บทที่ 62 ทำน่าเกลียดเกินไป
by ฮวนเซี่ยวหงเฉิน
08:01,Mar 30,2021
เทียนไป๋กรู๊ป ที่ห้องทำงานของห้องประธานผู้บริหาร
หวังสิ้วอวิ้นที่หันหลังให้กับหวังหย่งเซิ้งแววตาของหล่อนนั้นดูสับสนแต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่
คนแก่คนนี้ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่
"คุณแม่หนังสือสัญญานั่น......ของของจริงไหมหลานฉิงเฉินนั้นหรือว่าใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานเมื่อตอนบ่ายก็สามารถได้สัญญาความร่วมมือมาแลวหรอ"
ตั้งแต่ถูกคุณแม่เรียกมาที่ห้องทำงานไป๋หย่งเซิ้งก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
"หนังสือสัญญาอยู่บนโต๊ะเธอก็ดูเอาเองสิ....ฉิงเฉินนั้นเก่งกว่หย่งกวงมากถึงแม้ว่าจะยกโรงกลั่นเหล้าให้กับบริษัทแต่ก็เป็นอย่างที่หล่อนว่าถ้าหากว่าเรื่องสัญญาคุยตกลงเสร็จแล้วหล่อนขอเป็นคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนใหม่อีกครั้ง"
อะไรนะ
พอได้ยินอย่างนั้นไป๋หย่งเซิ้งก็รีบหยิบหนังสือสัญญาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างละเอียด.......
"คุณแม่นี่มัน.....หนังสือสัญญานี่......ไม่จริงใช่ไหมหรือว่าคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้าเสฉวนโง่รึเปล่าหรือว่าผู้บริหารระดับสูงของโรงกลั่นเหล้าเสฉวนตกลงเซ็นสัญญาอย่างนี้ก็ได้หรอ"
พออ่านดูสัญญาเสร็จไป๋หย่งเซิ้งก็รู้สึกตกใจ
หนังสือสัญญานี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเขาให้ลูกชายแท้ๆได้ยกดรงกลั่นเหล้าชิงฉวน
แต่มีเพียงจุดเดียวที่ไป๋หย่งเซิ้งกลับคิดไม่ถึงข้อแรกสิทธิในการบริหารจัดการทั้งหมดของบริษัทกลับคืนเป็นของไป๋ฉิงเฉินคนอื่นไม่สสามารถมายุ่งเกี่ยวได้ข้อสองก็คือตัวเลขเงินลงทุนที่ปรากฎอยู่บนหนังสือสัญญา
เงินทุนครั้งแรกคือทั้งหมดหร้อยล้านและยังแบ่งเป็นสามครั้งครั้งที่หนึ่งคือแปดสิบล้าน
เงินก้อนนี้คือให้กับดรงกลั่นเหล้าชิงฉวนจริงๆงั้นก็ถือว่าเงินก้อนนี้ก็จะเข้าบริษัทกรู๊ปนั่นเป็นเงินมหาศาลเลยนะ
ดังนั้นหน้าที่ของคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามไป๋หย่งเซิ่งจะต้องได้รับหน้าที่นี้มาให้ได้
"ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่าหนังสือสัญญานั่นเป็นฉบับจริงแต่ว่ามีเงื่อนไขบางอย่างในสัญญาที่เราต้องคิดพิจรดู"
"คุณแม่จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน"
หวังสิ้วอวิ้นหันกลับไปมองหน้าลูกชายตัวเองที่อดจะโมโหไม่ได้
"ถ้าหากได้ได้ความสามารถในทางธุรกิจเหมือนกับพี่ใหญ่นายสักครึ่งนึงฉันที่มีอายุมากขนาดนี้แล้วยังต้องมาเป็นห่วงนายอีกอีกไม่กี่ปีฉันก็จะเกษียณอายุจากการเป็นประธานกรรมการใหญ่แล้วถ้าหากว่าตอนนี้นายยังไม่ทำคะแนนมีผลงานออกมาล่ะก็เกรงว่าเมื่อถึงตอนที่ฉันจะยกตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ให้นายคนในตระกูลบางคนอาจจะไม่ยอมก็เป็นได้นะ"
ภายในห้องทำงานมีแค่หล่อนกับลูกชายหวังสิ้วอวิ้นก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์
"คุณแม่ผมทราบแล้วผมจะพยายามครับ!"
"งั้นไหนลองบอกความคิดเห็นของนายมาซิ"
หวังสิ้วอวิ้นนั่งผ่อนคลอยอยู่บนเก้าอี้จากนั้นไป๋หย่งเซิ้งก็รีบเดินมาทุบหลังให้แล้วพูดพร้อมกับสีหน้าที่กำลังใช้ความคิด:"คุณแม่ผมคิดว่าเด็กไป๋ฉิงเฉินคนนี้ก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งคุณแม่ก็น่าจะรู้ว่าในธุรกิจนั้นไม่ใช่วว่าจะมีแค่หล่อนที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่จะรับมือได้และยังมีปัญหาสำคัญอีกเรื่องพี่ชายใหญ่นั้นก็ไม่ค่อยถูกกับแม่ตั้งแต่เด็กแล้วและจุดนี้นี่เองที่ทำให้พี่ใหญ่ออกไปจกตระกูลและสร้างครอบครัวเองก็มองออกอย่างชัดเจนแล้วคุณแม่ก็ลองคิดดูสิว่าหลานฉิงเฉินจะต้องไม่ชอบคนในตระกูลเราแน่"
"อย่าว่าแต่ไม่ชอบพวกเราเลยแม้แต่คุณแม่เขาก็ยังไม่ชอบเลย!"
หวังสิ้วอวิ้นได้ฟังอย่างนั้นก็เอ่ยออกาเสียงเย็นชาว่า:"หล่อนกล้าก็ลองดู!"
พอได้ผลไป๋หย่งเซิ้งก็รีบเอ่ยเสริม:"คุณแม่ครับตอนนี้ความคิดเกี่ยวกับครอบครัวของวัยรุ่นสมัยนี้นั้นเริมถอยไปมากอย่างเช่นท่าทีของหล่อนที่เข้ามาประชุมสิไม่ได้สนใจพวกเราแม้แต่น้อยและยิ่งตอนนี้หล่อนได้ตกลงเซ็นสัญญาได้สำเร็จและหนังสือสัญญาฉบับบี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีผลประโยชน์ต่อหล่อนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวเรามากเท่าไหร่"
"ยิ่งไปกว่านั้นคุณแม่คิดดูสิถึงแม้เฉินผิงอานจะเป็นแค่คนไร้ประโยชน์แต่เขาก็เป็นลูกเขยของตระกูลไป๋ไม่แน่บางทีเฉินผิงอานก็กำลังเล่นละครอยู่ก็เป็นได้วันนั้นผมได้ไปตรวจสอบแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาคุณแม่ลองไตร่ตรองให้ดีต่อไปถ้าโรงกลั่นเหล้ายิ่งใหญ่กว่านี้จะไม่กลายเป็นของคนอื่นหรอไม่แน่แม้แต่เทียนไป๋กรู๊ปก็ต้อง......"
หวังสิ้วอวิ้นที่กำลังไฟอยู่ก็ร้องหึออกมาพร้อมก็ลุกขึ้นยืนทันที
"หึถ้าหล่อนกล้า!แต่ว่าสิ่งที่นายพูดก็มีปัญญหาอยู่ฉิงเฉินมีจิตใจที่มุ่งมั่นทะเยอและวันนี้เรื่องเซ็นสัญญาก็เป็นหล่อนที่ไปคุยจนได้มาวันนี้ในที่ประชุมก็มีบ้างที่ไม่ได้เห็นพวกเราอยู่ในสายตาอาจจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมของหล่อนก็เป็นได้"
ไป๋หย่งเซิ้งรีบพยักหน้าโดยเร็ว
"คุณแม่ที่จริงแล้วประธานลู่แห่งโรงกลั่นเหล้าสฉวนนั้นผมเคยเจอเขามาก่อนเขาเป็นคนพูดง่ายและตอนนี้สัญญาก็เซ็นมาแล้วถ้าอย่างนั้น......"
ไป๋หย่งเซิ้งยังพูดไม่ทันจบแต่หวังสิ้วอวิ้นก็รู้ว่าลูกชายของตัวเองจะพูดอะไรต่อ
"คุณแม่ครับที่จริงผมไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้นผมก็แค่คิดเท่านั้นธุรกิจเงินลงทุนเป็นร้อยล้านหลานฉิงเฉินคงจัดการคนเดียวไม่ไหวหรอกและหล่อนก็ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อนและครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้โรงกลั่นเหล้าชิงฉวนฟื้นคือมามีชีวิตอีกครั้งเท่านั้นไม่แน่เทียนไป๋กรู๊ปของเราอาจจะรุ่งเรื่องขึ้นมาใหม่อีกครั้งสถานการณ์บริษัทของพวกเราเป็นยังไงคุณแม่น่าจะรู้ดีว่ากว่าผมอีก"
หวังสิ้วอวิ้นพ่นลมหายใจออกมายาวๆจากนั้นก็พยักหน้า
"ครั้งนี้นายก็ทำให้ดีถือว่าเป็นโอกาสของนายไม่อย่างนั้นนายก็ไม่มีสิทธิได้นั่งตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการเธอก็น่าจะรู้ดีว่าพวกที่ไม่ยอมทำงานในบริษัทสามารถทำอะไรได้บ้างแต่ในสัญญาก็เขียนหุ้นของพวกเขาไว้อย่างชัดเจนและในสายตาของพวกเขาเห็อะไรบ้างฉันก็รู้ยิ่งยิ่งกว่าเธอถ้าหากไม่สามารถทำรายได้เข้ามาได้พวกเขาจะเลือกนายไหม"
หวังสิ้วอวิ้นมงไปที่ลูกชายของตัวเองพร้อมพูดอย่างฝากความหวัง
"เอาล่ะเรื่องนี้ให้นายสั่งการลงไปให้ไปเตรียมการไว้เถอะเดี๋ยวส่วนฉันจะโทรหาไป๋ฉิงเฉินว่าโปรเจ็คนี้นายรับผิดชอบกับประธานลู่"
"ครับคุณแม่!"
ไป๋หย่งเซิ้งพอได้ยินอย่างนั้นก็ตอบรับคำด้วยความดีใจ
ในใจนั้นก็ยิ้มอออกมาอย่างเยือกเย็นไป๋ฉิงเฉินอยากจะพึ่งอาศัยสัญญานี้เพื่อยกตัวเองขึ้นมาไม่มีทางหรอกในตระกูลไป๋หล่อนยังไม่ได้มีความสำคัญอะไร
ไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่พูดอะไร
โจวหมิงเฟิ้งยังคิดว่าเฉินผิงอานรังแกลูกสาวตระกูลไป๋พอกลับถึงบ้านก็บ่นไม่หยุดเฉินผิงอานก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีต่อมาไป๋ฉิงเฉินก็เริ่มมีน้ำโหโจวหมิงเฟิ้งถึงได้หยุดพูดอยากจะไปพยังไป๋หย่งกวงที่กลับมาพักฟื้นี่บ้านออกมาถามลูกสาวของตัวเองว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เฉินผิงอานรู้ว่าภรรยาของตัวเองนั้นน่าสงสารแค่ไหนแต่เขาก็ไม่รู้จะพูดปลอบไป๋ฉิงเฉินยังไงและพอดีถึงเวลาทานข้าวเฉินผิงอานเลยรีบเข้าไปเตรียมอาหารในครัว
และเวลานั้นเองไป๋ฉิงอานก็ได้รับสายจากคุณย่าหวังสิ้วอวิ้น
และหลังจากที่วางโทรศัพท์ไปไป๋ฉิงเฉินก็ถึงกับกำโทรศัพท์แน่น
กริ๊ด!
ร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังแล้วก็ก้มหน้าใส่หน้าขาสองข้างแล้วระเบิดร้องให้ออกมา
"ฉิงเฉินเป็นอะไรหรอ"
พอได้ยินเสียงโจวหมิงเฟิ้งก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง
เดินไปหาไป๋ฉิงเฉินและถามอย่างร้อนใจ
"ฉิงเฉินเป็นอะไรบอกแม่ซิแม่ร้อนใจจะแย่แล้ว!"
ใครจะไม่รักลูกสาวของตัวเองโจวหมิงเฟิ้งที่เห็นลูกสาวตัวเองมีสภาพเป็นอย่างนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเจอเรื่องกระทบจิตใจมากแน่
และต่อมาเฉินผิงอานก็เดินออกมาจากในครัวมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินด้วยความรักและสงสาร
"เฉินผิงอานเป็นนายใช่ไหมเป็นนายใช่ไหมที่ทำร้ายฉิงเฉินของฉัน"
"แม่...."
"นายกับฉิงเฉินออกไปพร้อมกันและพอกลับมาก็เป็นอย่างนี้นาย....."
ต่อมาไป๋ฉิงเฉินก็เงยหน้าขึ้นมาโผเข้ากอดโจวหมิงเฟิ้งร้องไห้พร้อมพูด:"แม่อย่าไปโทษผิงอานเป็นคุณย่าและอารองเป็นพวกเขา"
หาาา
และทันใดนั้นไป๋หย่งกวงที่ยืนอยู่หน้าประตูในมือมีไม้ค้ำพยุงเดินมาข้างโซฟาแล้วเอ่ยถาม:"คุณแม่และหย่งเซิ้งงั้นหรือ"
ต่อมาไป๋ฉิงเฉินก็ได้หยิบทิชชูมาซับน้ำตาแล้วเอ่ยเล่า:"เดิมทีหนังสือสัญญาฉบับนี้หนูไม่ได้อยากจะไปคุยตั้งแต่แรกแต่เพราะอารองพวกเขาจินเหลียนบอกว่าถ้าหนูสามารถเซ็นสัญญามาได้เขาจะคุกเข่าให้และยังพูดจาไม่ดีอีกมากหนูเลยพลั้งปากรับปากไปแต่พอหนูไปคุยและได้สัญญามาพวกเขากลับบอกว่าแค่พูดล้อเล่นยิ่งไปกว่านั้นคุณย่าพึ่งโทรมาหาหนูเมื่อกี้เรื่องสัญญาไม่ใหหนูเข้าไปยุ่งแล้วให้อารองตามต่อกับประธานลู่ของโรงกลั่นเหล้าเสฉวนแม่ทำไม่พวกเขาถึงได้รังแกคนได้อย่างนี้!"
พอได้ยินอย่างนั้นโจวหมิงเฟิ้งก็ก่นด่าออกมาทันที
"ไป๋หย่งเซิ้งไอ้คนหน้าไม้อายและยังมีคุณแม่ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ฉันจะต้องไปถามกับคุณแม่ให้รู้เรื่อง"
"เรื่องนี้คุณแม่ทำเกินไปจริงๆ!"
ทันใดนั้นไปหย่งกวงก็มองหน้าลูกสาวตัวเองด้วยความสงสารแต่ตอนนี้จะให้เขาทำยังไง
"เกินไปงั้นหรอไป๋หย่งกวงคุณก็เป็นอย่างนี้ลูกสาวตัวเองถูกรังแกคุณแค่พูดออกมาแค่คำเดียว่าเกินไปแล้วก็จบหรอคุณโทรไปถามแม่คุณให้รู้เรื่องเลยเคยเห็นไป๋ฉิงเฉินที่เป็นหลานสาวคนนึงอยู่ในสายตาบ้างไหมและเคยมาสนใจลูกชายอย่างคุณบ้างไหมคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เรื่องใหญ่ขนาดนี้มีคนในตระกูลเคยมาเยี่ยมคุณสักคนบ้างไหม"
"ทุกคนก็ต่างอยากได้บริษัทของพวกเราละตอนนี้ก็ยกบริษัทให้แล้วและฉิงเฉินก็ได้ไปตกลงเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็คิดจะเตะเราออกไปบางครั้งจะก็สงสัยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมาเล่นงานบริษัทเราจะใช่คนตระกูลไป๋ละยังมีเรื่องที่คุณเกิดอุบัติเหตุอีก......"
"พอแล้วอย่าพึ่งมาพูดเเรื่องที่ยังไม่มีหลักฐาน"
ไป๋หย่งกวงที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ฉันจะพูดแล้วจะทำไมล่ะหรือว่าไม่จริงตอนแรกฉันมาชอบคุณได้ยังไงแม้แต่ลูกสาวตัวเองยังปกป้องไม่ได้.....คุณดูสิดูสิถ้าฟังฉันว่าไปบุกเบิกธุรกิจที่เฉิงตูตั้งแต่แรกไม่แน่อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ที่ยังอยู่ในที่เล็กๆใช้ไม่ได้จริง....ก็เหมือนกับเฉินผิงอานพวกเธอทำให้ันโมโหจริงๆ....."
"เธอ........"
ไป๋หย่งกวงถึงกับพูดไม่ออก
และเฉินผิงอานก็อ้ำอึ้งไม่รู้ได้พูดอะไรออกมา
"แม่ผมไปทำอาหารต่อนะ"
"เหอะ.ก็ยังเป็นขยะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำภรรยาของตัวเองถูกรังแกจนเป็นแบบนี้ก็ยังไม่ทำอะไรอีกยังจะสมกับว่าลูกผู้ชายหรอ....."
ไป๋ฉิงเฉินที่มองตามหลังของเฉินผิงอานที่เดินกลับเข้าไปในครัวแล้วก็หันกลับมาพูดกับโจวหมิงเฟิ้งว่า:"แม่ไปพูดอย่างนั้นกับผิงอานได้ยังไงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผิงอานแม้แตนิดเดียว"
"จะไม่เกี่ยวกับเขาได้ยังไงเขาเป็นสามีของเธอเธอก็ดูสามีคนอื่นสิภรรยาถูกรังแกจะต้องแก้แค้นให้สาสมเป็นสิบเท่าแล้วเธอก็ดูเขาสิ....."
"ไม่ได้เรื่องจริงๆ.....แม่ว่านะไป๋ฉิงเฉินเธอรีบไปหย่ากับเขาซะแม่จะหาคนที่ดีกว่านี้ให้!"
"แม่ทำไมแม่มาพูดอย่างนี้อีกแล้ว...."
ส่วนเฉินผิงอานที่เดินเข้ามาในครัวก็มีสีหน้าเรียบนิ่ง
แล้วโทรศัพท์ไปหาเสิ่นหรงฮวาทันที
"ภายในสามวันจัดการเรื่องให้เรียบร้อยถ้าไม่เรียบร้อยก็หาคนอื่นมาทำแทน"
............
หวังสิ้วอวิ้นที่หันหลังให้กับหวังหย่งเซิ้งแววตาของหล่อนนั้นดูสับสนแต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่
คนแก่คนนี้ไม่มีใครรู้ว่าหล่อนกำลังคิดอะไรอยู่
"คุณแม่หนังสือสัญญานั่น......ของของจริงไหมหลานฉิงเฉินนั้นหรือว่าใช้เวลาเพียงแค่ไม่นานเมื่อตอนบ่ายก็สามารถได้สัญญาความร่วมมือมาแลวหรอ"
ตั้งแต่ถูกคุณแม่เรียกมาที่ห้องทำงานไป๋หย่งเซิ้งก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
"หนังสือสัญญาอยู่บนโต๊ะเธอก็ดูเอาเองสิ....ฉิงเฉินนั้นเก่งกว่หย่งกวงมากถึงแม้ว่าจะยกโรงกลั่นเหล้าให้กับบริษัทแต่ก็เป็นอย่างที่หล่อนว่าถ้าหากว่าเรื่องสัญญาคุยตกลงเสร็จแล้วหล่อนขอเป็นคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนใหม่อีกครั้ง"
อะไรนะ
พอได้ยินอย่างนั้นไป๋หย่งเซิ้งก็รีบหยิบหนังสือสัญญาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดูอย่างละเอียด.......
"คุณแม่นี่มัน.....หนังสือสัญญานี่......ไม่จริงใช่ไหมหรือว่าคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้าเสฉวนโง่รึเปล่าหรือว่าผู้บริหารระดับสูงของโรงกลั่นเหล้าเสฉวนตกลงเซ็นสัญญาอย่างนี้ก็ได้หรอ"
พออ่านดูสัญญาเสร็จไป๋หย่งเซิ้งก็รู้สึกตกใจ
หนังสือสัญญานี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะเขาให้ลูกชายแท้ๆได้ยกดรงกลั่นเหล้าชิงฉวน
แต่มีเพียงจุดเดียวที่ไป๋หย่งเซิ้งกลับคิดไม่ถึงข้อแรกสิทธิในการบริหารจัดการทั้งหมดของบริษัทกลับคืนเป็นของไป๋ฉิงเฉินคนอื่นไม่สสามารถมายุ่งเกี่ยวได้ข้อสองก็คือตัวเลขเงินลงทุนที่ปรากฎอยู่บนหนังสือสัญญา
เงินทุนครั้งแรกคือทั้งหมดหร้อยล้านและยังแบ่งเป็นสามครั้งครั้งที่หนึ่งคือแปดสิบล้าน
เงินก้อนนี้คือให้กับดรงกลั่นเหล้าชิงฉวนจริงๆงั้นก็ถือว่าเงินก้อนนี้ก็จะเข้าบริษัทกรู๊ปนั่นเป็นเงินมหาศาลเลยนะ
ดังนั้นหน้าที่ของคนรับผิดชอบโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตามไป๋หย่งเซิ่งจะต้องได้รับหน้าที่นี้มาให้ได้
"ไม่รู้เหมือนกันแต่ว่าหนังสือสัญญานั่นเป็นฉบับจริงแต่ว่ามีเงื่อนไขบางอย่างในสัญญาที่เราต้องคิดพิจรดู"
"คุณแม่จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน"
หวังสิ้วอวิ้นหันกลับไปมองหน้าลูกชายตัวเองที่อดจะโมโหไม่ได้
"ถ้าหากได้ได้ความสามารถในทางธุรกิจเหมือนกับพี่ใหญ่นายสักครึ่งนึงฉันที่มีอายุมากขนาดนี้แล้วยังต้องมาเป็นห่วงนายอีกอีกไม่กี่ปีฉันก็จะเกษียณอายุจากการเป็นประธานกรรมการใหญ่แล้วถ้าหากว่าตอนนี้นายยังไม่ทำคะแนนมีผลงานออกมาล่ะก็เกรงว่าเมื่อถึงตอนที่ฉันจะยกตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ให้นายคนในตระกูลบางคนอาจจะไม่ยอมก็เป็นได้นะ"
ภายในห้องทำงานมีแค่หล่อนกับลูกชายหวังสิ้วอวิ้นก็ไม่จำเป็นต้องรักษาภาพลักษณ์
"คุณแม่ผมทราบแล้วผมจะพยายามครับ!"
"งั้นไหนลองบอกความคิดเห็นของนายมาซิ"
หวังสิ้วอวิ้นนั่งผ่อนคลอยอยู่บนเก้าอี้จากนั้นไป๋หย่งเซิ้งก็รีบเดินมาทุบหลังให้แล้วพูดพร้อมกับสีหน้าที่กำลังใช้ความคิด:"คุณแม่ผมคิดว่าเด็กไป๋ฉิงเฉินคนนี้ก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งคุณแม่ก็น่าจะรู้ว่าในธุรกิจนั้นไม่ใช่วว่าจะมีแค่หล่อนที่เป็นผู้หญิงคนเดียวที่จะรับมือได้และยังมีปัญหาสำคัญอีกเรื่องพี่ชายใหญ่นั้นก็ไม่ค่อยถูกกับแม่ตั้งแต่เด็กแล้วและจุดนี้นี่เองที่ทำให้พี่ใหญ่ออกไปจกตระกูลและสร้างครอบครัวเองก็มองออกอย่างชัดเจนแล้วคุณแม่ก็ลองคิดดูสิว่าหลานฉิงเฉินจะต้องไม่ชอบคนในตระกูลเราแน่"
"อย่าว่าแต่ไม่ชอบพวกเราเลยแม้แต่คุณแม่เขาก็ยังไม่ชอบเลย!"
หวังสิ้วอวิ้นได้ฟังอย่างนั้นก็เอ่ยออกาเสียงเย็นชาว่า:"หล่อนกล้าก็ลองดู!"
พอได้ผลไป๋หย่งเซิ้งก็รีบเอ่ยเสริม:"คุณแม่ครับตอนนี้ความคิดเกี่ยวกับครอบครัวของวัยรุ่นสมัยนี้นั้นเริมถอยไปมากอย่างเช่นท่าทีของหล่อนที่เข้ามาประชุมสิไม่ได้สนใจพวกเราแม้แต่น้อยและยิ่งตอนนี้หล่อนได้ตกลงเซ็นสัญญาได้สำเร็จและหนังสือสัญญาฉบับบี้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่ามีผลประโยชน์ต่อหล่อนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวเรามากเท่าไหร่"
"ยิ่งไปกว่านั้นคุณแม่คิดดูสิถึงแม้เฉินผิงอานจะเป็นแค่คนไร้ประโยชน์แต่เขาก็เป็นลูกเขยของตระกูลไป๋ไม่แน่บางทีเฉินผิงอานก็กำลังเล่นละครอยู่ก็เป็นได้วันนั้นผมได้ไปตรวจสอบแล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดาคุณแม่ลองไตร่ตรองให้ดีต่อไปถ้าโรงกลั่นเหล้ายิ่งใหญ่กว่านี้จะไม่กลายเป็นของคนอื่นหรอไม่แน่แม้แต่เทียนไป๋กรู๊ปก็ต้อง......"
หวังสิ้วอวิ้นที่กำลังไฟอยู่ก็ร้องหึออกมาพร้อมก็ลุกขึ้นยืนทันที
"หึถ้าหล่อนกล้า!แต่ว่าสิ่งที่นายพูดก็มีปัญญหาอยู่ฉิงเฉินมีจิตใจที่มุ่งมั่นทะเยอและวันนี้เรื่องเซ็นสัญญาก็เป็นหล่อนที่ไปคุยจนได้มาวันนี้ในที่ประชุมก็มีบ้างที่ไม่ได้เห็นพวกเราอยู่ในสายตาอาจจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมของหล่อนก็เป็นได้"
ไป๋หย่งเซิ้งรีบพยักหน้าโดยเร็ว
"คุณแม่ที่จริงแล้วประธานลู่แห่งโรงกลั่นเหล้าสฉวนนั้นผมเคยเจอเขามาก่อนเขาเป็นคนพูดง่ายและตอนนี้สัญญาก็เซ็นมาแล้วถ้าอย่างนั้น......"
ไป๋หย่งเซิ้งยังพูดไม่ทันจบแต่หวังสิ้วอวิ้นก็รู้ว่าลูกชายของตัวเองจะพูดอะไรต่อ
"คุณแม่ครับที่จริงผมไม่ได้จะหมายความว่าอย่างนั้นผมก็แค่คิดเท่านั้นธุรกิจเงินลงทุนเป็นร้อยล้านหลานฉิงเฉินคงจัดการคนเดียวไม่ไหวหรอกและหล่อนก็ไม่มีประสบการณ์ทางด้านนี้มาก่อนและครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้โรงกลั่นเหล้าชิงฉวนฟื้นคือมามีชีวิตอีกครั้งเท่านั้นไม่แน่เทียนไป๋กรู๊ปของเราอาจจะรุ่งเรื่องขึ้นมาใหม่อีกครั้งสถานการณ์บริษัทของพวกเราเป็นยังไงคุณแม่น่าจะรู้ดีว่ากว่าผมอีก"
หวังสิ้วอวิ้นพ่นลมหายใจออกมายาวๆจากนั้นก็พยักหน้า
"ครั้งนี้นายก็ทำให้ดีถือว่าเป็นโอกาสของนายไม่อย่างนั้นนายก็ไม่มีสิทธิได้นั่งตำแหน่งประธานกรรมการผู้จัดการเธอก็น่าจะรู้ดีว่าพวกที่ไม่ยอมทำงานในบริษัทสามารถทำอะไรได้บ้างแต่ในสัญญาก็เขียนหุ้นของพวกเขาไว้อย่างชัดเจนและในสายตาของพวกเขาเห็อะไรบ้างฉันก็รู้ยิ่งยิ่งกว่าเธอถ้าหากไม่สามารถทำรายได้เข้ามาได้พวกเขาจะเลือกนายไหม"
หวังสิ้วอวิ้นมงไปที่ลูกชายของตัวเองพร้อมพูดอย่างฝากความหวัง
"เอาล่ะเรื่องนี้ให้นายสั่งการลงไปให้ไปเตรียมการไว้เถอะเดี๋ยวส่วนฉันจะโทรหาไป๋ฉิงเฉินว่าโปรเจ็คนี้นายรับผิดชอบกับประธานลู่"
"ครับคุณแม่!"
ไป๋หย่งเซิ้งพอได้ยินอย่างนั้นก็ตอบรับคำด้วยความดีใจ
ในใจนั้นก็ยิ้มอออกมาอย่างเยือกเย็นไป๋ฉิงเฉินอยากจะพึ่งอาศัยสัญญานี้เพื่อยกตัวเองขึ้นมาไม่มีทางหรอกในตระกูลไป๋หล่อนยังไม่ได้มีความสำคัญอะไร
ไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาไม่พูดอะไร
โจวหมิงเฟิ้งยังคิดว่าเฉินผิงอานรังแกลูกสาวตระกูลไป๋พอกลับถึงบ้านก็บ่นไม่หยุดเฉินผิงอานก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีต่อมาไป๋ฉิงเฉินก็เริ่มมีน้ำโหโจวหมิงเฟิ้งถึงได้หยุดพูดอยากจะไปพยังไป๋หย่งกวงที่กลับมาพักฟื้นี่บ้านออกมาถามลูกสาวของตัวเองว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เฉินผิงอานรู้ว่าภรรยาของตัวเองนั้นน่าสงสารแค่ไหนแต่เขาก็ไม่รู้จะพูดปลอบไป๋ฉิงเฉินยังไงและพอดีถึงเวลาทานข้าวเฉินผิงอานเลยรีบเข้าไปเตรียมอาหารในครัว
และเวลานั้นเองไป๋ฉิงอานก็ได้รับสายจากคุณย่าหวังสิ้วอวิ้น
และหลังจากที่วางโทรศัพท์ไปไป๋ฉิงเฉินก็ถึงกับกำโทรศัพท์แน่น
กริ๊ด!
ร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังแล้วก็ก้มหน้าใส่หน้าขาสองข้างแล้วระเบิดร้องให้ออกมา
"ฉิงเฉินเป็นอะไรหรอ"
พอได้ยินเสียงโจวหมิงเฟิ้งก็รีบวิ่งออกมาจากห้อง
เดินไปหาไป๋ฉิงเฉินและถามอย่างร้อนใจ
"ฉิงเฉินเป็นอะไรบอกแม่ซิแม่ร้อนใจจะแย่แล้ว!"
ใครจะไม่รักลูกสาวของตัวเองโจวหมิงเฟิ้งที่เห็นลูกสาวตัวเองมีสภาพเป็นอย่างนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าต้องเจอเรื่องกระทบจิตใจมากแน่
และต่อมาเฉินผิงอานก็เดินออกมาจากในครัวมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินด้วยความรักและสงสาร
"เฉินผิงอานเป็นนายใช่ไหมเป็นนายใช่ไหมที่ทำร้ายฉิงเฉินของฉัน"
"แม่...."
"นายกับฉิงเฉินออกไปพร้อมกันและพอกลับมาก็เป็นอย่างนี้นาย....."
ต่อมาไป๋ฉิงเฉินก็เงยหน้าขึ้นมาโผเข้ากอดโจวหมิงเฟิ้งร้องไห้พร้อมพูด:"แม่อย่าไปโทษผิงอานเป็นคุณย่าและอารองเป็นพวกเขา"
หาาา
และทันใดนั้นไป๋หย่งกวงที่ยืนอยู่หน้าประตูในมือมีไม้ค้ำพยุงเดินมาข้างโซฟาแล้วเอ่ยถาม:"คุณแม่และหย่งเซิ้งงั้นหรือ"
ต่อมาไป๋ฉิงเฉินก็ได้หยิบทิชชูมาซับน้ำตาแล้วเอ่ยเล่า:"เดิมทีหนังสือสัญญาฉบับนี้หนูไม่ได้อยากจะไปคุยตั้งแต่แรกแต่เพราะอารองพวกเขาจินเหลียนบอกว่าถ้าหนูสามารถเซ็นสัญญามาได้เขาจะคุกเข่าให้และยังพูดจาไม่ดีอีกมากหนูเลยพลั้งปากรับปากไปแต่พอหนูไปคุยและได้สัญญามาพวกเขากลับบอกว่าแค่พูดล้อเล่นยิ่งไปกว่านั้นคุณย่าพึ่งโทรมาหาหนูเมื่อกี้เรื่องสัญญาไม่ใหหนูเข้าไปยุ่งแล้วให้อารองตามต่อกับประธานลู่ของโรงกลั่นเหล้าเสฉวนแม่ทำไม่พวกเขาถึงได้รังแกคนได้อย่างนี้!"
พอได้ยินอย่างนั้นโจวหมิงเฟิ้งก็ก่นด่าออกมาทันที
"ไป๋หย่งเซิ้งไอ้คนหน้าไม้อายและยังมีคุณแม่ทำไมถึงได้ทำอย่างนี้ฉันจะต้องไปถามกับคุณแม่ให้รู้เรื่อง"
"เรื่องนี้คุณแม่ทำเกินไปจริงๆ!"
ทันใดนั้นไปหย่งกวงก็มองหน้าลูกสาวตัวเองด้วยความสงสารแต่ตอนนี้จะให้เขาทำยังไง
"เกินไปงั้นหรอไป๋หย่งกวงคุณก็เป็นอย่างนี้ลูกสาวตัวเองถูกรังแกคุณแค่พูดออกมาแค่คำเดียว่าเกินไปแล้วก็จบหรอคุณโทรไปถามแม่คุณให้รู้เรื่องเลยเคยเห็นไป๋ฉิงเฉินที่เป็นหลานสาวคนนึงอยู่ในสายตาบ้างไหมและเคยมาสนใจลูกชายอย่างคุณบ้างไหมคุณประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เรื่องใหญ่ขนาดนี้มีคนในตระกูลเคยมาเยี่ยมคุณสักคนบ้างไหม"
"ทุกคนก็ต่างอยากได้บริษัทของพวกเราละตอนนี้ก็ยกบริษัทให้แล้วและฉิงเฉินก็ได้ไปตกลงเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็คิดจะเตะเราออกไปบางครั้งจะก็สงสัยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมาเล่นงานบริษัทเราจะใช่คนตระกูลไป๋ละยังมีเรื่องที่คุณเกิดอุบัติเหตุอีก......"
"พอแล้วอย่าพึ่งมาพูดเเรื่องที่ยังไม่มีหลักฐาน"
ไป๋หย่งกวงที่ตอนนี้มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ฉันจะพูดแล้วจะทำไมล่ะหรือว่าไม่จริงตอนแรกฉันมาชอบคุณได้ยังไงแม้แต่ลูกสาวตัวเองยังปกป้องไม่ได้.....คุณดูสิดูสิถ้าฟังฉันว่าไปบุกเบิกธุรกิจที่เฉิงตูตั้งแต่แรกไม่แน่อาจจะไม่เป็นอย่างนี้ที่ยังอยู่ในที่เล็กๆใช้ไม่ได้จริง....ก็เหมือนกับเฉินผิงอานพวกเธอทำให้ันโมโหจริงๆ....."
"เธอ........"
ไป๋หย่งกวงถึงกับพูดไม่ออก
และเฉินผิงอานก็อ้ำอึ้งไม่รู้ได้พูดอะไรออกมา
"แม่ผมไปทำอาหารต่อนะ"
"เหอะ.ก็ยังเป็นขยะไร้ประโยชน์อยู่วันยังค่ำภรรยาของตัวเองถูกรังแกจนเป็นแบบนี้ก็ยังไม่ทำอะไรอีกยังจะสมกับว่าลูกผู้ชายหรอ....."
ไป๋ฉิงเฉินที่มองตามหลังของเฉินผิงอานที่เดินกลับเข้าไปในครัวแล้วก็หันกลับมาพูดกับโจวหมิงเฟิ้งว่า:"แม่ไปพูดอย่างนั้นกับผิงอานได้ยังไงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผิงอานแม้แตนิดเดียว"
"จะไม่เกี่ยวกับเขาได้ยังไงเขาเป็นสามีของเธอเธอก็ดูสามีคนอื่นสิภรรยาถูกรังแกจะต้องแก้แค้นให้สาสมเป็นสิบเท่าแล้วเธอก็ดูเขาสิ....."
"ไม่ได้เรื่องจริงๆ.....แม่ว่านะไป๋ฉิงเฉินเธอรีบไปหย่ากับเขาซะแม่จะหาคนที่ดีกว่านี้ให้!"
"แม่ทำไมแม่มาพูดอย่างนี้อีกแล้ว...."
ส่วนเฉินผิงอานที่เดินเข้ามาในครัวก็มีสีหน้าเรียบนิ่ง
แล้วโทรศัพท์ไปหาเสิ่นหรงฮวาทันที
"ภายในสามวันจัดการเรื่องให้เรียบร้อยถ้าไม่เรียบร้อยก็หาคนอื่นมาทำแทน"
............
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved