บทที่ 6 ฉันไม่สนใจจะรู้จักกันกับนาย

by อาซาน 08:01,Jun 26,2023
เย่เฉินมองไปที่เสี่ยวเหวินเยว่อย่างเป็นธรรมชาติ

หลังจากออกมาจากเฉินเฟิงกรุ๊ป เขาก็พบห้างใกล้ ๆ นี้ จึงอยากใช้เวลาช่วงบ่ายนี้เดินเตร็ดแตร่

มองบรรยากาศร้านกาแฟร้านนี้ไม่เลว เขาก็เลยเดินเข้าไป แต่ไม่คิดว่าจะเจอเสี่ยวเหวินเยว่จะอยู่ที่นี่ เห็นว่าเธอก็กำลังนั่งดื่มกาแฟกับเพื่อนอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน

ดวงตาของเขากวาดผ่านเสี่ยวเหวินเยว่ไปราวกับว่าเธอเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันคนหนึ่ง

“คาราเมลมัคคิอาโต้ 1 แก้วครับ!”

เขาไม่ได้กล่าวทักทาย แค่เดินผ่านโต๊ะของเสี่ยวเหวินเยว่ไปเจอกับที่นั่งด้านหลัง

เมื่อได้เห็นใบหน้าของเย่เฉิน เด็กสาวหน้าตาอ่อนเยาว์อุทานออกมาเบา ๆ

“ว้าว หล่อจัง หล่อกว่าดาราในทีวีมากเลย!"

เด็กสาวของนี้ชื่อ หลี่จิงจิง เป็นเพื่อนรักของเสี่ยวเหวินเยว่ เธอมักจะชอบผู้ชายหน้าตาดี เมื่อเห้นคนหน้าตาอย่างเย่เฉิน ตาของเธอก็เป็นประกาย

“หึ หล่ออะไร ก็แค่บ้านนอก เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ของแม่ฉันให้ทั้งหมด”

เสี่ยวเหวินเยว่ฮึมฮำเบาๆ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอมั่นใจว่าตอนที่เย่เฉินเข้ามาต้องเห็นเธอแล้วแน่ ๆ แต่เขาไม่แม้แต่จะเข้าทักทาย เหมือนกับว่าเธอไม่มีตัวตน เธอทนกับการแสแสร้งแบบนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ

“คนบ้านนอก?”หลี่จิงจิงเข้าใจได้อย่างทันที เธอมีสีหน้าประหลาดใจ “หรือว่าขอทานที่มาบ้านเธอวันนี้ก็คือเขางั้นหรอ?”

เสี่ยวเหวินพยักหน้าหงึก ๆ อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เย่เฉิน เขาก็นิ่ง ค่อย ๆ จิบกาแฟอย่างสบายอกสบายใจ

หลี่จิงจิงเหลือบตามองเย่เฉินอีกครั้ง จากนั้นก็หันศรีษะมาเม้มริมฝีปาก “เอาจริง ๆ นะ รูปร่างหน้าตาก็พอโอเคแหละ แต่เดี๋ยวนี้แค่หล่อมันกินไม่ได้จริงๆอะ! ”

“หน้าตาก็ดีขนาดนี้ มีมือมีเท้า ไม่คิดจะทำงานหาเงินด้วยตัวเอง แต่คิดจะหาทางลัด เกาะคนอื่นกิน ไร้ประโยชน์ซะจริง!”

หลี่จริงจิงมองสีหน้าไม่สู้ดีของเสี่ยวเหวินเยว่ เธอก็ลุกขึ้นยืนทันที

"ไม่ต้องห่วงนะเยว่เยว่ ฉันจะไปคุยกับขาเอง รับว่าว่าเขาอยู่บ้านเธอไม่ได้อีกแน่!"

หลังจากพูดจบ เธอก็รีบเดินไปที่โต๊ะของเย่เฉิน เสี่ยวเหวินเยว่อย่างเรียกให้เธอกลับมา แต่ก็รั้งเธอไว้ไม่ทันซะแล้ว

"พี่ชายสุดหล่อ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนายหน่อยได้ไหม?"

หลี่จิงจิงนั่งลงตรงหน้าของเย่เฉิน ดวงตาคู่งามมองอย่างพิจารณา

"มีเรื่องจะคุยกับฉัน?"

เย่เฉินหัวเราะในลำคอ เขารู้อยู่แล้วหล่ะว่า แม้ว่าเขากับสองคนนี้จะอยู่กับคนละโต๊ะ แล้วสองสาวยังจงใจที่จะลดเสียง แต่เขาเป็นใครถึงจะฟังไม่ได้ยินกัน?

"คืออย่างนี้ วันนี้แม่ของเยว่เยว่ให้นายอยู่ที่บ้านของเธอ ถึงแม่ว่าคุณน้าจะเจตนาดี แต่นายควรจะคิดได้เองนะว่าการที่อยู่บ้านคนอื่นทั้งที่มีตัวตัวคลุมเครือแบบนี้ แถมเยว่เยว่ก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง นายคิดว่ามันสมควรแล้วหรอ?"

"ถ้าฉันเป็นนายนะ ฉันจะหางานทำด้วยตัวเองแล้วหาที่อยู่ซะ ไม่ต้องมาพึ่งพาคนอื่นอยู่แบบนี้!"

หลี่จิงจิงทำหน้าหยิ่งยโส "เอาแบบนี้ดีไหม ครอบครัวแฟนฉันเปิดร้านขายเสื้อผ้า ฉันจะบอกเขาช่วยเตรียมให้นายเป็นพนักงานขาย การันตีเงินเดือนบวกค่าคอมมิชชั่นด้วย จะได้ช่วยแก้ปัญหาอาหารและเสื้อผ้าของนาย แบบนี้เป็นไงหล่ะ?"

น้ำเสียงหยิ่งผยอง ราวกับว่าเธอเป็นผู้นำ เยว่เฉินจะต้องฟังสิ่งที่เธอจัดเตรียมไว้ เธอรู้สึกเหมือนว่าเธอยืนอยู่เหนือกว่าและกำลังให้ทานกับเย่เฉิน

“ฉันว่าเธอเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่เคยคิดที่จะอยู่ที่บ้านของหล่อนตั้งแต่แรก!”เย่เฉินตะคอกเสียงเบา “ถึงฉันจะไปนั่งที่บ้านของหล่อนจริง ๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยไม่ทราบ?”

“แล้วเรื่องที่เธอบอกว่าจะเตรียมงานให้ฉัน ขอโทษที ฉันไม่ต้องการ! ”

เขาพูดอย่างดูถูก โบกมือเหมือนไล่แมลงวัน

“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นอีก ก็ไปได้แล้ว อย่ามากวนเวลาดื่มกาแฟของฉัน!”

การแสดงออกของหลี่จิงจิงเปลี่ยนไปเล็กน้อยด้วยความโกรธ

เธอติดนิสัยเอาแต่ใจและมีนิสัยเสียมาตั้งแต่เล็ก คนในครอบครัวต้องฟังเธอ และเธอเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ชายในโรงเรียนมาก หนำซ้ำเธอแทบจะไม่เคยต้องทนทุกข์กับเรื่องใด ๆ เลย

แต่ทว่าตอนนี้ เย่เฉิน เด็กบ้านนอกบ้านจน ๆ กลับพูดแบบนั้นกับเธอ แล้วยังบอกอีกว่าเธอไปรบกวนเขา เธอผู้สึกเหมือนจะอกแตกตายให้ได้เลย

"นาย นาย"

เธอชี้ไปที่จมูกของเย่เฉินเป็นเวลานาน แต่ก็ไม่รู้จะว่าอะไร ได้แต่กระทืบเท้าแล้วเดินกลับไปทางเสี่ยวเหวินเยว่

“อืม เยว่เยว่ เธอพูดไว้ไม่มีผิด ไอ้หมอนั้นเป็นแค่ไอ้เชยบ้านนอกคนหนึ่ง ฉันบอกจะแนะนำงานให้เขา ก็แกล้งเป็นไม่รับน้ำใจ แล้วยังบอกว่าฉันไปรบกวนอีก ทำฉันโมโหจะตายแล้วเนี่ย!"

แก้มทั้งสองของหลี่จิงจิงพองขึ้น ความโกรธก็ไม่หายไหน

เสี่ยวเหวินเยว่ตบไหล่เธอเบา ๆ แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรแต่เธอก็รู้สึกเกลียดเย่เฉินมากขึ้นไปอีก

ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากคนอื่น หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี ถ้าถือมันขึ้นมาเมื่อไหร่หล่ะก็ กินข้าวไม่ได้หรอกนะ แก้ปัญหาเรื่องที่กินที่พักยังไม่ได้ ริอาจทำตัวโอหัง ทำตัวเย่อหยิ่ง ทะนงตน นั่นมันเป็นคนโง่ซะสิ้นดี ในสายตาของคนอื่น การดื้อดึงที่จะหยิ่งแบบนี้มันดูถูกแสนถูก ไม่มีใครเห็นค่ามันหรอก

“ไร้้ประโยชน์ ขาดความกระตือรือร้น คนแบบนี้ ในอานาคตก็เป็นได้แค่แมลงในสังคมเท่านั้นแหละ โชคดีที่แม่ยังนึกถึงเขาอยู่”

เธอลอบส่ายหัวเบา ๆ ความรู้สึกดี ๆ สุดท้ายที่เธอมีต่อเย่เฉินก็หายไปเช่นกัน

เยว่เฉินต่างดื่มชาของตัวเอง ไม่สนใจสาวน้อยตัวเล็ก ๆ อย่างหลี่จิงจิงเลย ผ่านมาสิบนาที ผู้ชายสองคนอายุสิบเจ็ดสิบแปดปรากฏตัว เดินเคียงกันเข้ามาจากหน้าประตูคาเฟ่

หนึ่งในนั้นสวมสูทจาก อาร์มานี เขาสูงเกือบ 190 เซนติเมตร ดูสูงและแข็งแรง ส่วนอีกคนสวมสูทสีขาว ใบหน้าหล่อเหลา เซตผมอย่างพิถีพิถันราวกับเจ้าชายผู้มีเสน่ห์ในเทพนิยาย

เมื่อทั้งสองหันไปเห็นเสี่ยวเหวินเยว่และหลี่จิงจิง จึงเดินตรงไปที่โต๊ะตัวนั้น

“ที่รัก คุณมาแล้วหรอ!”

หลี่จิงจิงมองที่หนุ่มอาร์มานีนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ก็พลันตื่นเต้น เขาโอบไหล่แล้วนั่งข้าง ๆ เธอ

หนุ่มสูทขาวนั่งลงข้าง เสี่ยวเหวินเยว่อย่างใจกว้าง

“ขอโทษนะเยวาเยว่ที่ฉันมาสาย!”

ชายหนุ่มในสูทขาวพูดกับเสี่ยวเหวินเยว่ด้วยใบหน้าขอโทษ

“ไม่เป็นไร เราก็เพิ่งมาถึงไม่นานนะ!”

เสี่ยวเหวินเยว่ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

ชื่อของชายหนุ่มชุดขาวคือ หวังซวน เขาเป็นประธานนักเรียนและเป็นหัวหน้าชมรม แล้วยังเป็นคุณชายของตระกูลบริษัทวัสดุก่อสร้างที่มีชื่อเสียงในเมืองนี้อีก พูดได้ว่าเป็นนายน้อยที่ร่ำรวย ความสามารถรอบด้าน เขาเป็นเพทบุตรที่โรงเรียน มีเด็กสาวมากมายที่แอบชอบเขา

แต่หวังซวนมีสายตาดีสุด ๆ ตอนที่เจอกับเสี่ยวเหวินเยว่ครั้งแรก เขาก็ตะลึง ตกหลุมรักหมดใจ เขามักจะปรากฏตัวใกล้ ๆ กับเสี่ยวเหวินเยว่ในฐานะผู้พิทักษ์หญิงงามอยู่เสมอ

แม้ว่าเสี่ยวเหวินเยว่จะไม่ได้ชอบหวังซวนมากนัก แต่เธอก็ยังมีความรู้สึกดี ๆ ให้เขา เธอยอมให้เขาอยู่ใกล้ในฐานะเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ความสัมพันธ์เลยอยู่ในขั้นคลุมเครือ

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่สุภาพเรียบร้อยของหวังซวน ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเเย่เฉินที่อยู่ไม่ไกล เธอถึงกับถอนหายใจ ระหว่างสองคนนี้มันแทบไม่มีอะไรเปรียบเทียบกันได้เลย

หนุ่มอาร์มานีคือแฟนของหลี่จิงจิง ชื่อว่า ซวีฮ่าย เขาเป็นกัปตันทีมบาบสของโรงเรียน

“จิงจิง เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?เธอดูไม่ค่อยมีความสุขเลย! ”

ซวีฮ่ายเห็นหลี่จิงจิงทำหน้าบึ้งแปลก ๆ

“ฮึ เป็นเพราะไอ้บ้านนอกคนหนึ่งมันยั่วยุให้เยว่เยว่อารมณ์ไม่ดีก่อน แล้วตอนนี้ฉันก็ทำอารมณ์ไม่ดีด้วยเหมือนกัน! ”

หลังจากที่หลี่จิงจิงพูดจบ เธอก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยการใส่ไฟไปแบบธรรมชาติ ทำให้เย่เฉินดูน่ารังเกียจมาก

"อ่อ? ในเมื่อรู้จักกันอยู่แล้ว ฉันไปเรียกเขามานั่งด้วยกันดีกว่า!"

ซวีฮ่ายได้ยินแบบนั้นก็กระตุกยิ้มอย่างมุ่งร้าย

เขาลุกไปหาเยว่เฉิน ตอนนั้นเสี่ยวเหวินเยว่ก็รูู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา

ซวีฮ่ายเป็นหัวโจกที่โรงเรียนคนหนึ่ง ครั้งหนึ่งมีคนมาหาเรื่องเขา เขาพาไปทุบตีนอกโรงเรียน ทำลายมือมองฝ่ายตรงข้าม แต่ครอบครัวของฝั่นนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรเลย สุดท้ายก็ต้องย้ายโรงเรียนอย่างสิ้นหวัง

เย่เฉินเป็นเพียงเด็กชาวไร่คนหนึ่งที่มาจากชวนซี เพื่อเพื่อมาอยู่กับแม่ของเธอที่นี่ หากเขาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับซวีฮ่าย คิดถึงสิ่งที่จะตามมาได้เลย

“พวก ได้ยินว่านายกับเสี่ยวเหวินเยว่รู้จักกันหรอ? ถ้างั้นไปนั่งด้วยกันสิ เราจะได้ทำความรู้จักกันเยอะ ๆ เลยไง!”

ตอนที่เสี่ยวเหวินเยว่กังวลอยู่ ซวี่ฮายก็ยืนพูดด้วยรอบยิ้มอยู่ข้างหน้าเย่เฉินแล้ว

เขาเก่งในการซ่อนใบมีดไว้ภายใต้รอยยิ้มที่สุด แสดงออกด้วยรอยยิ้มแต่กลับคิดวิธีการจัดการไว้แล้ว

เขาแค่ถามเกี่ยวกับเป้าหมายต่อไปอย่างเยว่เฉิน ก็จะสามารถแก้แค้นเยว่เฉินได้

เย่เฉินวางถ้วนกาแฟลง มองไปด้านข้างเพียงแค่แวบเดียว แล้วก้มศรีษะลงพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแสว่า

“ไม่หล่ะ ฉันไม่คุ้นกับเธอเลย!”

“ส่วนนาย ฉันไม่ได้อยากจะรู้จัก!”

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1740