บทที่ 18 ปัญหาที่ยุ่งยาก
by อาช้าย
09:17,Mar 19,2022
หลังจากที่ได้ยินเสียงคนขับรถม้าดังมาจากที่ไกล ๆ นั้น แส้ก็ยังคงถูกฟาดออกมาไม่หยุดไม่หย่อน รถม้าเสมือนกับเสือที่กำลังวิ่งเข้ามากลืนกินคนก็ไม่ปาน ผู้คนที่อยู่รอบด้านจึงได้แต่วิ่งหนีหายไปหมด
ทหารยามที่คอยดูแลรถม้าทั้งสองข้างทางนั้น ก็หยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก พวกเขาพลันใช้แต่หางตามองดูผู้คนเท่านั้น
ทั้งยโสโอหัง! ทั้งเลวร้ายยิ่งนัก!
เป็นการกลับชาติมาเกิดใหม่ที่ท้าทายยิ่ง
แม้จะเป็นสตรีเช่นเดียวกัน แต่เหตุใดสตรีบ้านอื่นถึงมีชีวิตที่ดูดียิ่งนัก
เมื่อกลับมามองดูชีวิตของตนเองแล้ว เหตุใดถึงได้ดูอดสูถึงเพียงนี้
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินมองเห็นมาแต่ไกล ๆ นั้น ก็ได้ยืนส่ายหัวไปมา มารออีกฟากหนึ่งอย่างเชื่อฟังในทันที
ในแคว้นนี้ อย่างไรก็ไม่อาจะขาดลูกหลานที่ทำตัวหยิ่งยโสโอหังเช่นนี้ไปได้ พวกเขาล้วนแต่คิดไปเองว่า ตนเองเป็นปู ที่มีอำนาจบารมีของพ่อแม่คอยคุ้มครองอยู่ ถึงได้ปฏิบัติต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์เสมือนฟาง ที่ต้องถูกเหยียบย่ำเช่นนี้
อย่าได้โทษที่นางเอ่ยถึงปัญหาชีวิตของมนุษย์อยู่เสมอเลย ในฐานะที่นางเป็นหมอ นี่เป็นความคุ้นชินที่เกิดจากการทำงานของนางเอง
ในความคิดของนางนั้น สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือชีวิตของมนุษย์ แต่ในชีวิตนี้ นางล้วนแต่พบเจอแต่กับ ผู้คนที่ไม่ค่อยนึกเห็นใจกับชีวิตพวกเขามากเท่าใดนัก
รถม้าค่อย ๆ แล่นผ่านเฟิ่งชิงเฉินไป เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจมองไปยังคนที่อยู่ในรถม้าไม่ แต่คนด้านในรถม้าสามารถมองเห็นนาง
"หยุดรถ หยุดรถ" พลันเสียงร้องโวยวายของสตรีดังออกมาจากด้านในรถม้า แม้ว่าคนขับจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะคิดดูหมิ่นเจ้านายของตน เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ขึ้นมา พวกเขาก็ดึงบังเหียนม้าให้หยุดในทันที
เสียงดังเอี๊ยด ม้าทุกตัวพลันส่งเสียงร้องออกมาในทันที กีบเท้าด้านหน้าของพวกมัน พลันถูกยกสูงขึ้นชี้ไปในอากาศ ราวกับว่า กำลังจะทำให้รถม้าคว่ำลง
โชคดีที่ ทั้งคนขับและม้าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เมื่อคนขับรถม้าใช้แรงดึงเชือกนั้น ม้าก็พลันสงบลงและหยุดลงด้วยความปลอดภัย
ทหารยามพลันเดินเข้ามาล้อมรถม้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใกล้ได้ พร้อมกับทุกคนที่อยู่สองข้างถนนนั่งคุกเข่าลงในทันที
"เข้าเฝ้าองค์หญิง ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"
ผู้คนในถนนทั้งสาย มีเพียงทหารยามและเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ยืนอยู่ เป็นจุดเด่นพิเศษ
ไม่มีทางเลือก นางไม่เคยคุกเข่าลงทันทีเมื่อเห็นเหล่าราชวงศ์
ดวงตาพลันกวาดตามองไปยังผู้คนที่อยู่ทั้งสองข้าง พลันพบว่า เหลือเพียงนางผู้เดียวที่ยืนอยู่ เฟิ่งชิงเฉินจึงเกิดอาการลังเลเล็กน้อย ยามที่กำลังจะนั่งคุกเข่าลงนั้น
ในขณะเดียวกัน ก็พลันเห็นเด็กสาวในชุดอาภรณ์สีน้ำเงินกระโดดลงมาจากรถม้า พร้อมกับก้าวเดินมาหาเฟิ่ง ชิงเฉินในทันที
เด็กสาวผู้นี้ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก การเคลื่อนไหวของนางในแต่ละครั้ง เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในทุกๆ ย่างก้าว ในมือของนางพลันปรากฏให้เห็นถึงแส้สีทอง ทำให้ทั่วร่างของเด็กสาวผู้นี้แผ่ให้เห็นถึงรังสีที่ดุร้ายออกมา
ผัวะ!
แส้ที่ถูกเหวี่ยงมากระแทกพื้น ทำให้เกิดรอยสีขาวลึกบนพื้นดินในทันที
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินได้เห็นท่าทางเช่นนี้ ก็พลันรับรู้ได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายกำลังมุ่งเป้ามาที่นาง
เนื่องจากว่าเด็กสาวผู้นี้ เป็นน้องสาวร่วมแม่ของตงหลิงจื่อลั่ว องค์หญิงอันผิง
เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ ทั้งกิริยาวาจาที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและไร้มารยาท
เมื่อองค์หญิงอันผิงเห็นการแสดงออกที่นิ่งสงบของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ร่องรอยของความไม่พอใจ ก็พลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาวในทันที พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า " เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเห็นเปิ่งกงจู่แล้วยังไม่คิดคุกเข่าทำความเคารพอีกหรือ "
คุกเข่า?
เฟิ่งชิงเฉินพลันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็รู้แจ้งได้ในทันใด
เมื่อเห็นราชวงศ์ควรที่จะนั่งคุกเข่าลงจริง ๆ ในเมื่อนางต้องอาศัยอยู่ในโลกนี้ ก็ย่อมต้องเชื่อฟังกฎของโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม เข่าของนางหาได้มีค่าเท่าทองคำไม่ นางสามารถคุกเข่าลงได้
หาได้มีความกดดันทางใดไม่ เฟิ่งชิงเฉินพลันค่อยๆ คุกเข่าลงแต่โดยดี
"ชิงเฉินขอเข้าเฝ้าองค์หญิง ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเพคะ"
คุกเข่า การคุกเข่าเป็นการคุกเข่าลงทั้งสองข้าง หาใช่ด้วยหัวใจไม่ เฟิ่งชิงเฉินจึงนั่งคุกเข่าลงได้อย่างง่ายดาย โดยมิได้รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมองไปเห็นเฟิ่งชิงเฉินที่คุกเข่าลงต่อหน้านางนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง องค์หญิงกลับรู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินนั้น หาได้แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนและเคารพในตัวขององค์หญิงเช่นนางไม่
นางจำได้ว่า ในคราก่อน หากเฟิ่งชิงเฉินเห็นนางเมื่อใด มักจะตกใจสะดุ้ง ยั งมิทันจะได้เปิดปากอันใด แววตาของนางก็เจือไปด้วยความแดงก่ำแล้ว พร้อมกับนั่งคุกเข่าลงแทบเท้าของนางด้วยอาการสั่นเทา แต่ในวันนี้ เฟิ่งชิงเฉินดูผิดปกติยิ่งนัก
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้า" องค์หญิงอันผิงร้องเรียก แต่นางก็มิรู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
คำพูดที่คิดจะดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินในอดีต นางไม่สามารถเอ่ยออกมาได้เลยในยามนี้
"ชิงเฉินอยู่เพคะ" เฟิ่งชิงเฉินตอบออกมาด้วยความเฉยเมย สายตาพลันมองไปที่อื่นที่ไม่รู้จัก
เห็นได้ชัดว่า การที่เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่ที่แทบเท้าของนาง นั้น แต่มิได้มีนางอยู่ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย องค์หญิงอันผิงกัดฟันด้วยความโกรธ แส้ภายในมือพยายามที่จะเหวี่ยงออกไปทางเฟิงชิงเฉิน
ทว่า ยามที่แส้ถูกยกขึ้นนั้น เสียงของเฟิ่งชิงเฉิน พลันกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า "องค์หญิงเพคะ ผู้คนมากมายอยู่รายล้อมเช่นนี้ หากพระองค์เหวี่ยงแส้ออกมาในที่สาธารณะ จะทำให้ท่านดูเสียมารยาทนะเพคะ"
เฟิ่งชิงเฉินพลันกล่าวออกมาอย่างลอย ๆ หาได้คิดว่ามันจะได้ผลหรือไม่
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกได้ว่า วันนี้นางจักต้องถูกแส้ตีอย่างแน่นอน
หากแต่ หาใช่ว่านางไม่ต้องการจักต่อต้านไม่ ทว่า เมื่อเห็นทหารรักษาพระองค์ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าหญิงอันผิง เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดสินใจว่า จะไม่พาตนเองไปตกที่น่าลำบากอีก
ให้นางถูกองค์หญิงอันผิงเฆี่ยนตี ยังจะดีกว่า ให้ไปสู้กับทหารรักษาพระองค์พวกนั้น
ชื่อเสียงของนาง แม้ว่าจะตกต่ำ แต่นางก็ไม่อาจทำให้มันถูกทำลายไปมากกว่านี้ได้อีก!
หากแต่ ไม่คิดว่า คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ กลับทำให้องค์หญิงอันผิงเกิดความลังเลใจได้
ดูเหมือนว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า องค์รัชทายาทซีหลิง ซีหลิงเทียนเหล่ย จะเดินทางมาที่ตงหลิง เพื่อคัดเลือกนางสนม
ว่ากันว่าซีหลิงเทียนเหล่ยมีวิสัยทัศน์ที่สูงมาก เนื่องจากว่าที่ซีหลิง ไม่มีสนมที่ทำให้เขารู้สึกพอใจได้ ดังนั้น ๆเขาจึงได้เดินทางไปที่แคว้นต่าง ๆ เพื่อทำการเฟ้นหาสาวงาม
หลังจากไปมาหลายแว่นแคว้น เขาก็ไม่พบกับสตรีที่เขาชมชอบ อย่างไร นางก็ไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของตนเองในยามนี้ได้
หากนางถูกซีหลิงเทียนเหล่ยเลือกแล้ว นั่นไม่ได้หมายความว่า นางเป็นสตรีที่ดีที่สุดในแว่นแคว้นหรือ!
องค์หญิงอันผิงพลันเบิกตากว้าง หากนางไม่สามารถกระทำต่อหน้าราษฏรจำนวนมากได้ เช่นนั้น นางก็จักเปลี่ยนสถานที่จัดการเสีย!
หึ แม้ว่าพี่จื่อลั่ว จะบอกว่าห้ามนางฆ่าเฟิ่งชิงเฉิน ทว่า หากไปถึงในพระราชวังแล้ว นางจะสามารถเล่นอย่างไรก็ได้ เพียงแค่ไม่เล่นจนนางตายก็พอ เช่นนี้ ก็จะไม่ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของพี่ชายจื่อลั่วด้วยเช่นกัน
องค์หญิงอันผิงจ้องมองไปยังเฟิ่งชิงเฉิน พร้อมทั้งสะบยัดแส้ออกมาอย่างไม่พอใจ พร้อมทั้งยื่นเท้าเตะไปทางเฟิ่งชิงเฉิน:
"เฟิ่งชิงเฉิน ในวันที่เดือนสามเทศกาลดอกท้อ เปิ่กงจู่จะจัดงานเลี้ยงเพื่อชมบุปผา จำไว้ ว่าเจ้าจะต้องไปอยู่ที่นั่น"
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินนั้น นางก็เป็นเหมือนเต่าที่หัวหดอยุ่แต่ในกระดอง เอาแต่ซุกซ้อนอยู่แต่ในจวนเฟิ่ง คุณหนูหลาย ๆ คน ส่งเทียบเชิญให้มาร่วมงานก็ไม่มา อีกทั้งยังไม่อาจหาทางเข้าทางประตูได้อีก
ในยามนี้ เมื่อองค์หญิงอันผิงได้โอกาสแล้ว นางย่อมไม่ปล่อยมันไปโดยง่าย
วันที่สามเดือนสาม หาใช่งานเลี้ยงชมบุปผาอย่างเดียวไม่ แต่เป็นงานเลี้ยงที่จะทำให้เฟิ่งชิงเฉินอับอาย
ความคิดเช่นนี้ขององค์หญิงอันผิง เฟิ่งชิงเฉินหาได้รีบรู้ไม่ ถึงแม้นางจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องพยักหน้ารับคำไปก่อน
เฮ้อ ไม่คิดเลยว่า การที่นางหลบหนีเช่นนี้ มันจะสร้างปัญหาขึ้นมามากกว่านั้นในภายหลัง!
หลังจากองค์หญิงได้รับคำตอบตามที่ต้องการแล้ว องค์หญิงอันผิงพลันมีความสุขมากนัก พลางรู้สึกว่า การที่นางกลับเข้าวังมาในเวลานี้ เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
องค์หญิงอันผิงจึงเหวี่ยงแส้ไปที่พื้นที่โล่ง ๆ ด้านข้างเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง พร้อมทั้งมองดูเฟิ่งชิงเฉินที่หดตัวหลบหนี มันจึงทำให้องค์หญิงอันผิงมีความสุขยิ่งนัก นางพลันก้าวขึ้นไปบนรถม้าด้วยรอยยิ้มภายใต้หน้ากากสีเงิน แล้วจึงเดินทางกลับเข้าวังไปในทันที
ทันทีที่องค์หญิงอันผิงขึ้นรถม้าไป เฟิ่งชิงเฉินจึงลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งตบฝุ่นบนกระโปรงของตนไปมา เมื่อผู้คนยังไม่ทันจะได้สติกลับมานั้น นางก็ออกเดินทางกลับไปที่จวนเฟิ่งเสียแล้ว
เมื่อเดินมาถึงประตูจวนเฟิ่งนั้น ก็พลันหันไปเห็นเด็กที่ตนเองเพิ่งจะช่วยชีวิตของเขาไปในวันนี้ พร้อมกับกรงที่มีงูนอนตายอยู่ในนั้น
ในขณะเดียวกันระยะห่างร้อยเมตรจากประตูจวนเฟิ่ง ก็พลันมีสาวใช้จำนวนนับไม่ถ้วนยืนรอคอยอยู่ เมื่อแต่ละคนเห็นเฟิ่งชิงเฉินมาปรากฏตัวนั้น ต่างก็รีบยื่นเทียบเชิญให้เฟิ่งชิงเฉินในทันที:
"คุณหนูเฟิ่ง คุณหนูของหม่อมฉัน ให้มาเชิญท่านไปงานชมบุปผาในวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ"
"คุณหนูเฟิ่ง คุณหนูของหม่อมฉัน ให้มาเชิญท่านไปงานเลี้ยงน้ำชาในวันหน้าเจ้าค่ะ"
"คุณหนูเฟิ่ง คุณหญิงของหม่อมฉัน ส่งเทียบเชิญมาให้ท่านเข้าร่วมงานท่องบทกวีเจ้าค่ะ"
"คุณหนูเฟิ่ง คุณผู้หญิงของหม่อมฉัน ส่งเทียบเชิญให้ท่านมาร่วมนั่งรถเที่ยวชมสวนด้วยกันเจ้าค่ะ"
เมื่อมองไปเห็นกองเทียบเชิญที่มีกลิ่นหอมอยู่ตรงหน้าของนาง ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกที่กึ่งเยาะเย้ยและกึ่งหยอกล้อ
สตรีเหล่านี้ อยากจะให้นางไปด้วยจริงๆ หรือ นางไม่รู้จริงๆ ว่า สมองของพวกนางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ พวกเขาคิดว่าการทำให้นางอับอายขายหน้าขี้หน้า จะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะบังคับให้นางตายงั้นหรือ ?
วิธีดูถูกเหยียดหยามนางในวิธีการที่ระดับต่ำๆ เช่นนี้ พวกนางไม่มีวิธีการอื่นที่ซับซ้อนกว่านี้แล้วหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ระงับความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในใจของนางและเอ่ยอมรับเทียบเชิญทั้งหมดนี้
ถึงแม้ว่าวิธีการจะด้อยกว่านัก แต่อย่างไรก็ย่อมมีผลลัพธ์ที่ตามมา นางไม่สามารถปฏิเสธได้ทั้งหมด แต่เฟิ่ง ชิงเฉิน พลันเข้าใจสิ่งนี้ได้
ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ยุ่งยากยิ่งนัก
ทหารยามที่คอยดูแลรถม้าทั้งสองข้างทางนั้น ก็หยิ่งยโสโอหังยิ่งนัก พวกเขาพลันใช้แต่หางตามองดูผู้คนเท่านั้น
ทั้งยโสโอหัง! ทั้งเลวร้ายยิ่งนัก!
เป็นการกลับชาติมาเกิดใหม่ที่ท้าทายยิ่ง
แม้จะเป็นสตรีเช่นเดียวกัน แต่เหตุใดสตรีบ้านอื่นถึงมีชีวิตที่ดูดียิ่งนัก
เมื่อกลับมามองดูชีวิตของตนเองแล้ว เหตุใดถึงได้ดูอดสูถึงเพียงนี้
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินมองเห็นมาแต่ไกล ๆ นั้น ก็ได้ยืนส่ายหัวไปมา มารออีกฟากหนึ่งอย่างเชื่อฟังในทันที
ในแคว้นนี้ อย่างไรก็ไม่อาจะขาดลูกหลานที่ทำตัวหยิ่งยโสโอหังเช่นนี้ไปได้ พวกเขาล้วนแต่คิดไปเองว่า ตนเองเป็นปู ที่มีอำนาจบารมีของพ่อแม่คอยคุ้มครองอยู่ ถึงได้ปฏิบัติต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์เสมือนฟาง ที่ต้องถูกเหยียบย่ำเช่นนี้
อย่าได้โทษที่นางเอ่ยถึงปัญหาชีวิตของมนุษย์อยู่เสมอเลย ในฐานะที่นางเป็นหมอ นี่เป็นความคุ้นชินที่เกิดจากการทำงานของนางเอง
ในความคิดของนางนั้น สิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดก็คือชีวิตของมนุษย์ แต่ในชีวิตนี้ นางล้วนแต่พบเจอแต่กับ ผู้คนที่ไม่ค่อยนึกเห็นใจกับชีวิตพวกเขามากเท่าใดนัก
รถม้าค่อย ๆ แล่นผ่านเฟิ่งชิงเฉินไป เฟิ่งชิงเฉินหาได้สนใจมองไปยังคนที่อยู่ในรถม้าไม่ แต่คนด้านในรถม้าสามารถมองเห็นนาง
"หยุดรถ หยุดรถ" พลันเสียงร้องโวยวายของสตรีดังออกมาจากด้านในรถม้า แม้ว่าคนขับจะเย่อหยิ่งเพียงใด แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะคิดดูหมิ่นเจ้านายของตน เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ขึ้นมา พวกเขาก็ดึงบังเหียนม้าให้หยุดในทันที
เสียงดังเอี๊ยด ม้าทุกตัวพลันส่งเสียงร้องออกมาในทันที กีบเท้าด้านหน้าของพวกมัน พลันถูกยกสูงขึ้นชี้ไปในอากาศ ราวกับว่า กำลังจะทำให้รถม้าคว่ำลง
โชคดีที่ ทั้งคนขับและม้าได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี เมื่อคนขับรถม้าใช้แรงดึงเชือกนั้น ม้าก็พลันสงบลงและหยุดลงด้วยความปลอดภัย
ทหารยามพลันเดินเข้ามาล้อมรถม้าไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามาใกล้ได้ พร้อมกับทุกคนที่อยู่สองข้างถนนนั่งคุกเข่าลงในทันที
"เข้าเฝ้าองค์หญิง ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"
ผู้คนในถนนทั้งสาย มีเพียงทหารยามและเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ยืนอยู่ เป็นจุดเด่นพิเศษ
ไม่มีทางเลือก นางไม่เคยคุกเข่าลงทันทีเมื่อเห็นเหล่าราชวงศ์
ดวงตาพลันกวาดตามองไปยังผู้คนที่อยู่ทั้งสองข้าง พลันพบว่า เหลือเพียงนางผู้เดียวที่ยืนอยู่ เฟิ่งชิงเฉินจึงเกิดอาการลังเลเล็กน้อย ยามที่กำลังจะนั่งคุกเข่าลงนั้น
ในขณะเดียวกัน ก็พลันเห็นเด็กสาวในชุดอาภรณ์สีน้ำเงินกระโดดลงมาจากรถม้า พร้อมกับก้าวเดินมาหาเฟิ่ง ชิงเฉินในทันที
เด็กสาวผู้นี้ดูมีเสน่ห์ยิ่งนัก การเคลื่อนไหวของนางในแต่ละครั้ง เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งในทุกๆ ย่างก้าว ในมือของนางพลันปรากฏให้เห็นถึงแส้สีทอง ทำให้ทั่วร่างของเด็กสาวผู้นี้แผ่ให้เห็นถึงรังสีที่ดุร้ายออกมา
ผัวะ!
แส้ที่ถูกเหวี่ยงมากระแทกพื้น ทำให้เกิดรอยสีขาวลึกบนพื้นดินในทันที
เมื่อเฟิ่งชิงเฉินได้เห็นท่าทางเช่นนี้ ก็พลันรับรู้ได้ในทันทีว่า อีกฝ่ายกำลังมุ่งเป้ามาที่นาง
เนื่องจากว่าเด็กสาวผู้นี้ เป็นน้องสาวร่วมแม่ของตงหลิงจื่อลั่ว องค์หญิงอันผิง
เด็กสาวที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจ ทั้งกิริยาวาจาที่เต็มไปด้วยความหยิ่งผยองและไร้มารยาท
เมื่อองค์หญิงอันผิงเห็นการแสดงออกที่นิ่งสงบของเฟิ่งชิงเฉินนั้น ร่องรอยของความไม่พอใจ ก็พลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเด็กสาวในทันที พร้อมทั้งพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า " เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าเห็นเปิ่งกงจู่แล้วยังไม่คิดคุกเข่าทำความเคารพอีกหรือ "
คุกเข่า?
เฟิ่งชิงเฉินพลันชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็รู้แจ้งได้ในทันใด
เมื่อเห็นราชวงศ์ควรที่จะนั่งคุกเข่าลงจริง ๆ ในเมื่อนางต้องอาศัยอยู่ในโลกนี้ ก็ย่อมต้องเชื่อฟังกฎของโลกใบนี้ อย่างไรก็ตาม เข่าของนางหาได้มีค่าเท่าทองคำไม่ นางสามารถคุกเข่าลงได้
หาได้มีความกดดันทางใดไม่ เฟิ่งชิงเฉินพลันค่อยๆ คุกเข่าลงแต่โดยดี
"ชิงเฉินขอเข้าเฝ้าองค์หญิง ขอให้พระองค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนานเพคะ"
คุกเข่า การคุกเข่าเป็นการคุกเข่าลงทั้งสองข้าง หาใช่ด้วยหัวใจไม่ เฟิ่งชิงเฉินจึงนั่งคุกเข่าลงได้อย่างง่ายดาย โดยมิได้รู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย
เมื่อมองไปเห็นเฟิ่งชิงเฉินที่คุกเข่าลงต่อหน้านางนั้น ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง องค์หญิงกลับรู้สึกไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินนั้น หาได้แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนและเคารพในตัวขององค์หญิงเช่นนางไม่
นางจำได้ว่า ในคราก่อน หากเฟิ่งชิงเฉินเห็นนางเมื่อใด มักจะตกใจสะดุ้ง ยั งมิทันจะได้เปิดปากอันใด แววตาของนางก็เจือไปด้วยความแดงก่ำแล้ว พร้อมกับนั่งคุกเข่าลงแทบเท้าของนางด้วยอาการสั่นเทา แต่ในวันนี้ เฟิ่งชิงเฉินดูผิดปกติยิ่งนัก
"เฟิ่งชิงเฉิน เจ้า" องค์หญิงอันผิงร้องเรียก แต่นางก็มิรู้ว่าจะพูดอะไรต่อดี
คำพูดที่คิดจะดูหมิ่นเฟิ่งชิงเฉินในอดีต นางไม่สามารถเอ่ยออกมาได้เลยในยามนี้
"ชิงเฉินอยู่เพคะ" เฟิ่งชิงเฉินตอบออกมาด้วยความเฉยเมย สายตาพลันมองไปที่อื่นที่ไม่รู้จัก
เห็นได้ชัดว่า การที่เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่ที่แทบเท้าของนาง นั้น แต่มิได้มีนางอยู่ในสายตาของเฟิ่งชิงเฉินเลยแม้แต่น้อย องค์หญิงอันผิงกัดฟันด้วยความโกรธ แส้ภายในมือพยายามที่จะเหวี่ยงออกไปทางเฟิงชิงเฉิน
ทว่า ยามที่แส้ถูกยกขึ้นนั้น เสียงของเฟิ่งชิงเฉิน พลันกล่าวออกมาด้วยความตื่นตระหนกว่า "องค์หญิงเพคะ ผู้คนมากมายอยู่รายล้อมเช่นนี้ หากพระองค์เหวี่ยงแส้ออกมาในที่สาธารณะ จะทำให้ท่านดูเสียมารยาทนะเพคะ"
เฟิ่งชิงเฉินพลันกล่าวออกมาอย่างลอย ๆ หาได้คิดว่ามันจะได้ผลหรือไม่
เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกได้ว่า วันนี้นางจักต้องถูกแส้ตีอย่างแน่นอน
หากแต่ หาใช่ว่านางไม่ต้องการจักต่อต้านไม่ ทว่า เมื่อเห็นทหารรักษาพระองค์ที่อยู่เบื้องหลังเจ้าหญิงอันผิง เฟิ่งชิงเฉินจึงตัดสินใจว่า จะไม่พาตนเองไปตกที่น่าลำบากอีก
ให้นางถูกองค์หญิงอันผิงเฆี่ยนตี ยังจะดีกว่า ให้ไปสู้กับทหารรักษาพระองค์พวกนั้น
ชื่อเสียงของนาง แม้ว่าจะตกต่ำ แต่นางก็ไม่อาจทำให้มันถูกทำลายไปมากกว่านี้ได้อีก!
หากแต่ ไม่คิดว่า คำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ กลับทำให้องค์หญิงอันผิงเกิดความลังเลใจได้
ดูเหมือนว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า องค์รัชทายาทซีหลิง ซีหลิงเทียนเหล่ย จะเดินทางมาที่ตงหลิง เพื่อคัดเลือกนางสนม
ว่ากันว่าซีหลิงเทียนเหล่ยมีวิสัยทัศน์ที่สูงมาก เนื่องจากว่าที่ซีหลิง ไม่มีสนมที่ทำให้เขารู้สึกพอใจได้ ดังนั้น ๆเขาจึงได้เดินทางไปที่แคว้นต่าง ๆ เพื่อทำการเฟ้นหาสาวงาม
หลังจากไปมาหลายแว่นแคว้น เขาก็ไม่พบกับสตรีที่เขาชมชอบ อย่างไร นางก็ไม่สามารถทำลายชื่อเสียงของตนเองในยามนี้ได้
หากนางถูกซีหลิงเทียนเหล่ยเลือกแล้ว นั่นไม่ได้หมายความว่า นางเป็นสตรีที่ดีที่สุดในแว่นแคว้นหรือ!
องค์หญิงอันผิงพลันเบิกตากว้าง หากนางไม่สามารถกระทำต่อหน้าราษฏรจำนวนมากได้ เช่นนั้น นางก็จักเปลี่ยนสถานที่จัดการเสีย!
หึ แม้ว่าพี่จื่อลั่ว จะบอกว่าห้ามนางฆ่าเฟิ่งชิงเฉิน ทว่า หากไปถึงในพระราชวังแล้ว นางจะสามารถเล่นอย่างไรก็ได้ เพียงแค่ไม่เล่นจนนางตายก็พอ เช่นนี้ ก็จะไม่ถือว่าเป็นการขัดคำสั่งของพี่ชายจื่อลั่วด้วยเช่นกัน
องค์หญิงอันผิงจ้องมองไปยังเฟิ่งชิงเฉิน พร้อมทั้งสะบยัดแส้ออกมาอย่างไม่พอใจ พร้อมทั้งยื่นเท้าเตะไปทางเฟิ่งชิงเฉิน:
"เฟิ่งชิงเฉิน ในวันที่เดือนสามเทศกาลดอกท้อ เปิ่กงจู่จะจัดงานเลี้ยงเพื่อชมบุปผา จำไว้ ว่าเจ้าจะต้องไปอยู่ที่นั่น"
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นกับเฟิ่งชิงเฉินนั้น นางก็เป็นเหมือนเต่าที่หัวหดอยุ่แต่ในกระดอง เอาแต่ซุกซ้อนอยู่แต่ในจวนเฟิ่ง คุณหนูหลาย ๆ คน ส่งเทียบเชิญให้มาร่วมงานก็ไม่มา อีกทั้งยังไม่อาจหาทางเข้าทางประตูได้อีก
ในยามนี้ เมื่อองค์หญิงอันผิงได้โอกาสแล้ว นางย่อมไม่ปล่อยมันไปโดยง่าย
วันที่สามเดือนสาม หาใช่งานเลี้ยงชมบุปผาอย่างเดียวไม่ แต่เป็นงานเลี้ยงที่จะทำให้เฟิ่งชิงเฉินอับอาย
ความคิดเช่นนี้ขององค์หญิงอันผิง เฟิ่งชิงเฉินหาได้รีบรู้ไม่ ถึงแม้นางจะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องพยักหน้ารับคำไปก่อน
เฮ้อ ไม่คิดเลยว่า การที่นางหลบหนีเช่นนี้ มันจะสร้างปัญหาขึ้นมามากกว่านั้นในภายหลัง!
หลังจากองค์หญิงได้รับคำตอบตามที่ต้องการแล้ว องค์หญิงอันผิงพลันมีความสุขมากนัก พลางรู้สึกว่า การที่นางกลับเข้าวังมาในเวลานี้ เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
องค์หญิงอันผิงจึงเหวี่ยงแส้ไปที่พื้นที่โล่ง ๆ ด้านข้างเฟิ่งชิงเฉินอีกครั้ง พร้อมทั้งมองดูเฟิ่งชิงเฉินที่หดตัวหลบหนี มันจึงทำให้องค์หญิงอันผิงมีความสุขยิ่งนัก นางพลันก้าวขึ้นไปบนรถม้าด้วยรอยยิ้มภายใต้หน้ากากสีเงิน แล้วจึงเดินทางกลับเข้าวังไปในทันที
ทันทีที่องค์หญิงอันผิงขึ้นรถม้าไป เฟิ่งชิงเฉินจึงลุกขึ้นยืน พร้อมทั้งตบฝุ่นบนกระโปรงของตนไปมา เมื่อผู้คนยังไม่ทันจะได้สติกลับมานั้น นางก็ออกเดินทางกลับไปที่จวนเฟิ่งเสียแล้ว
เมื่อเดินมาถึงประตูจวนเฟิ่งนั้น ก็พลันหันไปเห็นเด็กที่ตนเองเพิ่งจะช่วยชีวิตของเขาไปในวันนี้ พร้อมกับกรงที่มีงูนอนตายอยู่ในนั้น
ในขณะเดียวกันระยะห่างร้อยเมตรจากประตูจวนเฟิ่ง ก็พลันมีสาวใช้จำนวนนับไม่ถ้วนยืนรอคอยอยู่ เมื่อแต่ละคนเห็นเฟิ่งชิงเฉินมาปรากฏตัวนั้น ต่างก็รีบยื่นเทียบเชิญให้เฟิ่งชิงเฉินในทันที:
"คุณหนูเฟิ่ง คุณหนูของหม่อมฉัน ให้มาเชิญท่านไปงานชมบุปผาในวันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ"
"คุณหนูเฟิ่ง คุณหนูของหม่อมฉัน ให้มาเชิญท่านไปงานเลี้ยงน้ำชาในวันหน้าเจ้าค่ะ"
"คุณหนูเฟิ่ง คุณหญิงของหม่อมฉัน ส่งเทียบเชิญมาให้ท่านเข้าร่วมงานท่องบทกวีเจ้าค่ะ"
"คุณหนูเฟิ่ง คุณผู้หญิงของหม่อมฉัน ส่งเทียบเชิญให้ท่านมาร่วมนั่งรถเที่ยวชมสวนด้วยกันเจ้าค่ะ"
เมื่อมองไปเห็นกองเทียบเชิญที่มีกลิ่นหอมอยู่ตรงหน้าของนาง ริมฝีปากของเฟิ่งชิงเฉินพลันกระตุกขึ้นเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกที่กึ่งเยาะเย้ยและกึ่งหยอกล้อ
สตรีเหล่านี้ อยากจะให้นางไปด้วยจริงๆ หรือ นางไม่รู้จริงๆ ว่า สมองของพวกนางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ พวกเขาคิดว่าการทำให้นางอับอายขายหน้าขี้หน้า จะเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะบังคับให้นางตายงั้นหรือ ?
วิธีดูถูกเหยียดหยามนางในวิธีการที่ระดับต่ำๆ เช่นนี้ พวกนางไม่มีวิธีการอื่นที่ซับซ้อนกว่านี้แล้วหรือ?
เฟิ่งชิงเฉินค่อย ๆ ระงับความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในใจของนางและเอ่ยอมรับเทียบเชิญทั้งหมดนี้
ถึงแม้ว่าวิธีการจะด้อยกว่านัก แต่อย่างไรก็ย่อมมีผลลัพธ์ที่ตามมา นางไม่สามารถปฏิเสธได้ทั้งหมด แต่เฟิ่ง ชิงเฉิน พลันเข้าใจสิ่งนี้ได้
ปัญหาที่อยู่ตรงหน้า ยุ่งยากยิ่งนัก
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved