บทที่ 61 เธอรอดูเถอะ !
by ฮวนเซี่ยวหงเฉิน
08:01,Mar 30,2021
อะไรนะ
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นที่ได้ยินต่างก็มองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่ยืนอยู่ตรงมุมด้วยสีหน้าตกใจ
"ฮ่าๆๆไป๋ฉิงเฉินเธอควไม่ใช่มาเล่นตลอกหรอกใช่มั้ย"
ไป๋จินเหลียนรีบตั้งสติมองไปที่ไป่ฉิงเฉินอย่างจริงจังก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อวานหล่อนก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่าไป๋ฉิงเฉินเข้าไปไม่ถึงสิบนาทีก็ออกมาแล้วอย่าว่าแต่คุยเรื่องธุรกิจเลยแม้แต่หน้าของลู่เสี่ยวปอก็คงยังไม่ทันได้เจอด้วยซ้ำ
นี่ก็คือเหตุผลที่หล่อนแน่ใจในวันนี้
"เล่นตลกงั้นหรอ"
ไป๋ฉิงเฉินได้แต่พูดคำๆนั้นอีกครั้งจากนั้นก็ไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาอย่างตกใจของคนอื่น
ไป๋ฉิงเฉินได้หยิบเอกสารสัญญาที่เอาติดตัวมาด้วยออกมาจากนั้นก็มอบให้กับหวังสิ้วอวิ้นที่เป็นเลขาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
"คุณย่านี่คือรายละเอียดของหนังสือสัญญาที่หนูได้คุยไว้กับประธานลู่ได้เขียนออกมาในรูปแบบสัญญาไว้แล้วและประธานลู่ได้เป็นคนตรวจตราเองกับมือในสัญญายังมีลายเซ็นของประธานลู่ด้วยคุณย่าสามามารถดูได้เลยค่ะ......"
ทันในนั้นสีหน้าของคนทั้งหมดก็ดีขั้น
ไป๋หย่งเซิ้งก็ค่อยขมวดคิ้วขึ้นหรือว่าไป๋ฉิงเฉินจะคุยเรื่องเซ็นสัญญาได้สำเร็จ
ไป๋หย่งเซิ้งนึกถึงตอนที่ลู่เสี่ยวปอคุยตอนอยู่บนโต๊ะทานมื้อกลางวันเมื่อวันก่อนในใจก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว
ส่วนหวังสิ้วอวิ้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจากนั้นก็ร็รีบเอาสัญญามาจากมือของเลขาแล้วสวมแว่นหนาเตอะตั้งใจอ่านอย่างระเอียด
ในขณะที่ไป๋ซิ่วอวิ้นเปิดสัญญาอ่านอยู่นั้นทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบ
ไป๋จินเหลียนมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่ไม่มีท่าทีเกรงกลัวในใจก็รู้สึกแปลกๆ
นี่......!
เป็นไปไม่ได้!
ไป๋จินเหลียนมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่กำลังมองอยู่ก็เอ่ยขึ้นว่าถ้า:"ไป๋ฉิงเฉินอย่าคิดว่าตัวเองได้สัญญามาแล้วก็มาเลียนแบบลายเซ็นเพื่อมาหลอกคุณย่าหรอกนะ"
"ฉันเชื่อว่าคุณย่าจะแยกแยะออก!"
ไป๋ฉิงเฉินไม่อยากพูดอะไรมากเรื่องนี้หล่อนคิดว่าคุณย่าหวังสิ้วอวิ้นที่พอดูหนังสือสัญญาแล้วจะแยกแยะออกว่าอันไหนคือสัญญาฉบับจริงหรือฉบับปลอม
"คุณแม่หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นยังไงบ้าง"
ดูออกชัดเจนว่าไป๋หย่งเซิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆหวังซิ่วอวิ้นก็รู้สึกสงสัยอยากรู้มากเช่นกันเมื่อคืนลูกสาวของหล่อนไป๋จินเหลียนพูดออกมาอย่างชัดเจนว่าไป๋ฉิงเฉินเข้าไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำสิบนาทีจะสามารถคุยเรื่องสัญญาเสร็จได้ยังไงแม้แต่หน้าคู่สัญญายังไม่รู้เลยว่าได้เจอมั้ย
"ฉิงเฉินประธานลู่ได้พูดอะไรอีกมั้ย"
หวังซิ่วอวิ้นไม่ได้สนใจลูกชายของตนเองแค่กลับมองไปหาไป๋ฉิงเฉิน
พอหล่อนได้มองดูหนังสือสัญญาฉบับนั้นแล้วเขาก็รู้สึกตกใจมากสาเหตุก็มาจากเนื้อหาในหนังสือสัญญานั้นก็ส่งผลดีกับโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนทั้งนั้นดูแล้วไม่เหมือนกับหนังสือสัญญาทั่วไปจนหวังสิ้วอวิ้นมองครั้งแรกก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน
หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นของปลอม
แต่ว่าลายเซ็นที่อยู่ในหนังสือสัญญาเป็นลายเซ็นของลู่เสี่ยวปอจริงและยังมีตราประทับของดรงกลั่นเหล้าเสฉวนอีกซึ่งถือว่ามีผลทางกฎหมายแล้ว
แต่ว่ารายละเอียดเงื่อนไขหลายข้อที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน
"ตามที่บอกว่าผู้จัดการลู่บอกให้ทำตามข้อกำหนดในสัญญารอให้ฝั่งทางพวกเราร่างสัญญาของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนขึ้นมาจากนั้นให้แต่ละแผนกจัดการวางแผนแล้วก็โทรหาเขาก็พอขอแค่เขาตรวจดูว่าผ่านแล้วความร่วมมือก็จะเริ่มต้นขึ้นทันที"
หวังสิ้วอวิ้นพยักหน้า
จากนั้นก็เอ่ย:"ไม่เลวทำได้ดี"
"คุณย่าคะหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นของปลอมมั้ย"
ไป๋จินเหลียนก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หวังสิ้วอวิ้นที่มองไป๋จินเหลียนอยู่ก็ก็เอ่ยออกมาเสียงเรียบ:"ในหนังสือสัญญามีตราประทับโรงกลั่นเหล้าเสฉวนและยังมีลายเซ็นของประธานลู่ยังจะบอกว่าเป็นของปลอมอีกหรอ"
ไป๋จินเหลียนถึงกับตัวสั่นจากนั้นก็มองไปที่ไป๋ฉิงเฉินด้วยแวตาเย็นชา
"หล่อนจะต้องใช้วิธีสกปรกแน่นอนถึงทำให้ประธานลู่ยอมร่วมมือด้วยคุณย่าจะต้องตรวจสอบให้ดีนะคะ"
"ไม่แน่พวกเขาออกจะมีผลประโยชน์ร่วมกันที่เราไม่รู้ก็ได้!"
พอไป๋ฉิงเฉินได้ยินอย่างนั้นก็เลยเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า:"ไป๋จินเหลียนก่อนหน้านี้ฉันยอมทนเธอมาตลอดไม่คิดถือสากับเธอช่างไม่รู้จักชอบชั่วดีเสียจริง"
"เธอไม่คิดถือสากับฉันงั้นหรอไป๋ฉิงเฉิน......"
"พอแล้วไป๋จินเหลียนการพนันระหว่างเราสองคนเธอแพ้แล้วคำที่เธอพูดเองคงไม่คิดจะคืนคำหรอกนะ!"
เดิมทีไป๋ฉิงเฉินไม่อยากถือสาหาความอะไรแต่หล่อนคิดว่าจะต้องจัดการคนอย่างไป๋จินเหลียนที่มักเป็นปรปักษ์กับหล่อนมาตลอดไม่อย่างนั้นต่อไปภายภาคหน้าคนจะเป็นตัวเขัดขวางหล่อนในบริษัทตลอดแน่ถึงตอนนั้นคงจะวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
"ฮ่าๆๆไป๋ฉิงเฉินเธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน......"
ไป๋จินเหลียนยิ้มเย็นชาออกมาแล้วลุกขึ้นยืนมองไปหาไป๋ฉิงเฉินด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้
"ใช่ไป๋เฉินเรื่องนี้ไป๋จินเหลียนก็พูดไปอย่างงั้นเองแค่ล้อเล่นเท่านั้นจะถือเอาจริงได้ยังไง"
"ใช่ใช่น้องฉิงเฉินจินเหลียนก็ทำเพื่อกระตุ้นเธอเท่านั้นอีกอย่างตอนนี้ก็ได้สัญญามาแล้วถือเป็นเรื่องดีคนครอบครัวเดียวกันจะมาถือสากันทำไม"
"หลานฉิงเฉินจินเหลียนแค่ล้อเล่นกับหนูอย่าถือสาเลยตอนนี้หนังสือสัญญาก็ได้เซ็นแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องสำหรับโรงกลั่นเหล้าชิงฉันดีสำหรับคนในตระกูลตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดำเนินการตามหนังสือสัญญารีบปรับโครงสร้างของโรงงานกลั่นเหล้าชิงฉวนให้ไวที่สุดอย่างนี้ถึงจะทำให้เราได้เงินทุนเร็วจากนั้นถึงจะทำให้สถานการณ์บริษัทของเราดีขึ้นได้"
ต่อมาไป๋หหย่งเซิ้งก็เอ่ยปากพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังพวกเธอที่ยังเด็กกันอยู่ก็อย่าได้ถือสากันเลย
"หรอคะถ้าพวกคุณคิดว่าแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นแล้วทำไมเมื่อวานตอนที่ไป๋จินเหลียนพูดพวกคุณถึงไม่มีใครห้ามเลยสักคน"
"ตอนนี้ที่หนูชนะการพนันพวกคุณกลับบอกว่าแค่ล้อเล่น"
"งั้นถ้าหากว่าไม่มีหนังสือสัญญาฉบับนี้ล่ะก็พวกคุณจะออกมาพูดอย่างนี้มั้ย"
ไป๋ฉิงเฉินที่ยืนอยู่ตรงนั้นตอนนี้พูดก็ไม่ได้มองดูหน้าของไป๋จินเหลียนที่กำลังโกรธจัดแต่มองไปปที่หนังสือสัญญาที่อยู่ในมือคุณย่า
"เอาล่ะๆพอแล้วพอแล้ว....ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเรื่องนี้ก็ถือว่าแล้วแล้วไปละกันจินเหลียนต่อไปพูดอะไรก็คิดหน่อยล่ะกันเพราะยังไงฉิงเฉินก็เป็นพี่สาวเธออีกเรื่องฉิงเฉินเธอรีบไปจัดการเรื่องนี้ตามที่ในหนังสือสัญญาระบุไว้เถอะ"
ต่อไม่หวังซิ่วอวิ้นก็เอ่ยปากพูดก็ทำให้ทุกคนหยุดพูด
แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าคุณย่าลำเอียงไปหาไป๋จินเหลียน
ไป๋จินเหลียนที่มองไปที่หวังสิ้วอวิ้นที่เดินมาหาทีละก้าวทีละก้าวจากนั้นก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ย:"การที่ทำให้โรงกลั่นเหล้าเสฉวนยอมร่วมมือกับเราเป็นครั้งแรกต้องยกความดีความชอบให้กับฉิงเฉินมากที่สุดต่อไปพวกเธอก็ต้องเรียนรู้จากฉิงเฉินไว้ด้วยคิดให้มากว่าจะทำยังไงให้บริษัทพัฒนาไม่ใช่มัวแต่ใช้ชีวิตกินดื่มไปวันๆ"
หลังจากพูดจบหวังสิ้วอวิ้นก็ตบไปที่ไหล่ของไป๋ฉิงเฉินเบาๆจากนั้นก็ยิ้มให้หล่อนอย่างจริงใจ
"คุณย่าหนูรู้ค่ะว่าจะทำยังไง"
จากนั้นหวังสิ้วอวิ้นก็เดินไปหาไป๋จินเหลียนเอ่ยเสียงเรียบออกมา:"จิตเหลียวยังไม่ไปขอโทษฉิงเฉินอีกช่างไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เสียจริง..."
"คุณย่า......"
"ขอโทษ!"
ไป๋จินเหลียนที่มองไปที่ไป๋ฉิงเฉินอย่างเกลียดชังจากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วเอ่ย:"ขอโทษ!"
จากนั้นก็หันหลังให้ไม่มองแม้แต่หวังสิ้วอวิ้นที่เดินออกไป
หลังจากรอให้หวังสิ้วอวิ้นเดินออกจากห้องทำงานไปแล้ว
ไป๋ฉิงเฉินยังคงรู้สึกไม่สบายใจทำไมไป๋ฉิงเฉินจะไม่รู้ว่าคุณย่าลำเอียงไปหาไป๋จินเหลียนถึงแม้หล่อนจะรู้ว่าจะให้ไป๋จินเหลียนคุกเข่าให้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่ไป๋ฉิงเฉินคิดไม่ถึงว่าคุณย่าจะมาจบเรื่องอย่างนี้แม้แต่เงื่อนไขสำคัญยังไม่อ่านต่อหน้าคนในตระกูลอีก
ทันใดนั้นไป๋ฉิงเฉินก็มีความรู้สึกนี้ขึ้นมาว่าตัวเองในสายตาของคนในตระกูลนั้นเหมือนกับว่าเดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับหล่อนเลย
"ไป๋ฉิงเฉินเห็นรึยังว่าคุณย่ารักฉันอย่าคิดว่าเธอได้หนังสือสัญญาฉบับนี้มาแล้วเธอจะคิดว่าตัวเองเก่งถือดีได้หรอกนะฉันจะบอกอะไรเธอให้นะเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆหรอกเธอรอดูเถอะ!"
ไป๋จินเหลียนชี้ไปที่หน้าของไป๋ฉิงเฉินพร้อมกับเอ่ยปากพูดข่มขู่
และตอนนั้นคนที่ยังไม่ได้เดินออกปก็ทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ยินกลัวว่าจะหาเรื่องใส่ตัว
ไป๋ฉิงเฉินที่ตอนนี้รู้สึกอึดอัด
พอออกมาจากเทียนไป๋กรุ๊ปเฉินผิงอานก็มายืนรอไป๋ฉิงเฉินที่ข้างนอกตึกไป๋กรู๊ปแล้ว
พอมองเห็นสีหน้าของไป๋ฉิงเฉินที่ดูเสียใจก็รู้ได้ทันทีว่าจะตัองมีคนในบริษัทที่ทำให้หล่อนเสียใจที่จริงแล้วเฉินผิงอานนั้นรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นแต่ขอแค่ไป๋ฉิงเฉินคิดจะทำอะไรเขาก็ไม่ขัด
ขอแค่คอยส่งเสริมสนับสนุนเงียบๆ......
"ฉิงเฉินไม่เป็นไรใช่ไหม"
ทันใดนั้นเฉินผิงอานก็เดินเข้ามาแล้วถามปลอบ
พอไป๋ฉิงเฉินเห็นเฉินผิงอานเข้าทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาทว่าหล่อนก็รีบเช็ดออกให้ไวแล้วส่ายหน้า
"ไม่เป็นไรไม่เป็นไร...."
ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลไม่หยุด
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นที่ได้ยินต่างก็มองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่ยืนอยู่ตรงมุมด้วยสีหน้าตกใจ
"ฮ่าๆๆไป๋ฉิงเฉินเธอควไม่ใช่มาเล่นตลอกหรอกใช่มั้ย"
ไป๋จินเหลียนรีบตั้งสติมองไปที่ไป่ฉิงเฉินอย่างจริงจังก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อวานหล่อนก็มองเห็นอย่างชัดเจนว่าไป๋ฉิงเฉินเข้าไปไม่ถึงสิบนาทีก็ออกมาแล้วอย่าว่าแต่คุยเรื่องธุรกิจเลยแม้แต่หน้าของลู่เสี่ยวปอก็คงยังไม่ทันได้เจอด้วยซ้ำ
นี่ก็คือเหตุผลที่หล่อนแน่ใจในวันนี้
"เล่นตลกงั้นหรอ"
ไป๋ฉิงเฉินได้แต่พูดคำๆนั้นอีกครั้งจากนั้นก็ไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาอย่างตกใจของคนอื่น
ไป๋ฉิงเฉินได้หยิบเอกสารสัญญาที่เอาติดตัวมาด้วยออกมาจากนั้นก็มอบให้กับหวังสิ้วอวิ้นที่เป็นเลขาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ
"คุณย่านี่คือรายละเอียดของหนังสือสัญญาที่หนูได้คุยไว้กับประธานลู่ได้เขียนออกมาในรูปแบบสัญญาไว้แล้วและประธานลู่ได้เป็นคนตรวจตราเองกับมือในสัญญายังมีลายเซ็นของประธานลู่ด้วยคุณย่าสามามารถดูได้เลยค่ะ......"
ทันในนั้นสีหน้าของคนทั้งหมดก็ดีขั้น
ไป๋หย่งเซิ้งก็ค่อยขมวดคิ้วขึ้นหรือว่าไป๋ฉิงเฉินจะคุยเรื่องเซ็นสัญญาได้สำเร็จ
ไป๋หย่งเซิ้งนึกถึงตอนที่ลู่เสี่ยวปอคุยตอนอยู่บนโต๊ะทานมื้อกลางวันเมื่อวันก่อนในใจก็มีลางสังหรณ์ไม่ดีแล้ว
ส่วนหวังสิ้วอวิ้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจากนั้นก็ร็รีบเอาสัญญามาจากมือของเลขาแล้วสวมแว่นหนาเตอะตั้งใจอ่านอย่างระเอียด
ในขณะที่ไป๋ซิ่วอวิ้นเปิดสัญญาอ่านอยู่นั้นทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบ
ไป๋จินเหลียนมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่ไม่มีท่าทีเกรงกลัวในใจก็รู้สึกแปลกๆ
นี่......!
เป็นไปไม่ได้!
ไป๋จินเหลียนมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่กำลังมองอยู่ก็เอ่ยขึ้นว่าถ้า:"ไป๋ฉิงเฉินอย่าคิดว่าตัวเองได้สัญญามาแล้วก็มาเลียนแบบลายเซ็นเพื่อมาหลอกคุณย่าหรอกนะ"
"ฉันเชื่อว่าคุณย่าจะแยกแยะออก!"
ไป๋ฉิงเฉินไม่อยากพูดอะไรมากเรื่องนี้หล่อนคิดว่าคุณย่าหวังสิ้วอวิ้นที่พอดูหนังสือสัญญาแล้วจะแยกแยะออกว่าอันไหนคือสัญญาฉบับจริงหรือฉบับปลอม
"คุณแม่หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นยังไงบ้าง"
ดูออกชัดเจนว่าไป๋หย่งเซิ้งที่ยืนอยู่ข้างๆหวังซิ่วอวิ้นก็รู้สึกสงสัยอยากรู้มากเช่นกันเมื่อคืนลูกสาวของหล่อนไป๋จินเหลียนพูดออกมาอย่างชัดเจนว่าไป๋ฉิงเฉินเข้าไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำสิบนาทีจะสามารถคุยเรื่องสัญญาเสร็จได้ยังไงแม้แต่หน้าคู่สัญญายังไม่รู้เลยว่าได้เจอมั้ย
"ฉิงเฉินประธานลู่ได้พูดอะไรอีกมั้ย"
หวังซิ่วอวิ้นไม่ได้สนใจลูกชายของตนเองแค่กลับมองไปหาไป๋ฉิงเฉิน
พอหล่อนได้มองดูหนังสือสัญญาฉบับนั้นแล้วเขาก็รู้สึกตกใจมากสาเหตุก็มาจากเนื้อหาในหนังสือสัญญานั้นก็ส่งผลดีกับโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนทั้งนั้นดูแล้วไม่เหมือนกับหนังสือสัญญาทั่วไปจนหวังสิ้วอวิ้นมองครั้งแรกก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน
หนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นของปลอม
แต่ว่าลายเซ็นที่อยู่ในหนังสือสัญญาเป็นลายเซ็นของลู่เสี่ยวปอจริงและยังมีตราประทับของดรงกลั่นเหล้าเสฉวนอีกซึ่งถือว่ามีผลทางกฎหมายแล้ว
แต่ว่ารายละเอียดเงื่อนไขหลายข้อที่เขาคิดไม่ถึงมาก่อน
"ตามที่บอกว่าผู้จัดการลู่บอกให้ทำตามข้อกำหนดในสัญญารอให้ฝั่งทางพวกเราร่างสัญญาของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนขึ้นมาจากนั้นให้แต่ละแผนกจัดการวางแผนแล้วก็โทรหาเขาก็พอขอแค่เขาตรวจดูว่าผ่านแล้วความร่วมมือก็จะเริ่มต้นขึ้นทันที"
หวังสิ้วอวิ้นพยักหน้า
จากนั้นก็เอ่ย:"ไม่เลวทำได้ดี"
"คุณย่าคะหนังสือสัญญาฉบับนี้เป็นของปลอมมั้ย"
ไป๋จินเหลียนก็มีสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หวังสิ้วอวิ้นที่มองไป๋จินเหลียนอยู่ก็ก็เอ่ยออกมาเสียงเรียบ:"ในหนังสือสัญญามีตราประทับโรงกลั่นเหล้าเสฉวนและยังมีลายเซ็นของประธานลู่ยังจะบอกว่าเป็นของปลอมอีกหรอ"
ไป๋จินเหลียนถึงกับตัวสั่นจากนั้นก็มองไปที่ไป๋ฉิงเฉินด้วยแวตาเย็นชา
"หล่อนจะต้องใช้วิธีสกปรกแน่นอนถึงทำให้ประธานลู่ยอมร่วมมือด้วยคุณย่าจะต้องตรวจสอบให้ดีนะคะ"
"ไม่แน่พวกเขาออกจะมีผลประโยชน์ร่วมกันที่เราไม่รู้ก็ได้!"
พอไป๋ฉิงเฉินได้ยินอย่างนั้นก็เลยเอ่ยขึ้นเสียงเรียบว่า:"ไป๋จินเหลียนก่อนหน้านี้ฉันยอมทนเธอมาตลอดไม่คิดถือสากับเธอช่างไม่รู้จักชอบชั่วดีเสียจริง"
"เธอไม่คิดถือสากับฉันงั้นหรอไป๋ฉิงเฉิน......"
"พอแล้วไป๋จินเหลียนการพนันระหว่างเราสองคนเธอแพ้แล้วคำที่เธอพูดเองคงไม่คิดจะคืนคำหรอกนะ!"
เดิมทีไป๋ฉิงเฉินไม่อยากถือสาหาความอะไรแต่หล่อนคิดว่าจะต้องจัดการคนอย่างไป๋จินเหลียนที่มักเป็นปรปักษ์กับหล่อนมาตลอดไม่อย่างนั้นต่อไปภายภาคหน้าคนจะเป็นตัวเขัดขวางหล่อนในบริษัทตลอดแน่ถึงตอนนั้นคงจะวุ่นวายไม่หยุดหย่อน
"ฮ่าๆๆไป๋ฉิงเฉินเธอคิดว่าเธอเป็นใครกัน......"
ไป๋จินเหลียนยิ้มเย็นชาออกมาแล้วลุกขึ้นยืนมองไปหาไป๋ฉิงเฉินด้วยสีหน้าไม่ยอมแพ้
"ใช่ไป๋เฉินเรื่องนี้ไป๋จินเหลียนก็พูดไปอย่างงั้นเองแค่ล้อเล่นเท่านั้นจะถือเอาจริงได้ยังไง"
"ใช่ใช่น้องฉิงเฉินจินเหลียนก็ทำเพื่อกระตุ้นเธอเท่านั้นอีกอย่างตอนนี้ก็ได้สัญญามาแล้วถือเป็นเรื่องดีคนครอบครัวเดียวกันจะมาถือสากันทำไม"
"หลานฉิงเฉินจินเหลียนแค่ล้อเล่นกับหนูอย่าถือสาเลยตอนนี้หนังสือสัญญาก็ได้เซ็นแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องสำหรับโรงกลั่นเหล้าชิงฉันดีสำหรับคนในตระกูลตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือดำเนินการตามหนังสือสัญญารีบปรับโครงสร้างของโรงงานกลั่นเหล้าชิงฉวนให้ไวที่สุดอย่างนี้ถึงจะทำให้เราได้เงินทุนเร็วจากนั้นถึงจะทำให้สถานการณ์บริษัทของเราดีขึ้นได้"
ต่อมาไป๋หหย่งเซิ้งก็เอ่ยปากพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจังพวกเธอที่ยังเด็กกันอยู่ก็อย่าได้ถือสากันเลย
"หรอคะถ้าพวกคุณคิดว่าแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้นแล้วทำไมเมื่อวานตอนที่ไป๋จินเหลียนพูดพวกคุณถึงไม่มีใครห้ามเลยสักคน"
"ตอนนี้ที่หนูชนะการพนันพวกคุณกลับบอกว่าแค่ล้อเล่น"
"งั้นถ้าหากว่าไม่มีหนังสือสัญญาฉบับนี้ล่ะก็พวกคุณจะออกมาพูดอย่างนี้มั้ย"
ไป๋ฉิงเฉินที่ยืนอยู่ตรงนั้นตอนนี้พูดก็ไม่ได้มองดูหน้าของไป๋จินเหลียนที่กำลังโกรธจัดแต่มองไปปที่หนังสือสัญญาที่อยู่ในมือคุณย่า
"เอาล่ะๆพอแล้วพอแล้ว....ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเรื่องนี้ก็ถือว่าแล้วแล้วไปละกันจินเหลียนต่อไปพูดอะไรก็คิดหน่อยล่ะกันเพราะยังไงฉิงเฉินก็เป็นพี่สาวเธออีกเรื่องฉิงเฉินเธอรีบไปจัดการเรื่องนี้ตามที่ในหนังสือสัญญาระบุไว้เถอะ"
ต่อไม่หวังซิ่วอวิ้นก็เอ่ยปากพูดก็ทำให้ทุกคนหยุดพูด
แต่เรื่องนี้ทำให้รู้ว่าคุณย่าลำเอียงไปหาไป๋จินเหลียน
ไป๋จินเหลียนที่มองไปที่หวังสิ้วอวิ้นที่เดินมาหาทีละก้าวทีละก้าวจากนั้นก็ยิ้มให้พร้อมเอ่ย:"การที่ทำให้โรงกลั่นเหล้าเสฉวนยอมร่วมมือกับเราเป็นครั้งแรกต้องยกความดีความชอบให้กับฉิงเฉินมากที่สุดต่อไปพวกเธอก็ต้องเรียนรู้จากฉิงเฉินไว้ด้วยคิดให้มากว่าจะทำยังไงให้บริษัทพัฒนาไม่ใช่มัวแต่ใช้ชีวิตกินดื่มไปวันๆ"
หลังจากพูดจบหวังสิ้วอวิ้นก็ตบไปที่ไหล่ของไป๋ฉิงเฉินเบาๆจากนั้นก็ยิ้มให้หล่อนอย่างจริงใจ
"คุณย่าหนูรู้ค่ะว่าจะทำยังไง"
จากนั้นหวังสิ้วอวิ้นก็เดินไปหาไป๋จินเหลียนเอ่ยเสียงเรียบออกมา:"จิตเหลียวยังไม่ไปขอโทษฉิงเฉินอีกช่างไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่เสียจริง..."
"คุณย่า......"
"ขอโทษ!"
ไป๋จินเหลียนที่มองไปที่ไป๋ฉิงเฉินอย่างเกลียดชังจากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าทันทีแล้วเอ่ย:"ขอโทษ!"
จากนั้นก็หันหลังให้ไม่มองแม้แต่หวังสิ้วอวิ้นที่เดินออกไป
หลังจากรอให้หวังสิ้วอวิ้นเดินออกจากห้องทำงานไปแล้ว
ไป๋ฉิงเฉินยังคงรู้สึกไม่สบายใจทำไมไป๋ฉิงเฉินจะไม่รู้ว่าคุณย่าลำเอียงไปหาไป๋จินเหลียนถึงแม้หล่อนจะรู้ว่าจะให้ไป๋จินเหลียนคุกเข่าให้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แต่ไป๋ฉิงเฉินคิดไม่ถึงว่าคุณย่าจะมาจบเรื่องอย่างนี้แม้แต่เงื่อนไขสำคัญยังไม่อ่านต่อหน้าคนในตระกูลอีก
ทันใดนั้นไป๋ฉิงเฉินก็มีความรู้สึกนี้ขึ้นมาว่าตัวเองในสายตาของคนในตระกูลนั้นเหมือนกับว่าเดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับหล่อนเลย
"ไป๋ฉิงเฉินเห็นรึยังว่าคุณย่ารักฉันอย่าคิดว่าเธอได้หนังสือสัญญาฉบับนี้มาแล้วเธอจะคิดว่าตัวเองเก่งถือดีได้หรอกนะฉันจะบอกอะไรเธอให้นะเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆหรอกเธอรอดูเถอะ!"
ไป๋จินเหลียนชี้ไปที่หน้าของไป๋ฉิงเฉินพร้อมกับเอ่ยปากพูดข่มขู่
และตอนนั้นคนที่ยังไม่ได้เดินออกปก็ทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ยินกลัวว่าจะหาเรื่องใส่ตัว
ไป๋ฉิงเฉินที่ตอนนี้รู้สึกอึดอัด
พอออกมาจากเทียนไป๋กรุ๊ปเฉินผิงอานก็มายืนรอไป๋ฉิงเฉินที่ข้างนอกตึกไป๋กรู๊ปแล้ว
พอมองเห็นสีหน้าของไป๋ฉิงเฉินที่ดูเสียใจก็รู้ได้ทันทีว่าจะตัองมีคนในบริษัทที่ทำให้หล่อนเสียใจที่จริงแล้วเฉินผิงอานนั้นรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นแต่ขอแค่ไป๋ฉิงเฉินคิดจะทำอะไรเขาก็ไม่ขัด
ขอแค่คอยส่งเสริมสนับสนุนเงียบๆ......
"ฉิงเฉินไม่เป็นไรใช่ไหม"
ทันใดนั้นเฉินผิงอานก็เดินเข้ามาแล้วถามปลอบ
พอไป๋ฉิงเฉินเห็นเฉินผิงอานเข้าทันใดนั้นน้ำตาก็ไหลออกมาทว่าหล่อนก็รีบเช็ดออกให้ไวแล้วส่ายหน้า
"ไม่เป็นไรไม่เป็นไร...."
ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไรแต่ยิ่งพูดน้ำตาก็ยิ่งไหลไม่หยุด
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved