บทที่ 1 ชายหนุ่มกลับมาแล้ว
by อาซาน
08:01,Jun 26,2023
ในมณฑลฉวนเซิ่น ชานเมืองลู่เฉิง ชายหนุ่มที่สวมเสื้อเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งตัวมอมแมม แบกกระเป๋าสะพายที่เก่าโทรม เดินอย่างช้าๆ
ฝีเท้าของเขาก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีจังหวะที่เป็นระเบียบ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมอมแมมไปด้วยฝุ่น แลดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย แต่ก็ยากที่จะซ่อนแสงที่มีความทะยานออกมาในดวงตาของเขา
ชายหนุ่มมีท่าทีที่ยืดตรง มีรูปร่างที่เรียวยาว ราวกับหอกยาวที่ต้องการจะแทงไปยังท้องฟ้า ก้าวรุดหน้าไปอย่างกล้าหาญโดยไม่กลัวอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น เย่อหยิ่งอย่างไร้ที่ติ
เมื่อมองไปที่ตึกสูงตระหง่านในระยะไกล เขาพึมพำออกมาเบาๆ
"แปดปี!"
"สิ่งที่ฉันเย่เฉินเคยพูด สาบานไว้ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ!"
"เย่ซาน เย่หยุนหลง พวกคุณคงจะคิดไม่ถึงสินะ ฉันยังไม่ตาย ฉันยังมีชีวิตอยู่!"
เขากำหมัดแน่น ย้อนนึกถึงวันก่อนอายุสิบขวบของเขา ซึ่งควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขา ตั้งแต่เด็กเขาคิดไว้ว่า ในอนาคต เพื่อบ้านหลังนั้น นามสกุลนั้นเขาจะพยายามให้ตัวเองแข็งคุณร่ง ก้าวสู่จุดสูงสุด
เขาเชื่อว่า วันหนึ่งในอนาคต เขาจะนำเกียรติยศสูงสุดมาสู่ตระกูลนั้น ทำให้เดิมที่เป็นตระกูลที่แข็งคุณร่งเกรียงไกรอยู่แล้ว ต้องทรงพลังยิ่งขึ้นอีกขั้น กลายเป็นตระกูลอันดับแรกในประเทศจีนอย่างแท้จริง
แต่ทุกสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน กลับถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไร้ความปรานีในคืนที่ฟ้าผ่าของเมื่อแปดปีก่อน
ตระกูลเย่ในเมืองหลวง เป็นตระกูลใหญ่ที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง สมาชิกในตระกูลมีความสามารถมากมาย แข็งคุณร่งเกรียงไกรอย่างไร้ที่ติ สามารถที่จะครอบงำตระกูลไฮโซอื่นๆ ได้
ตระกูลดังอื่นๆ ล้วนต้องพึ่งการเชื่อมสัมพันธ์ในทางธุรกิจ การเมือง และการทหารเป็นต้น แต่ตระกูลเย่นั้นต่างกัน พวกเขาไม่เพียงแต่จะเพียบพร้อมสมาชิกที่มีความสามารถในด้านต่างๆ อีกทั้งตระกูลเย่เอง ก็มีการดำรงคงอยู่ที่พิเศษมาก —— เป็นตระกูลแห่งนักสู้
ตระกูลเย่ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายชั่วอายุคน และมันไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ทั่วๆ ไปที่ถ่ายทอดมา แต่เป็นศิลปะการต่อสู้ภายในตระกูลที่แท้จริง ซึ่งเน้นความแข็งคุณร่งของภายใน
ในแต่ละรุ่นของตระกูลเย่ มีคนอย่างน้อยสามหรือสี่คนที่เกิดมาพร้อมกับชีพจรฝึกยุกธ มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่มีความสามารถพิเศษที่สัมพันธ์กันกับทุกสาขาอาชีพในด้านธุรกิจ ด้านรัฐบาล และด้านการทหาร ดังนั้นตระกูลเย่จึงแข็งคุณร่งและมีเกียรติยศชื่อเสียงเกรียงไกรจากรุ่นสู่รุ่น
และเย่เฉิน ก็เป็นลูกหลานสายตรงรุ่นที่สามที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเย่ เขาเป็นคนโปรดของเย่ซานชายชราของตระกูลเย่ ตระกูลเย่ยังเล็งเขาเป็นตัวเลือกของหัวหน้าตระกูลในอนาคต ฝากความหวังอันสูงไว้
พรสวรรค์ของเย่เฉินนั้นมีความโดดเด่นตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะด้านใดๆ ก็ตาม เขาล้วนข่มคนรุ่นเดียวกันได้ อีกทั้งเขามีชีพจรการฝึกยุทธมาตั้งแต่เกิด ในช่วงที่เขาอายุสี่ขวบพ่อของเขาเย่หยุนหลงก็ลงมือสอนยุทธให้ด้วยตนเอง จนกลายเป็นผู้ฝึกฝนในตระกูลคนหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์ของตระกูลเย่ พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาถือเป็นอันดับต้นๆ แม้ว่าน้องชายของเขาเย่ซิงจะเก่งกาจ แต่เมื่อเทียบกับเขาก็ยังมีต่างกันคนละขั้น
เกือบทุกคนในตระกูลเย่เชื่อว่า จะมีดาวรุ่งพุ่งทะยานในตระกูลเย่ ซึ่งจะฉายแสงในประเทศจีน นำพาตระกูลเย่ให้ก้าวไกลและสูงขึ้นไปในอนาคต
แต่ในวันเกิดสิบขวบของเย่เฉิน เขาวิ่งไปหาเย่ซานปู่ของเขาอย่างมีความสุข ขอของขวัญ เย่ซานผู้ซึ่งรักและเอ็นดูเขามากมาโดยตลอด ได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
คำพูดต่อมาของเย่ซาน ทำให้เย่เฉินตกตะลึงมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
"เย่เฉินรุ่นที่สามของตระกูลเย่ เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะของตระกูลเย่เรา ต้นตอของความวุ่นวายของตระกูลเย่ จัดการลงโทษตามกฎของตระกูล!"
ฉันในฐานะหัวหน้าตระกูลรุ่นที่สิบห้าของตระกูลเย่ขอประกาศว่า ให้ขับไล่เย่เฉินออกจากตระกูลเย่ ทำลายชีพจรการฝึกยุทธซะ เพิกถอนการเงินทั้งหมด ห้ามทุกคนในตระกูลเย่ติดต่อด้วย หากถูกพบว่าใครละเมิด ให้ขับออกจากตระกูลเย่ทันที!"
"รุ่นที่สามของตระกูลเย่ แค่เย่ซิงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!"
สีหน้าของเย่ซานเต็มไปด้วยความเยือดเย็น สายตาที่มองไปที่เย่เฉิน ราวกับว่ากำลังมองดูไวรัส ตัวหายนะ
แต่เย่เฉินกลับงงงันไปหมด เขาแทบไม่รู้เลยว่าเขาทำผิดอะไร เมื่อไหร่กันที่เขาได้สร้างความวุ่นวายต่อตระกูลเย่?
แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนเขาไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวเลย และเย่หยุนหลงพ่อของเขาที่ดูแลเขามาโดยตลอด อบรมสั่งสอนเขาด้วยทั้งชีวิตและจิตใจ ลงมือกับเขาอย่างโหดร้าย ทำให้ชีพจรการฝึกยุทธของเขาแตกสลาย
หลังจากนั้น เย่หยุนหลงเพิกเฉยต่อแววตาที่โศกเศร้าของแม่ของเย่เฉิน พาเย่เฉินผู้ซึ่งไร้ความสามารถไปที่ป่าทึบในเขตชานเมืองของเมืองหลวง ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม โดยไม่เคยถามไถ่ใดๆ อีกต่อไป
ในโลกสมัยใหม่นี้ ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นหายากมาก จำต้องเป็นผู้ที่มีชีพจรการฝึกยุทธเฉพาะเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณ พัฒนาความแข็งคุณร่งของภายใน จึงเรียกได้ว่าเป็นนักสู้หนึ่งล้านคน
และเมื่อนักสู้สูญเสียชีพจรการฝึกยุทธ เฉกเช่นเดียวกับจุดเลือดลมของเขาที่ถูกทำลายเช่นกัน จะสูญเสียการฝึกฝนทุกอย่าง ไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อีกตลอดชีวิต เรื่องนี้สำหรับนักสู้แล้ว เป็นการถูกโจมตีแบบถูกทำลายพังพินาศอย่างย่อยยับ
และเย่เฉิน ซึ่งอายุเพียงสิบขวบ ถูกทำลายชีพจรการฝึกยุทธ ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของเขาถูกทำลาย และยังถูกทอดทิ้งในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเท่ากับฆ่าเขาโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือหนทางให้มีชีวิตรอดแม้แต่น้อย
เขาไม่เข้าใจ เขารู้สึกโกรธ ทำไมคุณปู่ที่รักเขามากมายนั้น ถึงมองว่าเขาเป็นนักโทษของตระกูล แล้วทำไมพ่อที่ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด ถึงปฏิบัติกับเขาอย่างโหดร้าย และยังเนรเทศเขา?
จนถึงตอนนี้ เขายังคงจำการแสดงออกที่เฉยเมยและแน่วแน่ของเย่หยุนหลงในตอนที่ทิ้งเขาไว้ในป่าทึบ อีกทั้งข้อปลีกย่อยที่ไม่สำคัญ เขาไม่เคยลืมมันแม้แต่น้อย
การที่ได้ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถ้าเป็นคนอื่น บางทีอาจสละชีวิตไปนานแล้ว คงจะเสียชีวิตไปแล้ว
แต่เย่เฉิน ในคืนนั้นของเมื่อแปดปีก่อน ทนความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจเพียงลำพัง พิงต้นไม้ใหญ่ไว้ และสาบานกับเย่หยุนหลงที่หันหลังเดินจากไปว่าเขาจะไม่มีวันก้มหัวให้
"เย่หยุนหลง วิชาทั้งหมดที่ผมได้เรียน อีกทั้งร่างกายเส้นผมและผิวหนังของผม ล้วนได้มาจากคุณ คุณทำลายวรยุทธของผม ผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่บุญคุณที่ให้กับผม ผมก็นับว่าได้ตอบแทนให้หมดแล้ว!"
"นับตั้งแต่วันนี้ไป ผมเย่เฉิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเย่หยุนหลงคุณอีก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนตระกูลเย่ทั้งหมด!"
"ผมเย่เฉินขอสาบาน ณ ที่นี่ว่า ผมจะไม่มีวันตาย ผมจะใช้ชื่อนี้ต่อไป มีชีวิตที่ดีกว่าใคร และยืนสูงกว่าใครๆ!"
“ในอนาคต ผมจะทำให้ตระกูลเย่ของพวกคุณเงยหน้าขึ้นมอง ผมจะทำให้พวกคุณทุกคน เสียใจกับสิ่งที่ทำกับผมในวันนี้!"
พอเขาพูดจบ ก็ต่อยเข้าต้นไม้อย่างแรง หลังมือของเขาถูกถูจนมองไม่ชัดว่าเป็นเลือดหรือเนื้อหนัง เลือดหยดลงบนพื้น ดูน่าสยดสยอง แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ มีเพียงเปลวเพลิงในดวงตาของเขาที่กำลังปั่นป่วนเท่านั้น
เย่หยุนหลงได้ยินคำพูดของเขา มีเพียงแค่ร่างกายหยุดชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันกลับไป และยังคงเดินจากไปอย่างเย็นชา บางทีเย่หยุนหลงอาจคิดว่า ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นไม่ได้ที่เย่เฉินจะมีชีวิตรอดได้อีก
แม้ว่าเย่เฉินจะรอดชีวิตได้ จากที่เขาที่ชีพจรการฝึกยุทธถูกทำลาย เด็กเหลือขอที่ไม่มีที่พึ่งพา พูดเกินจริงหน่อย หากจะบอกว่าเขาสามารถกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในปฐพีได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่รวยที่สุดในปฐพี แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รวยที่สุดในจีนก็ตาม มันอาจไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเย่ที่ทรงพลังให้ความสนใจ นับประสาอะไรกับการเงยหน้าขึ้นมอง
สิ่งที่เย่เฉินพูดในเวลานั้น ล้วนเป็นเรื่องตลกในสายตาของเย่หยุนหลง
แต่ไม่ว่าจะเป็นเย่ซานหรือเย่หยุนหลงพวกเขาอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เด็กชายวัยสิบขวบที่ถูกพวกเขาเนรเทศไปยังป่าลึกในตอนนั้น บีบบังคับให้ต้องตาย แต่กลับไม่ตาย
อีกทั้งตอนนี้ หลังจากเขาประสบชีวิตที่เป็นและตายมานับไม่ถ้วน เขาได้เกิดใหม่ และเขากลับมาในฐานะราชา
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของเย่ซานและเย่หยุนหลงในตอนนั้น ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เฉิน
"เย่ซาน เย่หยุนหลง ตระกูลเย่ เมื่อฉันยืนอยู่ต่อหน้าพวกคุณอีกครั้ง ท่าทีของพวกคุณ คงจะยอดเยี่ยมมากสินะ"
เขากำหมัดแน่น ข้อต่อกระดูกก็เกิดเสียงที่คมชัด เหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้น เขาก็ระงับไว้ในก้นบึ้งของหัวใจชั่วคราว
"เมืองลู่เฉิง จะเป็นสถานีแรกที่ฉันจะขจรขจายชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน!"
ดวงตาของเย่เฉินราวกับดวงดาว แตะเท้าหลังเบาๆ คนทั้งคนก็หายไปแล้ว
ฝีเท้าของเขาก้าวเดินอย่างมั่นคง และมีจังหวะที่เป็นระเบียบ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมอมแมมไปด้วยฝุ่น แลดูกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย แต่ก็ยากที่จะซ่อนแสงที่มีความทะยานออกมาในดวงตาของเขา
ชายหนุ่มมีท่าทีที่ยืดตรง มีรูปร่างที่เรียวยาว ราวกับหอกยาวที่ต้องการจะแทงไปยังท้องฟ้า ก้าวรุดหน้าไปอย่างกล้าหาญโดยไม่กลัวอุปสรรคใดๆ ทั้งสิ้น เย่อหยิ่งอย่างไร้ที่ติ
เมื่อมองไปที่ตึกสูงตระหง่านในระยะไกล เขาพึมพำออกมาเบาๆ
"แปดปี!"
"สิ่งที่ฉันเย่เฉินเคยพูด สาบานไว้ ในที่สุดก็ทำสำเร็จ!"
"เย่ซาน เย่หยุนหลง พวกคุณคงจะคิดไม่ถึงสินะ ฉันยังไม่ตาย ฉันยังมีชีวิตอยู่!"
เขากำหมัดแน่น ย้อนนึกถึงวันก่อนอายุสิบขวบของเขา ซึ่งควรจะเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของเขา ตั้งแต่เด็กเขาคิดไว้ว่า ในอนาคต เพื่อบ้านหลังนั้น นามสกุลนั้นเขาจะพยายามให้ตัวเองแข็งคุณร่ง ก้าวสู่จุดสูงสุด
เขาเชื่อว่า วันหนึ่งในอนาคต เขาจะนำเกียรติยศสูงสุดมาสู่ตระกูลนั้น ทำให้เดิมที่เป็นตระกูลที่แข็งคุณร่งเกรียงไกรอยู่แล้ว ต้องทรงพลังยิ่งขึ้นอีกขั้น กลายเป็นตระกูลอันดับแรกในประเทศจีนอย่างแท้จริง
แต่ทุกสิ่งที่เขาใฝ่ฝัน กลับถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างไร้ความปรานีในคืนที่ฟ้าผ่าของเมื่อแปดปีก่อน
ตระกูลเย่ในเมืองหลวง เป็นตระกูลใหญ่ที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี เป็นหนึ่งในตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ในเมืองหลวง สมาชิกในตระกูลมีความสามารถมากมาย แข็งคุณร่งเกรียงไกรอย่างไร้ที่ติ สามารถที่จะครอบงำตระกูลไฮโซอื่นๆ ได้
ตระกูลดังอื่นๆ ล้วนต้องพึ่งการเชื่อมสัมพันธ์ในทางธุรกิจ การเมือง และการทหารเป็นต้น แต่ตระกูลเย่นั้นต่างกัน พวกเขาไม่เพียงแต่จะเพียบพร้อมสมาชิกที่มีความสามารถในด้านต่างๆ อีกทั้งตระกูลเย่เอง ก็มีการดำรงคงอยู่ที่พิเศษมาก —— เป็นตระกูลแห่งนักสู้
ตระกูลเย่ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายชั่วอายุคน และมันไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ทั่วๆ ไปที่ถ่ายทอดมา แต่เป็นศิลปะการต่อสู้ภายในตระกูลที่แท้จริง ซึ่งเน้นความแข็งคุณร่งของภายใน
ในแต่ละรุ่นของตระกูลเย่ มีคนอย่างน้อยสามหรือสี่คนที่เกิดมาพร้อมกับชีพจรฝึกยุกธ มีพรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ นอกจากนี้ ยังมีบุคคลที่มีความสามารถพิเศษที่สัมพันธ์กันกับทุกสาขาอาชีพในด้านธุรกิจ ด้านรัฐบาล และด้านการทหาร ดังนั้นตระกูลเย่จึงแข็งคุณร่งและมีเกียรติยศชื่อเสียงเกรียงไกรจากรุ่นสู่รุ่น
และเย่เฉิน ก็เป็นลูกหลานสายตรงรุ่นที่สามที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลเย่ เขาเป็นคนโปรดของเย่ซานชายชราของตระกูลเย่ ตระกูลเย่ยังเล็งเขาเป็นตัวเลือกของหัวหน้าตระกูลในอนาคต ฝากความหวังอันสูงไว้
พรสวรรค์ของเย่เฉินนั้นมีความโดดเด่นตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าจะด้านใดๆ ก็ตาม เขาล้วนข่มคนรุ่นเดียวกันได้ อีกทั้งเขามีชีพจรการฝึกยุทธมาตั้งแต่เกิด ในช่วงที่เขาอายุสี่ขวบพ่อของเขาเย่หยุนหลงก็ลงมือสอนยุทธให้ด้วยตนเอง จนกลายเป็นผู้ฝึกฝนในตระกูลคนหนึ่ง
ในประวัติศาสตร์ของตระกูลเย่ พรสวรรค์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาถือเป็นอันดับต้นๆ แม้ว่าน้องชายของเขาเย่ซิงจะเก่งกาจ แต่เมื่อเทียบกับเขาก็ยังมีต่างกันคนละขั้น
เกือบทุกคนในตระกูลเย่เชื่อว่า จะมีดาวรุ่งพุ่งทะยานในตระกูลเย่ ซึ่งจะฉายแสงในประเทศจีน นำพาตระกูลเย่ให้ก้าวไกลและสูงขึ้นไปในอนาคต
แต่ในวันเกิดสิบขวบของเย่เฉิน เขาวิ่งไปหาเย่ซานปู่ของเขาอย่างมีความสุข ขอของขวัญ เย่ซานผู้ซึ่งรักและเอ็นดูเขามากมาโดยตลอด ได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน
คำพูดต่อมาของเย่ซาน ทำให้เย่เฉินตกตะลึงมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
"เย่เฉินรุ่นที่สามของตระกูลเย่ เป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะของตระกูลเย่เรา ต้นตอของความวุ่นวายของตระกูลเย่ จัดการลงโทษตามกฎของตระกูล!"
ฉันในฐานะหัวหน้าตระกูลรุ่นที่สิบห้าของตระกูลเย่ขอประกาศว่า ให้ขับไล่เย่เฉินออกจากตระกูลเย่ ทำลายชีพจรการฝึกยุทธซะ เพิกถอนการเงินทั้งหมด ห้ามทุกคนในตระกูลเย่ติดต่อด้วย หากถูกพบว่าใครละเมิด ให้ขับออกจากตระกูลเย่ทันที!"
"รุ่นที่สามของตระกูลเย่ แค่เย่ซิงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!"
สีหน้าของเย่ซานเต็มไปด้วยความเยือดเย็น สายตาที่มองไปที่เย่เฉิน ราวกับว่ากำลังมองดูไวรัส ตัวหายนะ
แต่เย่เฉินกลับงงงันไปหมด เขาแทบไม่รู้เลยว่าเขาทำผิดอะไร เมื่อไหร่กันที่เขาได้สร้างความวุ่นวายต่อตระกูลเย่?
แต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนเขาไม่มีโอกาสที่จะแก้ตัวเลย และเย่หยุนหลงพ่อของเขาที่ดูแลเขามาโดยตลอด อบรมสั่งสอนเขาด้วยทั้งชีวิตและจิตใจ ลงมือกับเขาอย่างโหดร้าย ทำให้ชีพจรการฝึกยุทธของเขาแตกสลาย
หลังจากนั้น เย่หยุนหลงเพิกเฉยต่อแววตาที่โศกเศร้าของแม่ของเย่เฉิน พาเย่เฉินผู้ซึ่งไร้ความสามารถไปที่ป่าทึบในเขตชานเมืองของเมืองหลวง ปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม โดยไม่เคยถามไถ่ใดๆ อีกต่อไป
ในโลกสมัยใหม่นี้ ผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นหายากมาก จำต้องเป็นผู้ที่มีชีพจรการฝึกยุทธเฉพาะเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณ พัฒนาความแข็งคุณร่งของภายใน จึงเรียกได้ว่าเป็นนักสู้หนึ่งล้านคน
และเมื่อนักสู้สูญเสียชีพจรการฝึกยุทธ เฉกเช่นเดียวกับจุดเลือดลมของเขาที่ถูกทำลายเช่นกัน จะสูญเสียการฝึกฝนทุกอย่าง ไม่สามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ได้อีกตลอดชีวิต เรื่องนี้สำหรับนักสู้แล้ว เป็นการถูกโจมตีแบบถูกทำลายพังพินาศอย่างย่อยยับ
และเย่เฉิน ซึ่งอายุเพียงสิบขวบ ถูกทำลายชีพจรการฝึกยุทธ ศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของเขาถูกทำลาย และยังถูกทอดทิ้งในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งเท่ากับฆ่าเขาโดยสิ้นเชิง ไม่เหลือหนทางให้มีชีวิตรอดแม้แต่น้อย
เขาไม่เข้าใจ เขารู้สึกโกรธ ทำไมคุณปู่ที่รักเขามากมายนั้น ถึงมองว่าเขาเป็นนักโทษของตระกูล แล้วทำไมพ่อที่ดูแลเขาอย่างดีมาตลอด ถึงปฏิบัติกับเขาอย่างโหดร้าย และยังเนรเทศเขา?
จนถึงตอนนี้ เขายังคงจำการแสดงออกที่เฉยเมยและแน่วแน่ของเย่หยุนหลงในตอนที่ทิ้งเขาไว้ในป่าทึบ อีกทั้งข้อปลีกย่อยที่ไม่สำคัญ เขาไม่เคยลืมมันแม้แต่น้อย
การที่ได้ถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ถ้าเป็นคนอื่น บางทีอาจสละชีวิตไปนานแล้ว คงจะเสียชีวิตไปแล้ว
แต่เย่เฉิน ในคืนนั้นของเมื่อแปดปีก่อน ทนความเจ็บปวดที่เสียดแทงหัวใจเพียงลำพัง พิงต้นไม้ใหญ่ไว้ และสาบานกับเย่หยุนหลงที่หันหลังเดินจากไปว่าเขาจะไม่มีวันก้มหัวให้
"เย่หยุนหลง วิชาทั้งหมดที่ผมได้เรียน อีกทั้งร่างกายเส้นผมและผิวหนังของผม ล้วนได้มาจากคุณ คุณทำลายวรยุทธของผม ผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่บุญคุณที่ให้กับผม ผมก็นับว่าได้ตอบแทนให้หมดแล้ว!"
"นับตั้งแต่วันนี้ไป ผมเย่เฉิน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเย่หยุนหลงคุณอีก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนตระกูลเย่ทั้งหมด!"
"ผมเย่เฉินขอสาบาน ณ ที่นี่ว่า ผมจะไม่มีวันตาย ผมจะใช้ชื่อนี้ต่อไป มีชีวิตที่ดีกว่าใคร และยืนสูงกว่าใครๆ!"
“ในอนาคต ผมจะทำให้ตระกูลเย่ของพวกคุณเงยหน้าขึ้นมอง ผมจะทำให้พวกคุณทุกคน เสียใจกับสิ่งที่ทำกับผมในวันนี้!"
พอเขาพูดจบ ก็ต่อยเข้าต้นไม้อย่างแรง หลังมือของเขาถูกถูจนมองไม่ชัดว่าเป็นเลือดหรือเนื้อหนัง เลือดหยดลงบนพื้น ดูน่าสยดสยอง แต่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ มีเพียงเปลวเพลิงในดวงตาของเขาที่กำลังปั่นป่วนเท่านั้น
เย่หยุนหลงได้ยินคำพูดของเขา มีเพียงแค่ร่างกายหยุดชะงักเล็กน้อย แต่ไม่ได้หันกลับไป และยังคงเดินจากไปอย่างเย็นชา บางทีเย่หยุนหลงอาจคิดว่า ในสถานการณ์เช่นนี้เป็นไม่ได้ที่เย่เฉินจะมีชีวิตรอดได้อีก
แม้ว่าเย่เฉินจะรอดชีวิตได้ จากที่เขาที่ชีพจรการฝึกยุทธถูกทำลาย เด็กเหลือขอที่ไม่มีที่พึ่งพา พูดเกินจริงหน่อย หากจะบอกว่าเขาสามารถกลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในปฐพีได้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่รวยที่สุดในปฐพี แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่รวยที่สุดในจีนก็ตาม มันอาจไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะทำให้ตระกูลเย่ที่ทรงพลังให้ความสนใจ นับประสาอะไรกับการเงยหน้าขึ้นมอง
สิ่งที่เย่เฉินพูดในเวลานั้น ล้วนเป็นเรื่องตลกในสายตาของเย่หยุนหลง
แต่ไม่ว่าจะเป็นเย่ซานหรือเย่หยุนหลงพวกเขาอาจไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เด็กชายวัยสิบขวบที่ถูกพวกเขาเนรเทศไปยังป่าลึกในตอนนั้น บีบบังคับให้ต้องตาย แต่กลับไม่ตาย
อีกทั้งตอนนี้ หลังจากเขาประสบชีวิตที่เป็นและตายมานับไม่ถ้วน เขาได้เกิดใหม่ และเขากลับมาในฐานะราชา
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่เย็นชาอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ของเย่ซานและเย่หยุนหลงในตอนนั้น ความเย้ยหยันปรากฏขึ้นที่มุมปากของเย่เฉิน
"เย่ซาน เย่หยุนหลง ตระกูลเย่ เมื่อฉันยืนอยู่ต่อหน้าพวกคุณอีกครั้ง ท่าทีของพวกคุณ คงจะยอดเยี่ยมมากสินะ"
เขากำหมัดแน่น ข้อต่อกระดูกก็เกิดเสียงที่คมชัด เหตุการณ์ในอดีตเหล่านั้น เขาก็ระงับไว้ในก้นบึ้งของหัวใจชั่วคราว
"เมืองลู่เฉิง จะเป็นสถานีแรกที่ฉันจะขจรขจายชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดิน!"
ดวงตาของเย่เฉินราวกับดวงดาว แตะเท้าหลังเบาๆ คนทั้งคนก็หายไปแล้ว
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved