนาดยาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยห้านาที

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตราบเท่าที่นางสามารถถ่วงเวลาได้ห้านาทีนางก็จะสามารถให้ยาเขาได้สำเร็จ

ช่วยหรือไม่ช่วย? ถ้านางช่วย นางจะต้องรับความเสี่ยงครั้งใหญ่หรือแม้กระทั่งต้องเอาชีวิตไปทิ้ง

แต่หากไม่ช่วย นั่นก็เป็นชีวิตหนึ่งเลยนะ

ปัญหานี้นางไม่ได้ต่อสู้กับมันนานนัก สำหรับหมอแล้ว นี่ไม่ใช่คำถามแบบมีตัวเลือก

ตอนนี้มีปัญหาหนักข้อหนึ่ง หากนางเข้าไปพร้อมอวี่เหวินฮ่าว เขาจะต้องเห็นนางให้ยาเขาแน่ หากเขาส่งเสียงดังหรือขัดขวางนาง ความพยายามทั้งหมดของนางก็จะสูญเปล่า

สะกดจิต? ยาชา?

การสะกดจิตคงเป็นไปไม่ได้ นางไม่เชี่ยวชาญในการสะกดจิตมากนักเพียงแต่รู้จักมันบ้างเท่านั้นเอง

ยาชา... มีอยู่ในกล่องยาหรือไม่?

นางก้มศีรษะลงหยิบกล่องยาออกมาจากแขนเสื้อและใช้แขนเสื้อที่กว้างนั้นบดบังสายตาคนอื่นและหามัน ล่างสุดมีเคตามีนขวดเล็กๆนอนอยู่อย่างเงียบเชียบ

ยาชา

หัวใจของนางสงบลงทันที

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1392