บทที่ 5 คนชนบท

by อาซาน 08:01,Jun 26,2023
“นายน้อยเฉิน ผมขอโทษ!”

การคำนับของอู๋กว่างฟู่นี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างตกตะลึงด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว

นี่คืออู๋กว่างฟู่ชายผู้ร่ำรวยที่สุดในเมืองลู่เฉิง ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วทุกที่!

แม้ว่าผู้นำระดับสูงในเมืองนี้มาเผชิญหน้ากับเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะก้มหัวให้เล็กน้อย แต่ในขณะนี้ เขาโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้กับชายหนุ่มที่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปี ที่แต่งกายด้วยชุดลำลอง แม้กระทั่งยังขอโทษขอโพยเขา?

หากเรื่องนี้หลุดออกไป จะต้องเป็นข่าวใหญ่ที่สร้างความฮือฮาให้กับเมืองลู่เฉิงอย่างแน่นอน

คนอื่นอาจแค่ตกใจ แต่คนที่คุยกับเย่เฉินในก่อนหน้านี้อย่างพนักงานแผนกต้อนรับกับลั่วฉีที่ด้านหลังอู๋กว่างฟู่ ในขณะนี้ใช้แค่ความตื่นกลัวมาบรรยายได้เท่านั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งลั่วฉี เธอได้เยาะเย้ยเย่เฉินมากที่สุด และเธอยังเป็นคนเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาไล่เย่เฉินออกไป แต่ตอนนี้ แม้แต่ผู้หนุนหลังรายใหญ่ที่สุดของเธอยังต้องก้มศีรษะต่อหน้าเย่เฉิน สิ่งนี้จะไม่ทำให้เธอกลัวได้หรือ

เย่เฉินมองไปที่อู๋กว่างฟู่ สายตาที่เฉยเมยเผยรอยยิ้มเล็กน้อย

"เฉินเฟิงกรุ๊ป คุณจัดการได้ไม่เลว!"

เขายกย่องอู๋กว่างฟู่อย่างจริงใจ เขาไม่คาดคิดว่าในเวลาเพียงห้าปี อู๋กว่างฟู่จะสามารถพลิกฟื้นกลับมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากทรัพยากรของเขา ไม่ใช่แค่ก่อตั้งเฉินเฟิงกรุ๊ป ยังได้พัฒนาเฉินเฟิงกรุ๊ปไปจนถึงระดับดังกล่าว

แต่อู๋กว่างฟู่ที่ฟังเขาพูด กลับมีเหงื่อไหลออกมา เขาคิดว่าเย่เฉินกำลังพูดแดกดันประชดเขา

แม้ว่าบริษัทนี้ จะก่อตั้งโดยเขาคนเดียว แต่เย่เฉินเป็นผู้ให้เงินทุนทั้งหมดในการก่อตั้ง อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีเย่เฉินก็จะไม่มีเฉินเฟิงกรุ๊ป เขาเพียงทำงานให้เย่เฉิน เย่เฉินเป็นประธานกรรมการตัวจริงของบริษัทนี้ต่างหาก

แต่ตอนนี้ประธานกรรมการมาที่บริษัทเป็นครั้งแรกแต่ถูกพนักงานหลายคนขวางเอาไว้ อีกทั้งยังเกือบถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทไล่ออกไป นี่เป็นการตบหน้าเขาชัดๆ

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน เขาหันไปที่พนักงานข้างๆ ทันที ตะโกนด้วยความโกรธ

"คนที่ทำให้นายน้อยเฉินไม่พอใจในเมื่อครู่นี้ เดินออกมาให้หมด มาคำนับขอโทษนายน้อยเฉินซะ จากนั้นไปที่แผนกการเงินรับเงินเดือนของเดือนนี้แล้วออกจากบริษัททันที!"

เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋กว่างฟู่ ทั้งแผนกต้อนรับ ผู้จัดการลั่วฉี และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ผู้ที่เคยบาดหมางเย่เฉินมาก่อน ต่างมีสีหน้าซีดลงทันที

นี่ไม่ได้หมายความว่าให้พวกเขาเก็บข้าวของแล้วออกไปหรือ?

เฉินเฟิงกรุ๊ปเป็นบริษัทสิบอันดับแรกของเมือง ไม่ว่าจะในด้านค่าจ้างและผลประโยชน์ก็จัดอยู่อันดับแรกๆ สวัสดิการดีเยี่ยม หากคุณสามารถเข้าร่วมได้ เงินเดือนขั้นต่ำที่รับประกันจะเริ่มต้นที่มากกว่าหนึ่งหมื่นหยวนต่อเดือน สามารถพูดว่าเป็นที่ทำงานที่ดีที่สุด

คนเหล่านี้หลายคนเป็นพนักงานเก่าที่ทำงานให้กับเฉินเฟิงกรุ๊ปมาหลายปี แต่ตอนนี้อู๋กว่างฟู่กำลังจะไล่พวกเขาทั้งหมดออกเพราะเย่เฉิน?

ทุกคนต่างตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่รู้ต้องทำเช่นไร เท้าเหมือนถูกตรวนล่ามไม่สามารถขยับได้แม้แต่เล็กน้อย ลั่วฉีผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด ในขณะนี้ก็เงียบสนิท

อู๋กว่างฟู่กำลังจะอาละวาดอีกครั้ง เย่เฉินก้าวเข้ามา โบกมือให้เขา

เขาชำเลืองมองไปที่พนักงานต้อนรับเสี่ยวซวี่ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เสี่ยวซวี่ตกตะลึงอยู่กับที่ และยังไม่ทันตอบสนองกับเรื่องพลิกแพลงครั้งใหญ่นี้

เย่เฉินละสายตาออก แล้วมองไปที่ลั่วฉีที่มีสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ

"เมื่อกี้ ผมบอกว่า ผมไม่เพียงแต่สามารถวิพากษ์วิจารณ์คุณได้ แต่ยังไล่คุณออกด้วย คุณบอกว่าผมไม่มีคุณสมบัติ ยังบอกว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี"

"แล้วตอนนี้ คุณเชื่อหรือยัง"

ร่างบางของลั่วฉีดอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา เธอมองไปที่อู๋กว่างฟู่ราวกับขอความช่วยเหลือ อู๋กว่างฟู่ซึ่งปกติแล้วมักจะตอบรับทุกคำขอของเธอ ในขณะนี้กลับไม่แยแส ไม่สนใจเธอเลย

"นายน้อยเฉิน เมื่อครู่ดิฉันแค่…"

เธอหมดหวังอย่างสมบูรณ์ กำลังจะอธิบาย แต่เย่เฉินโบกมือให้หยุด

"อย่ากังวลไป ผมคิดว่าคุณมีความสัมพันธ์กับอู๋กว่างฟู่เล็กน้อย จะไม่ไล่คุณออก!"

ลั่วฉีได้ยินเช่นนี้ รู้สึกดีอกดีใจ ดูเหมือนว่าเย่เฉินยังคงต้องให้เกรียติอู๋กว่างฟู่อยู่บ้าง

แต่คำพูดหลังจากนี้ของเย่เฉิน ทำให้เธอรู้สึกชาไปทั้งตัว

“แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะไม่ใช่ผู้จัดการอะไรอีกต่อไป ถ้าคุณอยากอยู่ในบริษัทต่อ ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้ แล้วเริ่มจากงานพนักงานต้อนรับ!”

“แต่ถ้าหากคุณไม่อยากทำ ก็เก็บข้าวของของคุณทันที แล้วไสหัวไปจากที่นี่ซะ!"

ลั่วฉีราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง เธอเคยชินกับการมีอำนาจเหนือกลุ่ม เธอมองว่าตัวเองเป็นคนที่ประสบความสำเร็จมานานแล้ว ชอบตวาดสั่งการใส่คนอื่น แต่ตอนนี้ เธอกำลังจะกลับไปที่ตำแหน่งล่างสุดอีกครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเหตุการณ์นี้ ใสอนาคตเธอจะไม่เป็นที่โปรดปรานของอู๋กว่างฟู่ อู๋กว่างฟู่อาจไม่แม้แต่จะมองมาที่เธอ เธอจะเป็นพนักงานต้อนรับ นั่นไม่ใช่ต้องทำไปตลอดชีวิตที่เหลือของเธอหรอกหรือ?

ไม่ว่าเธอจะไม่เต็มใจแค่ไหน เธอก็ทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ ท้ายที่สุด ในฐานะพนักงานต้อนรับในเฉินเฟิงกรุ๊ป สวัสดิการจะไม่เลวร้ายไปกว่าพนักงานปกขาวในบริษัทอื่น

หลังจากที่เย่เฉินพูดจบ เขาไม่ได้มองเธอด้วยซ้ำ แต่หันไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกเขาทำร้าย

“ส่วนพวกคุณ ออกค่ารักษาพยาบาลเอง ผมจะถือว่าเรื่องในวันนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น มีข้อคิดเห็นอะไรไหม”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหล่านี้กล้าที่จะพูดเรื่องไร้สาระใดๆ ที่ไหนกัน ตราบใดที่พวกเขายังไม่ถูกไล่ออก พวกเขาก็รู้สึกขอบคุณมากแล้ว ไปโรงพยาบาลจ่ายค่ารักษานิดๆ หน่อยๆ มันจะหนักหนาแค่ไหนเชียว? เมื่อเห็นว่าอู๋กว่างฟู่มีความเคารพต่อเย่เฉินมากเพียงใด ใครละจะกล้าขอให้เย่เฉินจ่ายค่ารักษาให้อีก

สุดท้าย สายตาของเย่เฉินก็จับจ้องไปที่พนักงานต้อนรับเสี่ยวซวี่

"ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะเข้ารับตำแหน่งของเธอแทน เฉินเฟิงกรุ๊ปต้องการพนักงานเช่นคุณ!"

แน่นอนว่าเย่เฉินหมายถึงลั่วฉี

เสี่ยวซวี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความปีติยินดี เธอเกือบถูกขนมที่ตกลงมาจากฟ้าชิ้นใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้ากระแทกใส่จนหมดสติ (อุปมาว่า ได้สิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องออกแรง)

เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะถูกย้ายไปดูแลโกดัง แต่ด้วยคำพูดของเย่เฉินคำเดียว ทำให้เธอก้าวกระโดดขึ้นไปหลายระดับ กลายเป็นผู้จัดการแผนก

เธอทำคำนับขอบคุณเย่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า ดวงตาของเธอหรี่ลงแทบเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวแล้ว

"เอาล่ะ ตกลงตามนี้ เราขึ้นไปคุยกัน!"

เย่เฉินหันหน้าไปทางอู๋กว่างฟู่ เดินนำไปที่ลิฟต์ก่อน

อู๋กว่างฟู่หันศีรษะไปมองผู้คนที่กำลังตกตะลึง ทันใดนั้นก็ประกาศเสียงดังขึ้น

"พวกคุณทุกคนจำไว้ด้วยว่า นายน้อยเฉินเป็นประธานกรรมการของเฉินเฟิงกรุ๊ปของเรา และคำว่า 'เฉิน' บนเฉินเฟิงกรุ๊ปนั้น ก็ตั้งมาจากชื่อของเขา!"

"จากนี้ไป หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้อีก ไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือตำแหน่งอะไร ก็เก็บข้าวของแล้วไสหัวไปซะ!”

อู๋กว่างฟู่เป็นคนที่สร้างชื่อเสียงผ่านยุทธภพ และคำพูดของเขามีความรู้สึกเชิงอันธพาล ไม่มีใครกล้ามีข้อสงสัยในคำพูดของเขา

นอกจากความหวาดกลัวแล้ว ทุกคนรู้สึกสยองขวัญยิ่งกว่า

ชายหนุ่มในชุดลำลองอายุไม่ถึงยี่สิบปีคือประธานกรรมการลึกลับของบริษัทพวกเขาจริงหรือ?

ที่ชั้นบนสุดของเฉินเฟิงกรุ๊ป เย่เฉินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของอู๋กว่างฟู่ อู๋กว่างฟู่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆ ด้วยสีหน้าที่มีความสุข

"นายน้อยเฉิน ห้าปีแล้ว และในที่สุดคุณก็มาแล้ว!"

จนถึงทุกวันนี้ อู๋กว่างฟู่ไม่เคยกลัวใคร และไม่เคยชื่นชมใครเลย แต่สำหรับเย่เฉิน เขาเคารพจากก้นบึ้งหัวใจของเขา

ย้อนกลับไปในตอนนั้น เขานำคนหลายสิบคนเที่ยวเร่ร่อนไปทำมาหากินที่เมืองลู่เฉิง แต่เพราะเขาแพ้ให้กับคู่ต่อสู้ ถูกบีบบังคับให้ออกจากแต่เมืองลู่เฉิง ด้วยท้อแท้และหมดศักดิ์ศรี และเกือบตายในต่างถิ่น

เย่เฉินคือผู้ที่ปรากฏตัวช่วยชีวิตเขา ทั้งยังมอบเงินจำนวนมหาศาลให้กับเขา ดังนั้นเขาจึงสามารถกลับไปที่เมืองลู่เฉิงพลิกฟื้นกลับมาได้ ชนะคู่ต่อสู้ได้ทั้งหมด กลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองลู่เฉิง และยังก่อตั้งเฉินเฟิงกรุ๊ป ก้าวกระโดดเป็นนักธุรกิจที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน

ตอนนี้เขามีชื่อเสียงอย่างมาก แต่ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเย่เฉินเป็นผู้มอบให้ เขายังไม่ลืมจุดนี้แม้แต่ครึ่งหนึ่ง คนในยุทธภพ ให้ความสำคัญของคำว่าความชอบธรรม ดังนั้นหลังจากก่อตั้งเฉินเฟิงกรุ๊ป เขาก็เป็นเพียงท่านประธาน ส่วนตำแหน่งประธานกรรมการนี้ เป็นเพียงแค่ตัวแทนชั่วคราวเท่านั้น

"ผมไม่เคยคาดฝันเลยว่า ภายในเวลาสั้นๆเพียงห้าปี คุณจะพัฒนาได้ถึงระดับนี้!"

"ผมมองคนไม่ผิดจริงๆ!"

เย่เฉินจิบชาร้อนเบาๆ ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เฉียบคม และคิ้วของเขาก็เผยด้วยความสุขุม

“ผมบอกคุณเมื่อห้าปีที่แล้วว่า ในเมื่อคุณตัดสินใจทำงานให้ผม คุณต้องเตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับทุกสิ่ง สิ่งที่ผมเย่เฉินกำลังจะทำนั้นเหนือจินตนาการของคุณมาก!”

เขาดื่มชาจนหมดถ้วย แล้วลุกขึ้น

“เรื่องของบริษัท คุณมีอำนาจเต็มที่ในการดูแล ภายในหนึ่งสัปดาห์ คุณต้องระดมทรัพยากรทั้งหมดเพื่อช่วยผมหาที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัด เหมาะสำหรับการเพาะปลูก!”

“หลังจากคุณหาได้แล้ว ให้แจ้งผมทันที เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด คุณต้องทำให้ดีที่สุด อย่าให้กระทบกับแผนของผม!"

อู๋กว่างฟู่รู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขา น่ากลัวขนาดไหน ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าทันที จดจำเรื่องนี้ไว้ในใจของเขา

"จริงสิ ช่วยผมตามหาผู้หญิงที่ชื่อกู้ม่งเหยา เธอเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสามในโรงเรียนลู่เฉิงซานจง เช็คดูว่าเธออยู่ห้องไหน แล้วช่วยให้ผมเข้าไปเรียนในชั้นเรียนของเธอด้วยสถานะนักเรียนใหม่!”

แววตาของเย่เฉินมีความเศร้าและรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย อู๋กว่างฟู่ดูตกใจ เย่เฉินประธานกรรมการบริษัทที่มีทรัพย์สินหลายหมื่นล้าน ต้องการจะไปเป็นนักเรียนมัธยมปลายปีสามในโรงเรียนงั้นหรือ?

แม้ว่าเขาจะสงสัย แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรอีก และรีบหาคนไปจัดการ

อาคารเทียนอวี่ ห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองลู่เฉิง ศูนย์รวมเสื้อผ้า ความบันเทิง อาหารเครื่องดื่ม และฟิตเนส มันคือสวรรค์สำหรับหนุ่มสาวในการมาช้อปปิ้ง

ในร้านกาแฟบนชั้นสามของอาคารเทียนอวี่ สาวน้อยที่สดใสเสี่ยวเหวินเยว่กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาวที่สวมชุดแบรนด์เนมทั้งตัว

“วันนี้ฉันกลัวแทบตาย จู่ๆ ก็มีขอทานมาที่บ้าน แม่ยังให้เขาไปอาบน้ำที่บ้าน น่าขยะแขยงมาก!”

เซียวเหวินเยว่ทำสีหน้าด้วยความรังเกียจ สะบัดมือไปมา

หญิงสาวข้างๆ เธอที่มีใบหน้าขาวสวย หุ่นที่น่าประทับใจ พูดด้วยความประหลาดใจ: "อะไรนะ แม่ของเธอใจดีถึงขนาดปล่อยให้ขอทานไปอาบน้ำที่บ้านเธอเลยเหรอ"

"มันก็ไม่ใช่!" เซียวเหวินเยว่อธิบายว่า "ไอ้หมอนั่น ดูเหมือนจะเคยช่วยแม่ของฉันครั้งหนึ่งในกั้นซี ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะหมดหนทาง เขาก็มาของพึ่งครอบครัวเรา แม่ของฉันก็นะ ให้เงินเขาก็พอแล้ว แต่ยังให้เขามาพักอยู่ที่บ้านเรา ฉันแทบจะบ้าแล้ว!"

" ฮ่าฮ่า!" เด็กหญิงหน้าเด็กหัวเราะเสียงดัง "ถ้าให้หวังเซวียนและคนอื่นๆ รู้ว่ามีคนบ้านนอกมาพักที่บ้านเธอ ฉันเกรงว่าพวกเขาคงแทบบ้าไปแล้วแน่!"

รอบยิ้มบนใบหน้าของเธอ เธอยังถามต่อว่า: "ยังไงต่อ ไอ้บ้านนอกคงจะไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านของเธอจริงๆ หรอกนะ?"

เซียวเหวินเยว่ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้: "ใครจะไปรู้ละ ฉันบอกเขาว่าเขาพักอยู่ที่บ้านไม่สะดวก ให้เขาไปเช่าอยู่ข้างนอก ฉันจะหาคนช่วยจัดการหางานให้เขา ก็ไม่รู้ว่าเขาฟังเข้าไปหรือเปล่า แค่ฝากซองเอกสารแล้วออกจากบ้านไป!”

“ฮ่า เดี๋ยวเธอกลับบ้าน เขากลับมาอีก เธอจะไม่อัดอั้นใจตายหรอกเหรอ?”

เด็กสาวหน้าเด็กทีสีหน้าเกิดความดีอกดีใจที่คนอื่นเกิดความโชคร้าย พูดติดตลกกับเสี่ยวเหวินเยว่

“เฮ้อ หยุดพูดได้แล้ว ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้ว!”

เซียวเหวินเยว่คนกาแฟต่อหน้าเธอ ด้วยใบหน้าอมทุกข์เป็นกังวล เธอกังวลจริงๆ ว่าเย่เฉินจะกลับมา

เด็กสาวหน้าเด็กกำลังจะแกล้งเธอต่ออีกสองสามคำ จู่ๆ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นหน้าร้านกาแฟ

เซียวเหวินเยว่หันศีรษะของเธอโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

นี่ไม่ใช่คนบ้านนอกที่เธอพูดถึง เย่เฉินหรอกหรือ?

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1740