บทที่ 7 คนเก่งก็จะเรียบง่าย
by ฮวนเซี่ยวหงเฉิน
08:01,Mar 20,2021
เฉินผิงอานย่นคิ้วเบาๆ ฝืนยิ้มพูดว่า“ใช่สิ แต่ผมได้ลืมคนเหล่านี้ไปนานแล้ว”
“เฮ้อ พี่ เดิมทีพวกเราต่างก็เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลแล้วจะหลุดจากโคลนตมได้ยัง บัญชีในปีนั้นยังไงก็ต้องคิดล้างใหม่อีกครั้งไม่ช้าก็เร็ว”
เฉินผิงอานเงียบไปนานมาก
“กลับไปเถอะ วันหลังไม่ต้องมาที่เมืองปินแล้วถ้ามีเรื่องอะไรผมจะโทรหาคุณเอง”
พูดแล้วก็พรางดูมือถือถึงเวลาเที่ยงวันแล้ว
วันนี้เป็นวันเสาร์ทตอนเที่ยงต้องกลับไปทำอาหาร
“โอเคร ก็อย่างนี้แล้วกันผมยังต้องกลับไปทำอาหารกลางวันก็ต้องกลับก่อนแล้ว ทางเสิ่งหรงหวาคุณช่วยผมแสดงความเสียใจด้วย”
พูดจบเฉินผิงอานก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากวิลล่า
“โธ่……พี่……”
หวังเหย่ไล่ตามออกไปรู้ว่าพี่ชายคนนี้ของตัวเองได้ตัดสินใจแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกแล้วก็รีบส่งสายตาให้กับอาเป้าที่ยืนอยู่ไม่ไกล อาเป้าจึงรีบตามออกไปเปิดประตูรถ
อีกทั้งเสิ่งหรงหวาที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้ยังคิดว่าตัวเองทำไม่ดีตรงไหนแล้วจึงกระวีกระวาดตามออกไป
“คุณหวัง นายน้อยเฉินนี่คือ……”
เสิ่นหรงหวาในใจก็คิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำไม่ดีตรงไหนนี่ หรือนี่จะล่วงเกินพี่ใหญ่ที่เก็บซ่อนท่านนี้แล้ว?
“พอแล้ว ไม่มีอะไร พี่ชายผมมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยขอตัวกลับบ้านไปก่อน”
“เอ่อ คุณหวังผมได้จัดเตรียมอาหารกลางวันที่เรียบง่ายไว้แล้ว ไม่งั้น……”
หวังเหย่มองรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่หายไปจากสายตาค่อยๆ ส่ายหน้าพูดว่า“ไม่ต้องหรอก ผมต้องรีบกลับไปไว้ครั้งหน้าแล้วกัน”
“……”
“ใช่แล้ว ประธานเสิ่นพี่ผมอาจจะยังต้องอยุ่ที่เมืองปินสักระยะ ช่วงเวลานี้คุณช่วยผมดูแลสักหน่อยแต่อย่าไปรบกวนการใช้ชีวิตของพี่อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ไม่อนุญาตเปิดเผยฐานะของพี่ชายผมต่อคนอื่นใดโดยเฉพาะคนข้างกายของเขา ผมรู้ว่าประธานเสิ่นเป็นคนฉลาดนอกจากนี้ผมทิ้งเบอร์โทรของเลขาของผมไว้ให้ประธานเสิ่น ถ้าหากคุณมีความต้องการอะไรสามารถโทรหาเบอร์ของเลขาผมได้”
พูดจบหวังเหย่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแล้วก็เดินไปทางรถรถเฟอร์รารีคันนั้น
เสิ่นหรงหวาได้ยินก็พยักหน้า สามารถเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองปินได้เสิ่นหรงหวาก็มีสายตาและข้อมือที่เด็ดขาด แล้วรีบยิ้มเบาๆ แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับสาวสวยสูงยาวคนนั้นนี่ถึงได้ยืนทำความเคารพอย่างนบน้อบที่ด้านข้างรถเฟอร์รารี
“เสิ่นหวา คนเหล่านี้เป็นใครเหรอ?ก็คือคนที่คุณพูดว่าเป็นคนของพี่เชว่นั้นของปักกิ่งเหรอ?”
หลังรอรถเฟอร์รารีได้หายไปในวิลล่าบนยอดเขา ภรรยาของเสิ่นหรงหวาถึงเอ่ยปากออกมา
เสิ่งหรงหวามีสีหน้าที่สับสน ส่ายหัวด้วยใบหน้าที่มีความผิดหวังอย่างปิดบังไม่ได้
“ไม่หยุด ไม่หยุดอ่า!”
ระหว่างที่เสิ่นหรงหวาพูดก็หมุนตัวเดินไปทางวิลล่า
“นายท่าน……”
“อาฝู จำได้หรือยังนายน้อยเฉินมีชื่อว่าเฉินผิงอาน นายไปสืบอย่างระวังหน่อยว่าเขาอยู่ส่วนไหนของเมืองปินข้างกายที่ติดต่อมีใครบ้าง จำไว้ไม่สามารถรบกวนถึงเขาได้และทำให้เขารู้ได้อย่างเด็ดขาด”
รปภ.ที่เข้ามาต้อนรับก่อนหน้านี้คนนั้นรีบพยักหน้า เขามีชื่อว่าเฉียนฝูติดตามเสิ่นหรงหวามาตั้งแต่เด็กวันนี้สามสิบปีเต็มแล้ว เพียงสายตาของเสิ่งหรงหวาก็รู้ว่าต้องทำอะไรอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงให้ชัดเจนอย่างนี้ อีกทั้งสำหรับเขาแล้วมีความสนใจต่อเฉินผิงอานเป็นอย่างมาก
“อาเป้า คุณก็กลับปักกิ่งไปเถอะมีเรื่องอะไรผมโทรหาคุณก็พอแล้ว”
“นายน้อยเฉิน……งั้นก็ได้ มีเรื่องอะไรต้องโทรหาผมนะ”
เฉินผิงอานพยักหน้าก็ลงจากรถไปทันทีหลังจากนั้นก็เดินเข้าไปห้องรปภ. เวลานี้ห้องรปภ. ไม่มีใครอยู่ เฉินผิงอานก็ไม่ได้สนใจอะไรมากแล้ว มันก็เป็นเวลาเที่ยงแล้วจึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากลับบ้านทันที
มองเห็นเงาหลังของเฉินผิงอานหายไป อาเป้าจึงส่ายหน้าฝืนยิ้มนี่ถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ในเมื่อตอนนี้นายน้อยเฉินไม่ยินยอมกลับมาควบคุมสถานการณ์ งั้นก็ไม่ไปรบกวนเขาชั่วคราวคุณก็กลับมาเถอะถึงยังไงหวังเหย่ก็ได้เจอกับนายน้อยเฉินแล้ว รอเขากลับมาฉันจะพูดคุยอย่างละเอียดกับเขา คุณจัดการสักหน่อยและก็กลับมาเถอะ”
เสียงที่มีเสน่ห์มากของสายโทรศัพท์นั้น
“ทราบแล้ว พี่เชว่”
……
“ฉันพูดว่าผิงอาน ตอนสายคุณไปที่ไหนมา?”
กินข้างกลางวันแล้วเฉินผิงอานเพิ่งถึงห้องรักษาความปลอดภัยรปภ. ที่ผอมแห้งเมื่อเช้าคนนั้นก็ถามและเดินออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัย
เฉินผิงอานจอดรถสนิทค่อยๆ ยิ้มพูดว่า“ไม่มีอะไร หัวหน้าให้ผมไปทำธุระให้ มีไรเหรอ?หรือว่าตอนสายมีเรื่องอะไร?”
เฉินผิงอานไม่สามารถบอกได้อยู่แล้วว่าตัวเองไปทำอะไรมา อีกทั้งตอนเช้าอาเป้าตีซุนต้าหย่งเรื่องนี้เฉินผิงอานก็อยากจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอะไรหรือเปล่า คนอย่างซุนต้าหย่งเกรงว่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้
“เอ่อ งั้นก็ไม่เป็นอะไรแต่กลับมีเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ซุนต้าหย่งพูดว่าหาเวลาไปเลี้ยงกินเที่ยวกับพวกเรา พูดว่าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพวกเรายังพูดอีกว่าวันหลังสู้ๆ ก้าวหน้าไปพร้อมกัน ถึงยังไงมีท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนคนอื่น”
เฉินผิงอานหัวเราะช้า ๆ เขากลับรู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ดูแล้วซุนต้าหย่งเอาคำพูดของอาเป้าฟังเข้าในหัวแล้ว
อย่างนี้ก็ดี ตัวเองเป็นรปภ. ที่นี่ก็อิสระมากยังไม่อยากเปลี่ยนงานชั่วคราว
“เฮ้อ ผิงอาน คุณว่าไอ้ชั่วนั่นจะคิดพยายามทำร้ายอะไรพวกเราอีก?”
เฉินผิงอานเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัยก็ใส่หมวกเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงของซุนต้าหย่งดังขึ้นที่ด้านนอกของห้องรักษาความปลอดภัย
“ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วควรจะทำอะไรก็ทำอย่าชักช้ายืดยาด”
ถึงแม้เสียงที่พูดจะดังไปเล็กน้อย แต่น้ำเสียงและท่าทางก็แสดงออกว่าอ่อนโยนไปไม่น้อย
“ทราบแล้วหัวหน้า!”
รปภ. ผอมแห้งรีบกระพริบตามาทางเฉินผิงอานบ่งบอกว่าตัวเขาเองได้รับความสุขมากกว่าขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ
ยังไงซุนต้าหย่งวันนี้รู้สึกว่าดูแปลกประหลาด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย……
เฉินผิงอานพยักหน้า
รอรปภ. ผอมแห้งนั่นออกไป ซุนต้าหย่งมองซ้ายมองขวาแล้วก็เดินย่องเบาทางห้องรักษาความปลอดภัย บนหน้าที่กลมใหญ่เหมือนจานนั่นเต็มไปด้วยความเคารพและเกรงกลัวเพราะว่าดวงตานั่นได้หรี่ลงเป็นเส้นเดียวบนใบหน้ายิ้มนั่นแล้ว
“นายน้อยเฉิน ไม่งั้นคุณไปพักผ่อนเถอะผมมาช่วยคุณเฝ้า”
ตอนเช้าซุนต้าหย่งได้รู้จักฐานะที่แท้จริงของเฉินผิงอานแล้ว
“หัวหน้า ยังไงผมจัดการเองแล้วกัน นี่คุณไม่ใช่เตรียมตัวจะไล่ผมออกไปใช่ไหม?”
“กล้าที่ไหน กล้าที่ไหน นายน้อยเฉิน……คุณ……ผม……”
ได้ยินคำพูดของเฉินผิงอาน ซุนต้าหย่งก็ร้อนรนจนเหงื่อไหลออกมา
“ไม่เป็นไร ซุนต้าหย่งเรื่องเมื่อเช้าก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นผมยังต้องทำงานอย่างปกติ เงินเดือนของผมไม่สามารถน้อยลงได้ งานของผมนี้ยังไงผมมาทำเองแล้วกัน นี่เป็นความลับระหว่างพวกเราถ้าคุณพูดออกไปงั้นพี่น้องของผม……”
“ทราบแล้ว ทราบแล้ว นายน้อยเฉินคุณว่ายังไงก็อย่างนั้นล่ะ วันหลังผมซุนต้าหย่งรับรองว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยเฉิน”
ซุนต้าหย่งรีบแสดงการตัดสินใจ เดิมทีตอนเย็นเขายังคิดที่จะกลับไปบอกเรื่องนี้กับลุงของตัวเอง ตอนนี้คิดอยู่ว่าโชคดีที่ไมได้บอก
“นายน้อยเฉินเรื่องนี้ก็เป็นฟางซื่อหวาบังคับผม ยังไงผมก็แค่รปภ. เล็ก ๆ คนหนึ่ง ฟางซื่อหวานั่นเป็นนายน้อยของบ้านตระกูลฟาง ผม……”
เฉินผิงอานตัดบทคำพูดของซุนต้าหย่ง จากนั้นพูดด้วยเสียงที่หนักว่า“คุณก็ตอบกลับเขาไปว่าได้จัดการเรียบร้อยแล้วก็พอแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
ซุนต้าหย่งเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากแล้วพยักหน้า
มองซุนต้าหย่งแวบหนึ่ง ที่จริงแล้วถึงแม้เฉินผิงอานมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อซุนต้าหย่งแต่คนนี้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่อาศัยคนที่มีอำนาจมากไปก็เท่านั้นแต่สังคมในตอนนี้ล้วนไม่ใช่เป็นคนอย่างนี้เหรอ?
อีกทั้งซุนต้าหย่งเคยถูกอาเป้าจัดการมาแล้ว เฉินผิงอานก็ไม่อยากเขียนเพิ่มเติมในเรื่องนี้ให้มากความ
ในขณะที่ซุนต้าหย่งยังอยากที่จะพูดเลี้ยงข้าวเฉินผิงอานในตอนเย็นนั้น โทรศัพท์ของเฉินผิงอานก็ดังขึ้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ เวลานี้เฉินผิงอานรับโทรศัพท์ในเวลาทำงานก็ถูกซุนต้าหย่งพบแล้ว ไม่เพียงด่ายกใหญ่ยังถูกหักเงินเดือน
แต่เวลานี้ซุนต้าหย่งรีบปิดปากยืนอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม
“อะไร เวลานี้?”
หัวคิ้วของเฉินผิงอานย่นเบาๆ
“ไม่ใช่ คุณเฉินตอนที่คุณเฉินว่าง ถ้าตอนนี้มีเวลาว่างผมจะส่งรถมารับคุณทันที”
“เอ่อ……”
“นายน้อยเฉินถ้าคุณมีธุระก็ไปทำธุระเถอะ ที่นี่ผมช่วยคุณเฝ้าให้ก็ได้แล้ว”
ซุนต้าหย่งที่อยู่ด้านข้างรีบพยักหน้าโค้งคำนับ
นี่ถ้าถูกรปภ.คนอื่นมองเห็นนี่คงจะต้องตกใจจนทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ งั้นก็ได้ ผมมาหาคุณ”
เดิมทีในใจของเฉินผิงอานยังคิดถึงวันเกิดของพ่อตาในตอนเย็นที่ไป๋ฉิงเฉินพูดไว้เมื่อกลางวัน ให้เขาเตรียมของขวัญไว้แล้วแสดงตัวให้ดีๆ อะไรแบบนี้
ในเมื่อเสิ่นหรงหวาทางนั้นมีเรื่องจะปรึกษากับตัวเอง งั้นก็พอดีที่จะสามารถหาของเล็กๆ จากเสิ่งหรงหวาทางนั้นได้ถึงแม้เฉินผิงอานไม่อยากที่จะเอาเปรียบ แต่บนตัวของเขาตอนนี้ไม่มีเงินมากเท่าไหร่จริง ๆ
วางสายโทรศัพท์เฉินผิงอานยังไม่ได้เอ่ยปาก ซุนต้าหย่งก็พูดขึ้นมา
“นายน้อยเฉินคุณไปธุระของคุณเถอะ วันหลังคุณมีเรื่องอะไรก็บอกผมสักหน่อยก็ได้แล้วมาหรือไม่มาทำงานก็ไม่เป็นอะไร”
ซุนต้าหย่งทำตัวเก่งมาก ถ้ายืนอยู่ข้างบุคคลใหญ่โตที่แอบซ่อนอย่างนี้ไม่แน่ว่าแค่ประโยคเดียวตัวเองก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้……
“งั้นก็ได้ ผมไปแล้ว”
ก็ไม่เกรงใจกับซุนต้าหย่ง เฉินผิงอานขี่รถมอเตอร์ไซค์เล็กของตัวเองออกไป
มองเฉินผิงอานที่ขับมอเตอร์ไซค์เล็กและใส่ชุดเครื่องแบบรปภ. ทั้งตัว ซุนต้าหย่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เรียบง่ายมากจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนเก่ง แอบซ่อนข้างกายตัวเองมานานอย่างนี้ วันนี้ตัวเองถึงจะรู้……โชคดีที่ตัวเองไม่รีบร้อนลงมือ เหี้ย ฟางซื่อหวาไอ้งี่เง่านี่คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง คิดไม่ถึงว่าจะหาเรื่องคนอย่างนี้ได้ผมอยากจะเห็นเขาถูกคนอื่นหยอกล้อให้ตายยังไง……”
“เฮ้อ พี่ เดิมทีพวกเราต่างก็เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลแล้วจะหลุดจากโคลนตมได้ยัง บัญชีในปีนั้นยังไงก็ต้องคิดล้างใหม่อีกครั้งไม่ช้าก็เร็ว”
เฉินผิงอานเงียบไปนานมาก
“กลับไปเถอะ วันหลังไม่ต้องมาที่เมืองปินแล้วถ้ามีเรื่องอะไรผมจะโทรหาคุณเอง”
พูดแล้วก็พรางดูมือถือถึงเวลาเที่ยงวันแล้ว
วันนี้เป็นวันเสาร์ทตอนเที่ยงต้องกลับไปทำอาหาร
“โอเคร ก็อย่างนี้แล้วกันผมยังต้องกลับไปทำอาหารกลางวันก็ต้องกลับก่อนแล้ว ทางเสิ่งหรงหวาคุณช่วยผมแสดงความเสียใจด้วย”
พูดจบเฉินผิงอานก็หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากวิลล่า
“โธ่……พี่……”
หวังเหย่ไล่ตามออกไปรู้ว่าพี่ชายคนนี้ของตัวเองได้ตัดสินใจแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกแล้วก็รีบส่งสายตาให้กับอาเป้าที่ยืนอยู่ไม่ไกล อาเป้าจึงรีบตามออกไปเปิดประตูรถ
อีกทั้งเสิ่งหรงหวาที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้ยังคิดว่าตัวเองทำไม่ดีตรงไหนแล้วจึงกระวีกระวาดตามออกไป
“คุณหวัง นายน้อยเฉินนี่คือ……”
เสิ่นหรงหวาในใจก็คิดว่าตัวเองก็ไม่ได้ทำไม่ดีตรงไหนนี่ หรือนี่จะล่วงเกินพี่ใหญ่ที่เก็บซ่อนท่านนี้แล้ว?
“พอแล้ว ไม่มีอะไร พี่ชายผมมีเรื่องส่วนตัวนิดหน่อยขอตัวกลับบ้านไปก่อน”
“เอ่อ คุณหวังผมได้จัดเตรียมอาหารกลางวันที่เรียบง่ายไว้แล้ว ไม่งั้น……”
หวังเหย่มองรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่หายไปจากสายตาค่อยๆ ส่ายหน้าพูดว่า“ไม่ต้องหรอก ผมต้องรีบกลับไปไว้ครั้งหน้าแล้วกัน”
“……”
“ใช่แล้ว ประธานเสิ่นพี่ผมอาจจะยังต้องอยุ่ที่เมืองปินสักระยะ ช่วงเวลานี้คุณช่วยผมดูแลสักหน่อยแต่อย่าไปรบกวนการใช้ชีวิตของพี่อย่างเด็ดขาด นอกจากนี้ไม่อนุญาตเปิดเผยฐานะของพี่ชายผมต่อคนอื่นใดโดยเฉพาะคนข้างกายของเขา ผมรู้ว่าประธานเสิ่นเป็นคนฉลาดนอกจากนี้ผมทิ้งเบอร์โทรของเลขาของผมไว้ให้ประธานเสิ่น ถ้าหากคุณมีความต้องการอะไรสามารถโทรหาเบอร์ของเลขาผมได้”
พูดจบหวังเหย่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแล้วก็เดินไปทางรถรถเฟอร์รารีคันนั้น
เสิ่นหรงหวาได้ยินก็พยักหน้า สามารถเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองปินได้เสิ่นหรงหวาก็มีสายตาและข้อมือที่เด็ดขาด แล้วรีบยิ้มเบาๆ แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับสาวสวยสูงยาวคนนั้นนี่ถึงได้ยืนทำความเคารพอย่างนบน้อบที่ด้านข้างรถเฟอร์รารี
“เสิ่นหวา คนเหล่านี้เป็นใครเหรอ?ก็คือคนที่คุณพูดว่าเป็นคนของพี่เชว่นั้นของปักกิ่งเหรอ?”
หลังรอรถเฟอร์รารีได้หายไปในวิลล่าบนยอดเขา ภรรยาของเสิ่นหรงหวาถึงเอ่ยปากออกมา
เสิ่งหรงหวามีสีหน้าที่สับสน ส่ายหัวด้วยใบหน้าที่มีความผิดหวังอย่างปิดบังไม่ได้
“ไม่หยุด ไม่หยุดอ่า!”
ระหว่างที่เสิ่นหรงหวาพูดก็หมุนตัวเดินไปทางวิลล่า
“นายท่าน……”
“อาฝู จำได้หรือยังนายน้อยเฉินมีชื่อว่าเฉินผิงอาน นายไปสืบอย่างระวังหน่อยว่าเขาอยู่ส่วนไหนของเมืองปินข้างกายที่ติดต่อมีใครบ้าง จำไว้ไม่สามารถรบกวนถึงเขาได้และทำให้เขารู้ได้อย่างเด็ดขาด”
รปภ.ที่เข้ามาต้อนรับก่อนหน้านี้คนนั้นรีบพยักหน้า เขามีชื่อว่าเฉียนฝูติดตามเสิ่นหรงหวามาตั้งแต่เด็กวันนี้สามสิบปีเต็มแล้ว เพียงสายตาของเสิ่งหรงหวาก็รู้ว่าต้องทำอะไรอยู่แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงให้ชัดเจนอย่างนี้ อีกทั้งสำหรับเขาแล้วมีความสนใจต่อเฉินผิงอานเป็นอย่างมาก
“อาเป้า คุณก็กลับปักกิ่งไปเถอะมีเรื่องอะไรผมโทรหาคุณก็พอแล้ว”
“นายน้อยเฉิน……งั้นก็ได้ มีเรื่องอะไรต้องโทรหาผมนะ”
เฉินผิงอานพยักหน้าก็ลงจากรถไปทันทีหลังจากนั้นก็เดินเข้าไปห้องรปภ. เวลานี้ห้องรปภ. ไม่มีใครอยู่ เฉินผิงอานก็ไม่ได้สนใจอะไรมากแล้ว มันก็เป็นเวลาเที่ยงแล้วจึงรีบขี่มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากลับบ้านทันที
มองเห็นเงาหลังของเฉินผิงอานหายไป อาเป้าจึงส่ายหน้าฝืนยิ้มนี่ถึงได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“ในเมื่อตอนนี้นายน้อยเฉินไม่ยินยอมกลับมาควบคุมสถานการณ์ งั้นก็ไม่ไปรบกวนเขาชั่วคราวคุณก็กลับมาเถอะถึงยังไงหวังเหย่ก็ได้เจอกับนายน้อยเฉินแล้ว รอเขากลับมาฉันจะพูดคุยอย่างละเอียดกับเขา คุณจัดการสักหน่อยและก็กลับมาเถอะ”
เสียงที่มีเสน่ห์มากของสายโทรศัพท์นั้น
“ทราบแล้ว พี่เชว่”
……
“ฉันพูดว่าผิงอาน ตอนสายคุณไปที่ไหนมา?”
กินข้างกลางวันแล้วเฉินผิงอานเพิ่งถึงห้องรักษาความปลอดภัยรปภ. ที่ผอมแห้งเมื่อเช้าคนนั้นก็ถามและเดินออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัย
เฉินผิงอานจอดรถสนิทค่อยๆ ยิ้มพูดว่า“ไม่มีอะไร หัวหน้าให้ผมไปทำธุระให้ มีไรเหรอ?หรือว่าตอนสายมีเรื่องอะไร?”
เฉินผิงอานไม่สามารถบอกได้อยู่แล้วว่าตัวเองไปทำอะไรมา อีกทั้งตอนเช้าอาเป้าตีซุนต้าหย่งเรื่องนี้เฉินผิงอานก็อยากจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางความคิดอะไรหรือเปล่า คนอย่างซุนต้าหย่งเกรงว่าจะไม่หยุดอยู่แค่นี้
“เอ่อ งั้นก็ไม่เป็นอะไรแต่กลับมีเรื่องดีเรื่องหนึ่ง ซุนต้าหย่งพูดว่าหาเวลาไปเลี้ยงกินเที่ยวกับพวกเรา พูดว่าพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเขาและพวกเรายังพูดอีกว่าวันหลังสู้ๆ ก้าวหน้าไปพร้อมกัน ถึงยังไงมีท่าทางที่เปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนคนอื่น”
เฉินผิงอานหัวเราะช้า ๆ เขากลับรู้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ดูแล้วซุนต้าหย่งเอาคำพูดของอาเป้าฟังเข้าในหัวแล้ว
อย่างนี้ก็ดี ตัวเองเป็นรปภ. ที่นี่ก็อิสระมากยังไม่อยากเปลี่ยนงานชั่วคราว
“เฮ้อ ผิงอาน คุณว่าไอ้ชั่วนั่นจะคิดพยายามทำร้ายอะไรพวกเราอีก?”
เฉินผิงอานเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัยก็ใส่หมวกเรียบร้อย ก็ได้ยินเสียงของซุนต้าหย่งดังขึ้นที่ด้านนอกของห้องรักษาความปลอดภัย
“ถึงเวลาเปลี่ยนเวรแล้วควรจะทำอะไรก็ทำอย่าชักช้ายืดยาด”
ถึงแม้เสียงที่พูดจะดังไปเล็กน้อย แต่น้ำเสียงและท่าทางก็แสดงออกว่าอ่อนโยนไปไม่น้อย
“ทราบแล้วหัวหน้า!”
รปภ. ผอมแห้งรีบกระพริบตามาทางเฉินผิงอานบ่งบอกว่าตัวเขาเองได้รับความสุขมากกว่าขอความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ
ยังไงซุนต้าหย่งวันนี้รู้สึกว่าดูแปลกประหลาด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย……
เฉินผิงอานพยักหน้า
รอรปภ. ผอมแห้งนั่นออกไป ซุนต้าหย่งมองซ้ายมองขวาแล้วก็เดินย่องเบาทางห้องรักษาความปลอดภัย บนหน้าที่กลมใหญ่เหมือนจานนั่นเต็มไปด้วยความเคารพและเกรงกลัวเพราะว่าดวงตานั่นได้หรี่ลงเป็นเส้นเดียวบนใบหน้ายิ้มนั่นแล้ว
“นายน้อยเฉิน ไม่งั้นคุณไปพักผ่อนเถอะผมมาช่วยคุณเฝ้า”
ตอนเช้าซุนต้าหย่งได้รู้จักฐานะที่แท้จริงของเฉินผิงอานแล้ว
“หัวหน้า ยังไงผมจัดการเองแล้วกัน นี่คุณไม่ใช่เตรียมตัวจะไล่ผมออกไปใช่ไหม?”
“กล้าที่ไหน กล้าที่ไหน นายน้อยเฉิน……คุณ……ผม……”
ได้ยินคำพูดของเฉินผิงอาน ซุนต้าหย่งก็ร้อนรนจนเหงื่อไหลออกมา
“ไม่เป็นไร ซุนต้าหย่งเรื่องเมื่อเช้าก็ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นผมยังต้องทำงานอย่างปกติ เงินเดือนของผมไม่สามารถน้อยลงได้ งานของผมนี้ยังไงผมมาทำเองแล้วกัน นี่เป็นความลับระหว่างพวกเราถ้าคุณพูดออกไปงั้นพี่น้องของผม……”
“ทราบแล้ว ทราบแล้ว นายน้อยเฉินคุณว่ายังไงก็อย่างนั้นล่ะ วันหลังผมซุนต้าหย่งรับรองว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของนายน้อยเฉิน”
ซุนต้าหย่งรีบแสดงการตัดสินใจ เดิมทีตอนเย็นเขายังคิดที่จะกลับไปบอกเรื่องนี้กับลุงของตัวเอง ตอนนี้คิดอยู่ว่าโชคดีที่ไมได้บอก
“นายน้อยเฉินเรื่องนี้ก็เป็นฟางซื่อหวาบังคับผม ยังไงผมก็แค่รปภ. เล็ก ๆ คนหนึ่ง ฟางซื่อหวานั่นเป็นนายน้อยของบ้านตระกูลฟาง ผม……”
เฉินผิงอานตัดบทคำพูดของซุนต้าหย่ง จากนั้นพูดด้วยเสียงที่หนักว่า“คุณก็ตอบกลับเขาไปว่าได้จัดการเรียบร้อยแล้วก็พอแล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต้องสนใจแล้ว”
ซุนต้าหย่งเช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผากแล้วพยักหน้า
มองซุนต้าหย่งแวบหนึ่ง ที่จริงแล้วถึงแม้เฉินผิงอานมีความทรงจำที่ไม่ดีต่อซุนต้าหย่งแต่คนนี้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่อาศัยคนที่มีอำนาจมากไปก็เท่านั้นแต่สังคมในตอนนี้ล้วนไม่ใช่เป็นคนอย่างนี้เหรอ?
อีกทั้งซุนต้าหย่งเคยถูกอาเป้าจัดการมาแล้ว เฉินผิงอานก็ไม่อยากเขียนเพิ่มเติมในเรื่องนี้ให้มากความ
ในขณะที่ซุนต้าหย่งยังอยากที่จะพูดเลี้ยงข้าวเฉินผิงอานในตอนเย็นนั้น โทรศัพท์ของเฉินผิงอานก็ดังขึ้น
ถ้าเปลี่ยนเป็นเวลาปกติ เวลานี้เฉินผิงอานรับโทรศัพท์ในเวลาทำงานก็ถูกซุนต้าหย่งพบแล้ว ไม่เพียงด่ายกใหญ่ยังถูกหักเงินเดือน
แต่เวลานี้ซุนต้าหย่งรีบปิดปากยืนอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม
“อะไร เวลานี้?”
หัวคิ้วของเฉินผิงอานย่นเบาๆ
“ไม่ใช่ คุณเฉินตอนที่คุณเฉินว่าง ถ้าตอนนี้มีเวลาว่างผมจะส่งรถมารับคุณทันที”
“เอ่อ……”
“นายน้อยเฉินถ้าคุณมีธุระก็ไปทำธุระเถอะ ที่นี่ผมช่วยคุณเฝ้าให้ก็ได้แล้ว”
ซุนต้าหย่งที่อยู่ด้านข้างรีบพยักหน้าโค้งคำนับ
นี่ถ้าถูกรปภ.คนอื่นมองเห็นนี่คงจะต้องตกใจจนทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ งั้นก็ได้ ผมมาหาคุณ”
เดิมทีในใจของเฉินผิงอานยังคิดถึงวันเกิดของพ่อตาในตอนเย็นที่ไป๋ฉิงเฉินพูดไว้เมื่อกลางวัน ให้เขาเตรียมของขวัญไว้แล้วแสดงตัวให้ดีๆ อะไรแบบนี้
ในเมื่อเสิ่นหรงหวาทางนั้นมีเรื่องจะปรึกษากับตัวเอง งั้นก็พอดีที่จะสามารถหาของเล็กๆ จากเสิ่งหรงหวาทางนั้นได้ถึงแม้เฉินผิงอานไม่อยากที่จะเอาเปรียบ แต่บนตัวของเขาตอนนี้ไม่มีเงินมากเท่าไหร่จริง ๆ
วางสายโทรศัพท์เฉินผิงอานยังไม่ได้เอ่ยปาก ซุนต้าหย่งก็พูดขึ้นมา
“นายน้อยเฉินคุณไปธุระของคุณเถอะ วันหลังคุณมีเรื่องอะไรก็บอกผมสักหน่อยก็ได้แล้วมาหรือไม่มาทำงานก็ไม่เป็นอะไร”
ซุนต้าหย่งทำตัวเก่งมาก ถ้ายืนอยู่ข้างบุคคลใหญ่โตที่แอบซ่อนอย่างนี้ไม่แน่ว่าแค่ประโยคเดียวตัวเองก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้……
“งั้นก็ได้ ผมไปแล้ว”
ก็ไม่เกรงใจกับซุนต้าหย่ง เฉินผิงอานขี่รถมอเตอร์ไซค์เล็กของตัวเองออกไป
มองเฉินผิงอานที่ขับมอเตอร์ไซค์เล็กและใส่ชุดเครื่องแบบรปภ. ทั้งตัว ซุนต้าหย่งอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“เรียบง่ายมากจริงๆ สมแล้วที่เป็นคนเก่ง แอบซ่อนข้างกายตัวเองมานานอย่างนี้ วันนี้ตัวเองถึงจะรู้……โชคดีที่ตัวเองไม่รีบร้อนลงมือ เหี้ย ฟางซื่อหวาไอ้งี่เง่านี่คิดว่าตัวเองเก่งนักหรือไง คิดไม่ถึงว่าจะหาเรื่องคนอย่างนี้ได้ผมอยากจะเห็นเขาถูกคนอื่นหยอกล้อให้ตายยังไง……”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved