บทที่ 1 ความเฉยเมยท่ามกลางสายฝน

สามปีแล้วที่เป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้าน เฉินผิงอานค่อย ๆ เคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างนี้

แต่ในขณะที่เขากำลังเคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างนี้กลับมีคนมาสร้างความปั่นป่วนอีก

เฉินผิงอานที่ใส่ชุดเครื่องแบบรปภ.ยืนอยู่ที่หน้าประตูของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งด้วยสีหน้าที่หดหู่ ไม่ไกลนักมีรถธุรกิจที่หรูคันหนึ่งได้ค่อย ๆ ขับมาจอดที่ด้านหน้าของตัวเอง

“มีความพยายามจริงนะ!”

ระหว่างที่เฉินผิงอานพูดพึมพำเสียงต่ำนั้น มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งลงมาจากรถธุรกิจหรู มียี่ห้อทั้งตัวพอเห็นเฉินผิงอานก็รีบเดินมาทางเขา

“ผิงอาน กลับไปกับฉันเถอะ บ้านตระกูลเฉินตอนนี้ต้องการความช่วยเหลือของคุณ!”

ในน้ำเสียงของผู้หญิงเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ ในดวงตาสองข้างก็เต็มไปด้วยความเสียใจ

ในฐานะที่เป็นคุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลหลงในปักกิ่ง หลงลั่วเซียนกลับต้องมาขอร้องคนไร้ค่าที่เคยถูกตัวเองทำลายการหมั้นหมายต่อหน้าทุกคนอย่างนี้

ก็ไม่รู้ว่าคุณปู่และพ่อพวกเขาคิดยังไง

แต่ไม่ง่ายเลยที่จะหาที่อยู่ของคนไร้ค่าคนนี้ได้ได้ หลงลั่วเซียนก็ทำได้เอ่ยปากอย่างดื้อๆ ยังไงนี่ก็คือคำสั่งตายของคุณปู่

“กลับไป?ผมไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับบ้านตระกูลเฉินนานแล้ว อีกอย่างคุณคือใครผมไม่รู้จัก!”

“ไม่รู้จัก?ไม่เป็นไร?เฉินผิงอาน ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเป็นคนอย่างนี้?คุณรู้หรือเปล่าว่าสภาพการณ์ของบ้านตระกูลเฉินตอนนี้เป็นยังไง?ถ้าหากคุณไม่กลับไปกับฉัน ตระกูลเฉินกรุ๊ปจะต้องแย่แน่ “

เฉินผิงอานมองคุณหนูใหญ่แห่งบ้านตระกูลหลงที่สูงส่งที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ คนนี้เป็นผู้หญิงที่เคยหมั้นหมายกับตัวเองไว้แล้ว อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ผมก็เป็นคนอย่างนี้ล่ะ ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายบ้านตระกูลเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับผม ยิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับบ้านตระกูลหลงของคุณ!”

“เชิญกลับไปเถอะ อีกไม่นานฝนก็จะตกแล้วผมก็จะต้องกลับบ้านแล้ว!”

พูดจบเฉินผิงอานหมุนตัวและเดินไปทางห้องรปภ.ของโรงเรียน

“เฉินผิงอาน คุณหยุดเดี๋ยวนี้หรือว่าคุณจะยอมที่จะมีชีวิตอยู่ในเมืองปินที่เล็กๆ อย่างนี้ต่อไปเหรอ?ฉันรู้คุณคิดว่าบ้านตระกูลติดค้างคุณ ฉันก็เคยทำร้ายคุณ แต่ตอนนี้ฉันมีท่าทีที่อ่อนน้อมอย่างนี้แล้ว คุณอยากที่จะให้ฉันทำยังไงอีก?”

เฉินผิงอานค่อย ๆ หยุดเท้าลงแต่ไม่ได้หันตัวไปมองผู้หญิงที่มีหน้ามีตาในกลุ่มคนที่มีชื่อเสียงของปักกิ่งคนนี้อีก

ส่ายหน้า

ติดค้าง?

เพราะว่าตัวเองเป็นลูกเมียน้อยไม่มีฐานะตำแหน่งตั้งแต่เด็กถูกเบียดออกจากทุกที่

บ้านตระกูลหลงทำลายการหมั้นหมายเปิดเผย ยิ่งทำให้เขาได้รับการยืนยันว่าเป็นคนไร้ค่า

ตอนนี้บ้านตระกูลเฉินเกิดเรื่องแล้วก็เลยนึกถึงตัวเองแล้ว?ยังให้หลงลั่วเซียนมาก็คงอยากจะให้ตัวเองกลับไปเป็นหุ่นเชิดของบ้านตระกูลหลง?

ก็ยังคงทำตัวสุภาพอ่อนน้อมอย่างนี้?

คุณหนูใหญ่อย่างนี้ตั้งแต่ไหนมาก็ไม่รู้ว่าจะให้ความเคารพคนยังไง!

เฉินผิงอานที่ค่อย ๆ หยุดก็ได้เดินก้าวใหญ่ไปทางห้องรปภ.ต่อไป

ความน่ากลัวของฟ้าที่มืดครึ้มก็เหมือนกับหน้าของหลงลั่วเซียน

“คุณหนู พวกเรากลับไปก่อนเถอะฝนใกล้จะตกแล้ว!”

หลงลั่วเซียนมองเฉินผิงอานที่เดินไปทางห้องรปภ.ด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นในใจเต็มไปด้วยโกรธแค้น

ในความคิดของเขาเฉินผิงอานที่เป็นคนไร้ค่าอย่างนี้ก็ควรที่จะคุกเข่าเชื่อฟังต่อหน้าตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะอยากที่จะต้องการควบคุมตระกูลเฉินกรุ๊ป เขาก็คงจะไม่มาไกลมาถึงเมืองปินพูดกับคนไร้ค่าคนนี้หรอก!

ส่งเสียงฮึออกมาแล้วก็หมุนตัวมุดเข้าไปในรถธุรกิจหรู

ระหว่่างเวลานั้นเมืองปินก็ได้มีฝนตกใหญ่ขึ้น

เวลานี้ในตึกทำการที่หรูหราหลังหนึ่งมีผู้หญิงที่ใส่ชุดเครื่องแบบอาชีพทั้งตัว รูปร่างมีโค้งเว้าสวยงามมีใบหน้าที่เคร่งเครียดเดินอยู่ข้างหน้า

โทรศัพท์ของเฉินผิงอานเขาก็ได้ยินอยู่แล้วแต่ก็ไม่อยากรับ ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบแผนกบริษัทเครื่องสำอางค์ ไป๋ฉิงเฉินรู้อยู่แล้วว่าสามีของตัวเองก็เป็นแค่รปภ.เล็กๆ คนหนึ่งซึ่งเป็นน่าขายหน้ามาก

แน่นอนพูดให้ชัดเจนในโทรศัพท์เขาก็ทำไม่ได้เล็กน้อย

ไป๋ฉิงเฉินเพียงคิดว่าตัวเองไม่รับโทรศัพท์ เฉินผิงอานก็จะเดินออกไปเองก่อน

“ฉิงเฉิน คิดอะไรอยู่น่ะจริงจังอย่างนี้?”

ในขณะที่ไป๋ฉิงเฉินกำลังคิดมากอยู่นั้นมีเสียงที่อ่อนโยนดังขึ้น ไม่ใช่คนอื่นก็คือประธานหนุ่มฟางซื่อหวาของบริษัทเครื่องสำอางค์ที่หล่อเหลาที่หล่อนได้ทำงานอยู่ตอนนี้

อายุน้อยมีความสามารถ หล่อเหลา เรียนต่อจากต่างประเทศ มูลค่าทางฐานะสิบล้าน คนแบบนี้เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวของผู้หญิงในบริษัทไม่รู้เท่าไหร่ มีผู้หญิงที่ไล่ตามจีบเขานับไม่ถ้วน

แต่ฟางซื่อหวาคนนี้ก็เจอกันกับไป๋ฉิงเฉิน

โดยเฉพาะรูปร่างที่เซ็กซี่นั่น หน้าตาที่สวยงามมากที่ไม่มีใครเทียบได้

“อ๊ะ เปล่า……เพียงแค่คิดเรื่องงานอยู่!”

หลบสายตาที่เต็มไปด้วยความก้าวร้าวของเจ้านายตัวเอง ไป๋ฉิงเฉินรีบก้าวเดินอย่างรวดเร็ว

“เฮ้อ นี่ผมต้องตำหนิคุณแล้วตั้งใจทำงานมีความกระตือรือร้นในเรื่องงานเป็นเรื่องที่ถูก แต่เลิกงานแล้วก็น่าจะพักผ่อนคุณเป็นภาพลักษณ์โฆษกของบริษัทพวกเราถ้าเหนื่อยจนร่างกายทรุดโทรม งั้นก็เป็นความเสียหายใหญ่ของทั้งบริษัทพวกเรา”

พูดไปพรางฟางซื่อหวาก็ก้าวเท้าเดินอย่างรวดเร็ว กระทั่งร่างกายของตัวเองตั้งใจไปชนกระแทกกับไป๋ฉิงเฉิน เพราะว่าเวลานี้เลิกงานต่างก็เดินออกไปจากตึก ทำให้ฟางซื่อหวามีโอกาสที่จะเอาเปรียบได้

แต่ไป๋ฉิงเฉินก็รู้ว่าฟางซื่อหวาเป็นใคร ในขณะที่ด้านข้างของเขาที่หลบก็ออกมาจากห้องโถงใหญ่

ทันใดนั้นฝนที่ตกหนักก็ทำให้เธออยู่ที่หน้าประตูของอาคาร

เมื่อกี้ในสมองคิดมาตลอดว่าจะทำยังไงให้เฉินผิงอานออกไป ตัวเองกลับลืมหยิบร่มกันฝนของตัวเองออกมา

“ฉิงเฉิน ไปเถอะ ฝนตกคุณกลับบ้านคนเดียวผมก็ไม่ไว้วางใจ ผมไปส่งคุณ……”

พูดพรางก็กดรีโมทรถในมือของตัวเอง ทันใดนั้นรถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดคันหนึ่งที่จอดหน้าประตูไม่ไกลก็มีไฟกระพริบขึ้นสองครั้ง

ไป๋ฉิงเฉินเวลานี้มองน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างไม่หยุดที่ด้านหน้านั่น ในใจกลับมีความลำบากใจขึ้นมา

ฟางซื่อหวาเป็นเจ้านายของตัวเองอีกทั้งตัวเขาเองเดิมทีก็เป็นคนเจ้าชู้ ก่อนหน้านี้สารภาพรักกับเขาที่บริษัทแต่ถูกเขาปฏิเสธ แต่หลังจากครั้งนั้นฟางซื่อหวาไม่เพียงแต่ไม่ตายใจยิ่งกลับเปลี่ยนเป็นหนักขึ้น ดังนั้นปกติไป๋ฉิงเฉินก็จะหลบเขาแต่วันนี้ไป๋ฉิงเฉินกลับลำบากใจเล็กน้อย……

ในขณะที่ไป๋ฉิงเฉินกำลังลำบากใจอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงที่แหบแห้งดังขึ้นมา

ในความผสมผสานของฝนแม้กระทั่งมีความเบลอเล็กน้อย

“ภรรยา พวกเรากลับบ้านเถอะ ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก!”

เพราะว่าเฉินผิงอานในมือถือร่มกันฝนใส่ชุดเครื่องแบบรปภ.ทั้งตัวต่างก็เปียกปอน ดังนั้นเป็นที่ดึงดูดสายตาของคน

ถึงแม้ว่ามีคนมากมายกางร่มยืนหันไปทางไป๋ฉิงเฉินที่ยืนอยู่ขั้นบันได ก็ได้หันไปมองไป๋ฉิงเฉิน

“คนนี้ใครอ่ะ เขาเพิ่งเรียกไป๋ฉิงเฉินวาภรรยา?”

“รปภ.คนนี้เป็นสามีของไป๋ฉิงเฉิน?ดูไม่ออกเลย ปกติไป๋ฉิงเฉินที่สูงส่งเย็นชาคิดไม่ถึงว่าจะแต่งงานกับรปภ.?”

“รปภ.อะไร?ก็คือหมาเฝ้าประตูเท่านั้น……จะเทียบกับหัวหน้าไป๋ของพวกเราได้เหรอ?”

“ก็ใช่ ผมได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้ประธานฟางยังเคยสารภาพรักกับไป๋ฉิงเฉินด้วยล่ะ ตาบอดจริง ๆ คนสวยสูงส่งอย่างนี้!”

“ใช่ คิดไม่ถึงว่าประเคนให้หมาเฝ้าประตูคนหนึ่ง น่าเสียดายมาก ๆ !”

ไป๋ฉิงเฉินมองเฉินผิงอานที่ถือร่มด้วยใบหน้าที่ยิ้มอย่างซื่อ ๆ บนใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าที่สับสนโมโหจนหน้าแดงแล้ว เวลานี้เขาแทบที่จะหารูมุดเข้าไป

แต่เฉินผิงอานเดิมทีกลับไม่สนใจอะไรมากมาย ในสายตาของเขาไม่มีคนเหล่านี้มีเพียงไป๋ฉิงเฉินแล้วก็เอ่ยปากพูดทันที

“ภรรยา ไปเถอะเดี๋ยวสักพักฝนตกหนักแล้ว !”

พูดพรางก็เอาร่มในมือส่งให้กับไป๋ฉิงเฉิน

เวลานี้คนก็ยิ่งมากขึ้นต่างก็เป็นบริษัทหนึ่ง ไป๋ฉิงเฉินรู้สึกว่าสมองของตัวเองใกล้ที่จะระเบิดแล้ว ในทันใดนั้นก็มองกับเฉินผิงอานที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนเปียกปอนไปทั้งตัวด้วยใบหน้าที่โกรธว่า“คุณ……ฉันไม่รู้จักคุณ คุณ……”

คำพูดด้านหลังไป๋ฉิงเฉินไม่ได้พูดออกมา หมุนตัวแล้วก็รีบเดินไปทางฟางซื่อหวา เวลานี้เขาเพียงคิดที่จะรีบหลบหาที่แอบซ่อนตัวเอง

“ที่แท้ก็คือคางคกกินเนื้อหงส์?ตอนนี้คนแบบไหนก็มีจริงๆ ……เห็นสาวสวยก็เรียกภรรยาหรือว่าเสียสติไปแล้ว!”

“ช่ ไป๋ฉิงเฉินสาวสวยอย่างนี้ก็มีเพียงประธานฟางเท่านั้นที่จะคู่ควร……”

แต่เวลานี้เฉินผิงอานที่ยืนอยู่ที่นั่นในมือยังคงถือร่มด้วยใบหน้าที่เหลือเชื่อ

เขาเห็นผู้หญิงที่เปิดประตูรถหลบตัวเองแล้วมุดเข้าไปในรถเบนซ์ ในใจอดไม่ได้ที่จะเจ็บปวด

ถึงแม้เขารู้ว่าภรรยาของตัวเองคนนี้คิดว่าตัวเองทำให้หล่อนขายหน้าในที่สาธารณะ แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าไป๋ฉิงเฉินจะพูดว่าไม่รู้จักเขา

ในขณะที่เขากำลังต้องการที่จะเดินขึ้นไปถามให้ชัดเจนนั้นกลับถูกร่างเงาที่สูงใหญ่ขวางไว้

ฟางซื่อหวามองเฉินผิงอานที่เปียกไปทั้งตัวอย่างน่าสนใจเหมือนไก่ที่ตกลงในซุปตัวหนึ่งแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“เฉินผิงอานใช่ไหม?ผมรู้ว่าคุณคือสามีของไป๋ฉิงเฉินแต่คุณเป็นคนไร้ค่าคนหนึ่ง กระทั่งภรรยาของตัวเองต่างก็ไม่รู้จักคุณยังต้องขึ้นรถของผู้ชายคนอื่น รู้สึกเป็นยังไง?รับไม่ได้ใช่ไหม?แต่ก็ไม่เป็นไรผมเตือนคุณประโยคหนึ่ง รู้ความสามรถของตัวเองประเมินตัวเองอย่างถูกต้อง ผู้หญิงอย่างไป๋ฉิงเฉินอย่างนี้ คนแบบคุณนี้ชั่วชีวิตนี้ทำได้แค่มอง คุณเห็นรถของผมหรือยังชั่วชีวิตนี้คุณเกรงว่าจะซื้อไม่ไหวล่ะมั้ง รีบไสหัวไปเถอะ!”

พูดจบฟางซื่อหวาก้หมุนตัวขึ้นรถเบนซ์คันนั้นเหยียบคันเร่งบินออกไป

มองรถเบนซ์ที่ไปไกลนั้น เฉินผิงอานกำมือสองข้างแน่นยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน……














Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

503