บทที่ 3 เฉินเฟิงกรุ๊ป
by อาซาน
08:01,Jun 26,2023
เสียงของเซียวเหวินเยว่นั้นเย็นชา กอดอกไว้ ท่าทางในลุคคุณหนูอย่างไรอย่างนั้น
เดิมทีเธอต้องการที่จะพูดอ้อมค้อมมากกว่านี้ แต่เธอเห็นว่าเย่เฉินไม่ได้ปฏิเสธเหอฮุ่ยหมิ่น เหมือนกับว่ามีความตั้งใจอย่างมากที่จะอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงต้องพูดตรงประเด็น
จุดประสงค์ของเธอ ก็คือป้องกันไม่ให้เย่เฉินอาศัยอยู่ที่นี่
ล้อเล่นไปแล้ว แม้แต่เหล่ายอดบุรุษในโรงเรียนไม่เคยใกล้ชิดเธอมากขนาดนี้ เด็กชายที่ยากจนอย่างกับขอทาน มีสิทธิ์อะไรที่จะต้องมาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนกับเธอ อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน?
แม้ว่าเย่เฉินจะเคยช่วยเหอฮุ่ยหมิ่นแม่ของเธอ แต่เหอฮุ่ยหมิ่นก็บอกกับเธอแล้วว่า ในภายหลังเธอได้มอบเงินให้เย่เฉินหนึ่งหมื่นหยวน เพื่อเป็นการขอบคุณ ในความเห็นของเธอหนี้บุญคุณนี้ได้มีการตอบแทนกันไปตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้เย่เฉินมาถึงประตูในชุดที่เลอะเทอะ แม้แต่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ยังเป็นเหอฮุ่ยหมิ่นหาให้อีก หลังจากรับเงินหนึ่งพันหยวนแล้ว เขายังคงดื้อด้านอยู่ที่นี่ มีท่าทีจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพวกเขาอีก นี่มันหน้าด้านเกินไปหรือเปล่า?
ชายที่ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ความหยิ่งทะนงในตนเองเช่นนี้ เธอรู้สึกดูถูกยิ่งนัก
ท่าทีของเย่เฉินไม่เปลี่ยนไปมากนัก ทันทีที่เขาเห็นเซียวเหวินเยว่ เขาได้สังเกตเห็นความดูถูกเหยียดหยามในดวงตาของอีกฝ่ายแล้ว
แต่เขาเป็นคนระดับไหน เขาจะไปถือสาอะไรกับคนอย่างเซียวเหวินเยว่ทำไมกัน? สำหรับเขาแล้ว เซียวเหวินเยว่เป็นเพียงลูกสาวของเหอฮุ่ยหมิ่น หากไม่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ เขาจะไม่พูดอะไรกับเซียวเหวินเยว่แม้แต่ครึ่งคำ
เมื่อเห็นว่าเย่เฉินไม่แยแส เซียวเหวินเยว่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "นายยังเด็ก มีมือมีเท้า แทนที่จะทำงานด้วยมือของคุณเอง ทำไมนายถึงต้องมาพึ่งพาคนอื่น "
"ถ้านายต้องการนะ ฉันขอให้คนแนะนำงานให้นายได้ ไม่ต้องพูดถึงว่ารายได้มีมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ได้เงินเดือนที่สามารถรับประกันการกินอยู่ของนายได้ แบบนี้คงได้ใช่ไหม?”
เธอกลัวว่าเย่เฉินจะดื้อด้านไม่จากไป จึงมีความคิดที่ว่า แม้ว่าต้องไปรบกวนเพื่อนของเธอไม่กี่คนเพื่อหางานในบริษัทของพวกเขาให้เย่เฉินทำ ก็ต้องให้เย่เฉินออกจากวิลล่าของเธอให้ได้
เย่เฉินได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ ส่ายหัวไปมา
เขาไม่แม้แต่จะมองเซียวเหวินเยว่ หยิบปากกาบนโต๊ะขึ้นมาเขียนโน้ต จากนั้นหยิบซองเอกสารใหม่เอี่ยมซองเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างที่เก่าโทรม แล้วสอดโน้ตลงไปซอง
“ถ้าน้าเหอกลับมาแล้ว ก็แค่บอกว่าฉันให้สิ่งนี้กับท่าน!”
เขาโยนกระเป๋าสะพายที่เก่าโทรมทิ้งลงถังขยะ ฝากไว้แค่คำพูดเดียวแล้วออกจากวิลล่าไป
เซียวเหวินเยว่เงยหน้าขึ้นมองไป เย่เฉินเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้เพียงร่างที่อ้างว้างเงียบเหงาอยู่ข้างหลัง
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ เซียวเหวินเยว่ก็ทนไม่ได้ และอยากจะเรียกเย่เฉินกลับมา แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยังไม่เรียกออกมา
“ฉันคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ยังอยากเรียกนายบ้านนอกแบบนี้กลับมาบ้านเหรอเนี่ย”
เธอส่ายหัว แล้วขึ้นไปแต่งตัวที่ชั้นบน ในตอนบ่าย เธอยังมีนัดกับเพื่อนสนิทว่าจะไปซื้อของด้วยกัน
สำหรับซองเอกสารที่เย่เฉินวางบนเก้าอี้ เธอไม่ได้จริงจังกับมันเลย หยิบออกมาจากกระเป๋าที่สกปรกใบนั้น มันจะมีอะไรดีเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะฝากไว้ให้เหอฮุ่ยหมิ่น เธอแทบอยากจะโยนมันทิ้งไปแล้ว
เย่เฉินออกจากวิลล่า ก็ขึ้นรถแท็กซี่โดยตรง
“พี่ชาย ต้องจะไปไหนครับ”
คนขับถามอย่างกระตือรือร้น
"ไปที่ตึกเฉินเฟิงกรุ๊ป!"
เย่เฉินตอบออกไป
หลังจากได้ตำแหน่งแล้ว โชเฟอร์ก็สตาร์ทรถทันทีและพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น: "พี่ชาย ดูเหมือนคุณไม่ได้ทำงานในเฉินเฟิงกรุ๊ปใช่ไหม"
โชเฟอร์คนนี้ทำงานในเมืองลู่เฉิงมาไม่น้อยกว่าห้าปี เขาเคยได้พบพนักงานของเฉินเฟิงกรุ๊ปมาหลายคน มีคนไหนกันที่ไม่ใส่สูท รองเท้าหนังในการทำงาน? เขาไม่เคยเห็นคนอย่างเย่เฉินไปที่ตึกของบริษัทในชุดลำลองเช่นนี้
เย่เฉินยิ้มจางๆ: "ฉันไม่ได้ทำงานที่นั่น ท่านประธานของพวกเขาช่วยผมทำงาน ครั้งนี้ผมแค่ไปดูๆ บริษัท!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โชเฟอร์ก็มองเย่เฉินด้วยหางตา ไม่ได้พูดอีกต่อไป แต่ในใจห้ามไม่ได้ที่จะดูถูก
ท่านประธานของเฉินเฟิงกรุ๊ปเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในเมืองลู่เฉิง ปกติคนที่เขาไปมาหาสู่มักจะเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่มีชื่อเสียง เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองลู่เฉิง คนอื่นที่ต้องการพบเขา คงเป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์
เย่เฉินที่อายุน้อยๆ กลับพูดว่าท่านประธานของเฉินเฟิงกรุ๊ปทำงานให้เขา นั่นไม่ได้หมายความว่าเฉินเฟิงกรุ๊ปเป็นของเขางั้นหรือ หรือว่าเขาสามารถเป็นประธานกรรมการของเฉินเฟิงกรุ๊ปเชียวหรือ?
นี่มันคุยโวโม้อวดศักดาโดยสิ้นเชิง ให้เขามาพูด เขายังอยากจะบอกว่าเขาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเลยละ!
"คนหนุ่มสาวสมัยนี้ คุยโวแบบไม่ใช้สมองจริงๆ ชอบคุยโม้โอ้อวดไปเรื่อย!"
เขาส่ายหัว หมดความสนใจที่จะพูดคุยกับเย่เฉินโดยสิ้นเชิง
ประมาณสิบนาทีต่อมา ตึกเฉินเฟิงกรุ๊ปก็ปรากฏขึ้น เย่เฉินชำเหลือบไปมอง เห็นเพียงตึกสูงตระหง่านที่โดดเด่น สูงกว่าตึกอื่นๆ โดยรอบอย่างมาก ยิ่งใหญ่ไพศาลยิ่งนัก
หลายคนที่ได้ผ่านที่นี่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตะลึงใจ
หลังจากที่เย่เฉินจ่ายค่าโดยสารแล้ว เขาก็ตรงไปที่โถงต้อนรับ
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ"
พนักงานต้อนรับหญิงที่แผนกต้อนรับถามเย่เฉินด้วยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ
"รบกวนคุณโทรหาอู๋กว่างฟู่ บอกเขาด้วยว่าฉันกำลังรอเขาอยู่ที่นี่!"
เห็นได้ชัดว่าพนักงานต้อนรับหญิงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน
เธอครุ่นคิดในใจเป็นเวลานาน เธองงงันที่ว่า นึกไม่ออกว่ามีพนักงานที่ชื่ออู๋กว่างฟู่คนนี้อยู่ในบริษัทด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน เธอขอโทษและพูดว่า "ขอโทษด้วยนะคะ คุณช่วยบอกแผนกและตำแหน่งของเขาให้ดิฉันทราบได้ไหมคะ ดิฉันจะได้ตรวจสอบให้คุณได้ง่ายขึ้น!"
"ตำแหน่งงั้นหรือ?" เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อ่อ เขาเป็นประธานของกรุ๊ป!"
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ พนักงานต้อนรับคนอื่นๆ ที่แผนกต้อนรับก็หันศีรษะมา ท่าทีแปลกๆไป
พนักงานต้อนรับหญิงที่กำลังคุยกับเย่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็จำได้ว่าอู๋กว่างฟู่เป็นใคร นั่นเป็นท่านประธานของเฉินเฟิงกรุ๊ปของพวกหล่อนไม่ใช่หรือ
เธอมองเย่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
อู๋กว่างฟู่เป็นใคร เขาเป็นผู้นำในสังคมชั้นสูงของเมืองลู่เฉิง เขาเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของนักธุรกิจในเมืองลู่เฉิง แม้ว่าตำแหน่งของเขาในบริษัทคือท่านประธาน แต่ทุกคนต่างก็คาดเดาว่าเขากำลังซ่อนตัวตนของเขา แท้จริงแล้วประธานกรรมการของเฉินเฟิงกรุ๊ปก็คือเขา
ปกติแล้วไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่ที่อยากจะมาเยี่ยมเยียนบริษัท แต่อู๋กว่างฟู่มักจะปฏิเสธที่จะพบ คนที่ไม่สูงพอ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับเขา เย่เฉินชายหนุ่มนี้ที่แต่งตัวธรรมดา มาถึงก้จะพบอู๋กว่างฟู่ อีกทั้งไม่ใช่ว่าไปคารวะ แต่กลับให้อู๋กว่างฟู่ลงมาพบเขา คำพูดนี้ช่างเว่อร์วังจริงๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ในขณะนี้ท่านประธานของเรากำลังมีการประชุมที่สำคัญ ไม่อาจพบแขกได้ วันนี้ท่านไม่มีนัดพบใครใดๆ ด้วย ดังนั้นดิฉันคิดว่าคุณคงจะไม่ได้พบท่านหรอกค่ะ!”
แม้ว่าพนักงานต้อนรับหญิงจะคิดว่ามันเกินจริงไปหน่อย แต่เธอก็เห็นว่าเย่เฉินแต่งตัวเรียบร้อย รูปลักษณ์สง่างาม จึงตอบกลับอย่างสุภาพ
"เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล คุณแค่บอกชื่อของผมให้เขาทราบ แล้วเขาจะลงมาพบผมเอง ผมชื่อเย่เฉิน!"
เย่เฉินไม่ได้มีความตระหนักรู้เลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขายังคงสงบเรียบเฉย
พนักงานต้อนรับหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และยังกังวลว่าเย่เฉินจะเป็นแขกสำคัญของอู๋กวงฝูจริงๆ ทำให้เกิดความล่าช้าได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและพูดว่า: "ได้ค่ะ รบกวนคุณรอสักครู่ ดิฉันจะโทรไปสอบถามให้ค่ะ!"
เธอกำลังจะโทรหาเลขาของอู๋กว่างฟู่ ทันใดนั้นมีหญิงสาวที่มีรูปร่างน่าหลงใหล สวมกระโปรงชุดสูทเดินเข้ามา
ผู้หญิงคนนั้นอายุยี่สิบห้าหรือหกปี แต่งตัวที่งามหยาดเยิ้ม แต่งหน้าจัด ออร่าที่มอมเมาด้วยเสน่ห์กระจายไปทั่วร่างกาย ซึ่งง่ายต่อการยั่วยวนตัณหาของผู้ชาย
ทันทีที่เธอมาถึง พนักงานต้อนรับทุกคนหันมาทักทายเธอ
"ประธานฉี!"
หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์พยักหน้าเล็กน้อย มีท่าทีที่หยิ่งยโส
เธอเหลือบมองไปที่เย่เฉินซึ่งแต่งตัวเรียบง่าย และถามแผนกต้อนรับ: "เกิดอะไรขึ้น"
พนักงานต้อนรับบอกเรื่องที่เย่เฉินต้องการพบอู๋กว่างฟู่ให้เธอฟัง หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์ก็ขมวดคิ้ว
"เสี่ยวซวี่ นี่เธอเสียสติไปแล้วเหรอ? ปกติแล้วท่านประธานจะพบกับคนระดับไหน คนที่จนอย่างหมอนี่ จะเป็นแขกของท่านได้ไหมละ"
“ถ้ามีใครต้องการมาพบท่านประธานทุกครั้ง เธอก็โทรไปถามทุกครั้ง ท่านประธานจะไม่รู้สึกรำคาญตายหรอกหรือ แค่นี้เธอก็คิดไม่เป็น ฉันคิดว่าตำแหน่งนี้คงไม่เหมาะสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว พรุ่งนี้ไปรายงานไปที่โกดังซะ!”
สีหน้าของหญิงสาวสวยพราวเสน่ห์เย็นชา ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยในการพูดคุย พนักงานต้อนรับหญิงที่มีชื่อว่าเสี่ยวซวี่หน้าซีด ขอโทษซ้ำๆ
เธอรู้ดีว่า หากผู้หญิงตรงหน้าต้องการขึ้นมา ก็สามารถไล่เธอออกได้
หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์ดุว่าเสี่ยวซวี่สักพัก จากนั้นเธอก็มองไปที่เย่เฉิน ด้วยสายตาเย้ยหยันเล็กน้อย
"น้องชาย ที่นี่คือตึกสำนักงานของเฉินเฟิงกรุ๊ป ไม่ใช่สถานที่ที่นายจะมาก่อเรื่องได้ ถ้านายยังทำเช่นนี้อีก ฉันจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่นายออกไป!"
เดิมทีเธอต้องการที่จะพูดอ้อมค้อมมากกว่านี้ แต่เธอเห็นว่าเย่เฉินไม่ได้ปฏิเสธเหอฮุ่ยหมิ่น เหมือนกับว่ามีความตั้งใจอย่างมากที่จะอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงต้องพูดตรงประเด็น
จุดประสงค์ของเธอ ก็คือป้องกันไม่ให้เย่เฉินอาศัยอยู่ที่นี่
ล้อเล่นไปแล้ว แม้แต่เหล่ายอดบุรุษในโรงเรียนไม่เคยใกล้ชิดเธอมากขนาดนี้ เด็กชายที่ยากจนอย่างกับขอทาน มีสิทธิ์อะไรที่จะต้องมาใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนกับเธอ อาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน?
แม้ว่าเย่เฉินจะเคยช่วยเหอฮุ่ยหมิ่นแม่ของเธอ แต่เหอฮุ่ยหมิ่นก็บอกกับเธอแล้วว่า ในภายหลังเธอได้มอบเงินให้เย่เฉินหนึ่งหมื่นหยวน เพื่อเป็นการขอบคุณ ในความเห็นของเธอหนี้บุญคุณนี้ได้มีการตอบแทนกันไปตั้งนานแล้ว
แต่ตอนนี้เย่เฉินมาถึงประตูในชุดที่เลอะเทอะ แม้แต่เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ยังเป็นเหอฮุ่ยหมิ่นหาให้อีก หลังจากรับเงินหนึ่งพันหยวนแล้ว เขายังคงดื้อด้านอยู่ที่นี่ มีท่าทีจะพักอาศัยอยู่ที่บ้านพวกเขาอีก นี่มันหน้าด้านเกินไปหรือเปล่า?
ชายที่ไร้ศักดิ์ศรี ไร้ความหยิ่งทะนงในตนเองเช่นนี้ เธอรู้สึกดูถูกยิ่งนัก
ท่าทีของเย่เฉินไม่เปลี่ยนไปมากนัก ทันทีที่เขาเห็นเซียวเหวินเยว่ เขาได้สังเกตเห็นความดูถูกเหยียดหยามในดวงตาของอีกฝ่ายแล้ว
แต่เขาเป็นคนระดับไหน เขาจะไปถือสาอะไรกับคนอย่างเซียวเหวินเยว่ทำไมกัน? สำหรับเขาแล้ว เซียวเหวินเยว่เป็นเพียงลูกสาวของเหอฮุ่ยหมิ่น หากไม่มีความสัมพันธ์เช่นนี้ เขาจะไม่พูดอะไรกับเซียวเหวินเยว่แม้แต่ครึ่งคำ
เมื่อเห็นว่าเย่เฉินไม่แยแส เซียวเหวินเยว่ก็ขมวดคิ้วและพูดว่า "นายยังเด็ก มีมือมีเท้า แทนที่จะทำงานด้วยมือของคุณเอง ทำไมนายถึงต้องมาพึ่งพาคนอื่น "
"ถ้านายต้องการนะ ฉันขอให้คนแนะนำงานให้นายได้ ไม่ต้องพูดถึงว่ารายได้มีมากแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ได้เงินเดือนที่สามารถรับประกันการกินอยู่ของนายได้ แบบนี้คงได้ใช่ไหม?”
เธอกลัวว่าเย่เฉินจะดื้อด้านไม่จากไป จึงมีความคิดที่ว่า แม้ว่าต้องไปรบกวนเพื่อนของเธอไม่กี่คนเพื่อหางานในบริษัทของพวกเขาให้เย่เฉินทำ ก็ต้องให้เย่เฉินออกจากวิลล่าของเธอให้ได้
เย่เฉินได้ฟังก็หัวเราะเบาๆ ส่ายหัวไปมา
เขาไม่แม้แต่จะมองเซียวเหวินเยว่ หยิบปากกาบนโต๊ะขึ้นมาเขียนโน้ต จากนั้นหยิบซองเอกสารใหม่เอี่ยมซองเล็กออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างที่เก่าโทรม แล้วสอดโน้ตลงไปซอง
“ถ้าน้าเหอกลับมาแล้ว ก็แค่บอกว่าฉันให้สิ่งนี้กับท่าน!”
เขาโยนกระเป๋าสะพายที่เก่าโทรมทิ้งลงถังขยะ ฝากไว้แค่คำพูดเดียวแล้วออกจากวิลล่าไป
เซียวเหวินเยว่เงยหน้าขึ้นมองไป เย่เฉินเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ทิ้งไว้เพียงร่างที่อ้างว้างเงียบเหงาอยู่ข้างหลัง
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ๆ เซียวเหวินเยว่ก็ทนไม่ได้ และอยากจะเรียกเย่เฉินกลับมา แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยังไม่เรียกออกมา
“ฉันคงบ้าไปแล้วแน่ๆ ยังอยากเรียกนายบ้านนอกแบบนี้กลับมาบ้านเหรอเนี่ย”
เธอส่ายหัว แล้วขึ้นไปแต่งตัวที่ชั้นบน ในตอนบ่าย เธอยังมีนัดกับเพื่อนสนิทว่าจะไปซื้อของด้วยกัน
สำหรับซองเอกสารที่เย่เฉินวางบนเก้าอี้ เธอไม่ได้จริงจังกับมันเลย หยิบออกมาจากกระเป๋าที่สกปรกใบนั้น มันจะมีอะไรดีเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะฝากไว้ให้เหอฮุ่ยหมิ่น เธอแทบอยากจะโยนมันทิ้งไปแล้ว
เย่เฉินออกจากวิลล่า ก็ขึ้นรถแท็กซี่โดยตรง
“พี่ชาย ต้องจะไปไหนครับ”
คนขับถามอย่างกระตือรือร้น
"ไปที่ตึกเฉินเฟิงกรุ๊ป!"
เย่เฉินตอบออกไป
หลังจากได้ตำแหน่งแล้ว โชเฟอร์ก็สตาร์ทรถทันทีและพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น: "พี่ชาย ดูเหมือนคุณไม่ได้ทำงานในเฉินเฟิงกรุ๊ปใช่ไหม"
โชเฟอร์คนนี้ทำงานในเมืองลู่เฉิงมาไม่น้อยกว่าห้าปี เขาเคยได้พบพนักงานของเฉินเฟิงกรุ๊ปมาหลายคน มีคนไหนกันที่ไม่ใส่สูท รองเท้าหนังในการทำงาน? เขาไม่เคยเห็นคนอย่างเย่เฉินไปที่ตึกของบริษัทในชุดลำลองเช่นนี้
เย่เฉินยิ้มจางๆ: "ฉันไม่ได้ทำงานที่นั่น ท่านประธานของพวกเขาช่วยผมทำงาน ครั้งนี้ผมแค่ไปดูๆ บริษัท!"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โชเฟอร์ก็มองเย่เฉินด้วยหางตา ไม่ได้พูดอีกต่อไป แต่ในใจห้ามไม่ได้ที่จะดูถูก
ท่านประธานของเฉินเฟิงกรุ๊ปเป็นหนึ่งในบุคคลที่สำคัญที่สุดในเมืองลู่เฉิง ปกติคนที่เขาไปมาหาสู่มักจะเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่มีชื่อเสียง เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเมืองลู่เฉิง คนอื่นที่ต้องการพบเขา คงเป็นเรื่องยากราวกับขึ้นสวรรค์
เย่เฉินที่อายุน้อยๆ กลับพูดว่าท่านประธานของเฉินเฟิงกรุ๊ปทำงานให้เขา นั่นไม่ได้หมายความว่าเฉินเฟิงกรุ๊ปเป็นของเขางั้นหรือ หรือว่าเขาสามารถเป็นประธานกรรมการของเฉินเฟิงกรุ๊ปเชียวหรือ?
นี่มันคุยโวโม้อวดศักดาโดยสิ้นเชิง ให้เขามาพูด เขายังอยากจะบอกว่าเขาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเลยละ!
"คนหนุ่มสาวสมัยนี้ คุยโวแบบไม่ใช้สมองจริงๆ ชอบคุยโม้โอ้อวดไปเรื่อย!"
เขาส่ายหัว หมดความสนใจที่จะพูดคุยกับเย่เฉินโดยสิ้นเชิง
ประมาณสิบนาทีต่อมา ตึกเฉินเฟิงกรุ๊ปก็ปรากฏขึ้น เย่เฉินชำเหลือบไปมอง เห็นเพียงตึกสูงตระหง่านที่โดดเด่น สูงกว่าตึกอื่นๆ โดยรอบอย่างมาก ยิ่งใหญ่ไพศาลยิ่งนัก
หลายคนที่ได้ผ่านที่นี่ก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยความตะลึงใจ
หลังจากที่เย่เฉินจ่ายค่าโดยสารแล้ว เขาก็ตรงไปที่โถงต้อนรับ
"สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ"
พนักงานต้อนรับหญิงที่แผนกต้อนรับถามเย่เฉินด้วยรอยยิ้มอย่างมืออาชีพ
"รบกวนคุณโทรหาอู๋กว่างฟู่ บอกเขาด้วยว่าฉันกำลังรอเขาอยู่ที่นี่!"
เห็นได้ชัดว่าพนักงานต้อนรับหญิงตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน
เธอครุ่นคิดในใจเป็นเวลานาน เธองงงันที่ว่า นึกไม่ออกว่ามีพนักงานที่ชื่ออู๋กว่างฟู่คนนี้อยู่ในบริษัทด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน เธอขอโทษและพูดว่า "ขอโทษด้วยนะคะ คุณช่วยบอกแผนกและตำแหน่งของเขาให้ดิฉันทราบได้ไหมคะ ดิฉันจะได้ตรวจสอบให้คุณได้ง่ายขึ้น!"
"ตำแหน่งงั้นหรือ?" เย่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อ่อ เขาเป็นประธานของกรุ๊ป!"
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ พนักงานต้อนรับคนอื่นๆ ที่แผนกต้อนรับก็หันศีรษะมา ท่าทีแปลกๆไป
พนักงานต้อนรับหญิงที่กำลังคุยกับเย่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็จำได้ว่าอู๋กว่างฟู่เป็นใคร นั่นเป็นท่านประธานของเฉินเฟิงกรุ๊ปของพวกหล่อนไม่ใช่หรือ
เธอมองเย่เฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
อู๋กว่างฟู่เป็นใคร เขาเป็นผู้นำในสังคมชั้นสูงของเมืองลู่เฉิง เขาเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของนักธุรกิจในเมืองลู่เฉิง แม้ว่าตำแหน่งของเขาในบริษัทคือท่านประธาน แต่ทุกคนต่างก็คาดเดาว่าเขากำลังซ่อนตัวตนของเขา แท้จริงแล้วประธานกรรมการของเฉินเฟิงกรุ๊ปก็คือเขา
ปกติแล้วไม่รู้ว่ามีคนเท่าไหร่ที่อยากจะมาเยี่ยมเยียนบริษัท แต่อู๋กว่างฟู่มักจะปฏิเสธที่จะพบ คนที่ไม่สูงพอ ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคุยโทรศัพท์กับเขา เย่เฉินชายหนุ่มนี้ที่แต่งตัวธรรมดา มาถึงก้จะพบอู๋กว่างฟู่ อีกทั้งไม่ใช่ว่าไปคารวะ แต่กลับให้อู๋กว่างฟู่ลงมาพบเขา คำพูดนี้ช่างเว่อร์วังจริงๆ
“ต้องขอโทษด้วยนะคะ ในขณะนี้ท่านประธานของเรากำลังมีการประชุมที่สำคัญ ไม่อาจพบแขกได้ วันนี้ท่านไม่มีนัดพบใครใดๆ ด้วย ดังนั้นดิฉันคิดว่าคุณคงจะไม่ได้พบท่านหรอกค่ะ!”
แม้ว่าพนักงานต้อนรับหญิงจะคิดว่ามันเกินจริงไปหน่อย แต่เธอก็เห็นว่าเย่เฉินแต่งตัวเรียบร้อย รูปลักษณ์สง่างาม จึงตอบกลับอย่างสุภาพ
"เรื่องนี้คุณไม่ต้องกังวล คุณแค่บอกชื่อของผมให้เขาทราบ แล้วเขาจะลงมาพบผมเอง ผมชื่อเย่เฉิน!"
เย่เฉินไม่ได้มีความตระหนักรู้เลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขายังคงสงบเรียบเฉย
พนักงานต้อนรับหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และยังกังวลว่าเย่เฉินจะเป็นแขกสำคัญของอู๋กวงฝูจริงๆ ทำให้เกิดความล่าช้าได้ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและพูดว่า: "ได้ค่ะ รบกวนคุณรอสักครู่ ดิฉันจะโทรไปสอบถามให้ค่ะ!"
เธอกำลังจะโทรหาเลขาของอู๋กว่างฟู่ ทันใดนั้นมีหญิงสาวที่มีรูปร่างน่าหลงใหล สวมกระโปรงชุดสูทเดินเข้ามา
ผู้หญิงคนนั้นอายุยี่สิบห้าหรือหกปี แต่งตัวที่งามหยาดเยิ้ม แต่งหน้าจัด ออร่าที่มอมเมาด้วยเสน่ห์กระจายไปทั่วร่างกาย ซึ่งง่ายต่อการยั่วยวนตัณหาของผู้ชาย
ทันทีที่เธอมาถึง พนักงานต้อนรับทุกคนหันมาทักทายเธอ
"ประธานฉี!"
หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์พยักหน้าเล็กน้อย มีท่าทีที่หยิ่งยโส
เธอเหลือบมองไปที่เย่เฉินซึ่งแต่งตัวเรียบง่าย และถามแผนกต้อนรับ: "เกิดอะไรขึ้น"
พนักงานต้อนรับบอกเรื่องที่เย่เฉินต้องการพบอู๋กว่างฟู่ให้เธอฟัง หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์ก็ขมวดคิ้ว
"เสี่ยวซวี่ นี่เธอเสียสติไปแล้วเหรอ? ปกติแล้วท่านประธานจะพบกับคนระดับไหน คนที่จนอย่างหมอนี่ จะเป็นแขกของท่านได้ไหมละ"
“ถ้ามีใครต้องการมาพบท่านประธานทุกครั้ง เธอก็โทรไปถามทุกครั้ง ท่านประธานจะไม่รู้สึกรำคาญตายหรอกหรือ แค่นี้เธอก็คิดไม่เป็น ฉันคิดว่าตำแหน่งนี้คงไม่เหมาะสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว พรุ่งนี้ไปรายงานไปที่โกดังซะ!”
สีหน้าของหญิงสาวสวยพราวเสน่ห์เย็นชา ไม่มีความเกรงใจแม้แต่น้อยในการพูดคุย พนักงานต้อนรับหญิงที่มีชื่อว่าเสี่ยวซวี่หน้าซีด ขอโทษซ้ำๆ
เธอรู้ดีว่า หากผู้หญิงตรงหน้าต้องการขึ้นมา ก็สามารถไล่เธอออกได้
หญิงสาวสวยพราวเสน่ห์ดุว่าเสี่ยวซวี่สักพัก จากนั้นเธอก็มองไปที่เย่เฉิน ด้วยสายตาเย้ยหยันเล็กน้อย
"น้องชาย ที่นี่คือตึกสำนักงานของเฉินเฟิงกรุ๊ป ไม่ใช่สถานที่ที่นายจะมาก่อเรื่องได้ ถ้านายยังทำเช่นนี้อีก ฉันจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่นายออกไป!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved