บทที่ 2 ยอมรับความอัปยศอย่างเงียบๆ

ไป๋ฉิงเฉินก็เดินจากไปอย่างนี้ เดิมทีก็ไม่ได้อธิบายอะไรให้กับเฉินผิงอาน

แน่นอน เฉินผิงอานก็รู้สามปีนี้ที่ไป๋ฉิงเฉินได้รับคำพูดที่ดูถูกเยาะเย้ยของคนรอบข้างมากมายไม่ว่จะ คนที่ทำงาน คนที่บ้าน

ดังนั้นที่จริงแล้วในใจของเขาก็ไม่โทษไป๋ฉิงเฉิน เพียงโทษตัวเองที่ไม่สามารถรักษาผู้หญิงคนนี้ให้ดี ๆ ได้

ในสายตาของคนทั้งหมดในบ้านตระกูลไป๋ เขาเฉินผิงอานก็คือคนไร้ค่าที่ไม่ดีพอคนหนึ่ง

ส่ายหน้า มองพนักงานนั่นที่มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนมองคนโรคจิต เฉินผิงอานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับหมาตัวหนึ่ง

หัวเราะอย่างดูถูกตัวเองออกมา เฉินผิงอานเดินไปด้านข้างรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าและก็นั่งเป็นรถมอเตอร์ไซค์อย่างไม่เป็นห่วงที่ร่างกายของตัวเองเปียกทั้งตัวแล้วจึงขับไปตามทางของรถเบนซ์คันนั้นที่เพิ่งขับออกไป

ถึงแม้ไป๋ฉิงเฉินไม่พอใจกับเขาแล้วขึ้นรถเบนซ์ไป แต่เฉินผิงอานกลับไม่ไว้วางใจฟางซื่อหวานั่นพอดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร

แต่เวลานี้ไป๋ฉิงเฉินทที่นั่งเบาะหลังของรถเบนซ์ในใจกลับมีรู้สึกผิดเล็กน้อย ไม่รู้ทำไมในสมองของเขาเต็มไปด้วยท่าทางของเฉินผิงอานที่ยืนยิ้มอย่างโง่ๆ ให้กับตัวเองท่ามกลางสายฝน

ฝนที่ตกหนักอย่างนี้ ถ้าเขาเปียกหนัก……ใจเย็นลง จู่ ๆ ไป๋ฉิงเฉินก็ไม่วางใจสามีขิองตัวเองที่ยากจะพูดเรื่องจริงคนนี้ได้

“ผมว่าฉิงเฉิน เฉินผิงอานนั่นเป็นคนซื่อบื่อ ไร้ค่าคนหนึ่ง ทำไมคุณต้องเสียเวลาในวัยรุ่นให้กับเขาด้วยล่ะ!”

ฟางซื่อหวาพูดพรางก็เลี้ยวเข้าไปทางแยก

“ผมรู้บ้านตระกูลไป๋ของพวกคุณอยาากที่จะมีความก้าวหน้าในอาชีพเครื่องสำอางค์มาตลอด และบ้านตระกูลฟางของพวกเราก็คือเริ่มสร้างฐานะด้วยการทำธุรกิจสินค้ายา ขอแค่คุณรับปากผมว่าจะหย่ากับคนไร้ค่านั่นและมาอยู่กับผม วันหลังตำแหน่งของคุณในบ้านตระกูลไป๋จะต้องเลื่อนขึ้นอย่างแน่นอน”

“จอดรถ!”

ไป๋ฉิงเฉินเวลานี้เดิมทีก็ไม่ได้ฟังคำพูดของฟางซื่อหวา วันนี้เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองถูกความอับอายและความโกรธทำให้ขาดสติทำเกินไปบ้างแล้ว

พูดว่าไม่รู้จักเขาต่อหน้าคนมากมายอย่างนั้น ทำให้เขาถูกคนของบริษัททั้งหมดดูถูก เขาต้องเสียใจมากแค่ไหน!

“อะไร?ฉิงเฉินคุณเป็นอะไรไป ไม่ยินยอมเหรอ?”

ฟางซื่อหวาลดระดับให้ช้าลงทันทีแต่ก็ไม่ได้จอดรถ เขามีการวางแผนของตัวเองอยู่

สำหรับผู้หญิงที่เขาอยากได้ ยังไม่มีที่อยากได้แล้วไม่ได้ ไป๋ฉิงเฉินคนนี้เขายิ่งต้องเอาให้ได้!

เดิมทีฟางซื่อหวายังคิดที่จะใช้วิธีปกติไปตามจีบกระทั่งแสดงความเป็นมิตรภาพออกไป ยังไงบ้านตระกูลฟางรู้ว่าบ้านตระกูลไป๋อยากที่จะทำการค้าเครื่องสำอางค์

และในพื้นที่เมืองปินส่วนนี้ บ้านตระกูลฟางทำใหญ่ที่สุด

แต่ในขณะที่เขามองเห็นใบหน้าที่สวยงามนั่นของไป๋ฉิงเฉินจากกระจกด้านหลังและรูปร่างที่ยั่วยวนคนนั่น ยังมีกลิ่นหอมบนร่างกายที่อ่อนๆ เขาอดไม่ได้ที่จะทำรถสั่นสักครั้งหนึ่งกับไป๋ฉิงเฉิน……

“จอดรถ!”

ไป๋ฉิงเฉินจู่ ๆ ก็ตระโกนเสียงดังออกมา จากนั้นไม่รอให้รถของฟางซื่อหวาจอดสนิทก็ผลักประตูรถออกไปวิ่งกลับไปในสายฝน

“โธ่เอ๊ย ฉิงเฉิน……ฉิงเฉิน……”

แต่ไม่รอฟางซื่อหวาลงรถ ไป๋ฉิงเฉินก็ได้โบกรถแท็กซี่คันหนึ่งนั่งเข้าไปแล้ว

เพิ่งเปิดประตูรถน้ำฝนก็สาดเข้ามาในรถ ฟางซื่อหวาไม่ปิดประตูรถอย่างรวดเร็วก็ไม่ได้ มือตบพวงมาลัยรถอย่างรุนแรงด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น

“แม่ง สาวน้อย วันนี้ถือว่าคุณหนีไปเร็วไม่ช้าก็เร็วผมฟางซื่อหวาจะต้องได้คุณมา!”

เฉินผิงอานขี่มอเตอร์ไซค์อาศัยตามถนนใหญ่เพื่อกลับบ้านพร้อมกับร่างกายที่เปียกไปทั้งตัว เดิมทีกลับไม่ได้เห็นรถเบนซ์ของฟางซื่อหวาเมื่อกี้

เฉินผิงอานก็เป็นห่วงขึ้นมาทันที

ในขณะที่เฉินผิงอานขี่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง ตอนที่ผ่านหน้าประตูผับหนึ่งกลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง

“พวกคุณจะทำอะไร ไสหัวไปรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”

“ฮ่า ๆ ๆ สาวสวยก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าคุณคือใคร แต่ต่อมาพวกเรารู้ว่าคุณจะกลายเป็นของเล่นของใต้ร่างกายของพวกพี่!”

“ไสหัวไป พวกแกขยะไร้ค่าพวกนี้……”

ผู้หญิงคนหนึ่งที่กินเหล้าแทบจะเมาร้องตระโกนเสียงดัง ยังอยากที่จะเดินออกไปท่ามกลางกลุ่มนักเลงสองสามคนนี้ที่ขัดขวางไว้

เห็นชัดว่าหล่อนแพ้แล้ว

“สาวสวยอย่างนี้ แม่งยังไม่เคยลองจริงๆ พาไป……”

ระหว่างที่พูดมือใหญ่มือหนึ่งก็หันไปจับผู้หญิงที่กินเหล้าเมาที่มีหน้าอกสูงคนนั้น

“ไป๋เซว่ เธอมาทำอะไรที่นี่ ยังไม่กลับบ้านอีก!”

ระหว่างที่พูดเฉินผิงอานก็ได้ยืนด้านข้างของไป๋เซว่ที่กินเหล้าเมาไม่ได้สติแล้ว

“ไสหัวไป ฉันให้คนไร้ค่าอย่างคุณมายุ่งเมื่อไหร่ คุณเป็นตัวอะไร!”

ไป๋เซว่ถึงแม้จะเมาแล้วแต่แวบเดียวก็มองคนที่มาออกอย่างขัดเจน เพราะว่าคุ้นเคยมาก

“ฉันว่ารปภ.บ้า คุณอยากที่จะโดนตีใช่ไหมรีบไสหัวไปให้ไกลๆ หน่อย ไม่งั้นจะให้คุณนอนโรงพยาบาลสักครึ่งเดือน”

เห็นว่ามีคนออกมาสร้างความวุ่นวาย ทันใดนั้นผมสีเหลืองคนหนึ่งก็ยืนออกมาเอาบุหรี่ที่อยู่ในปากทิ้งลงต่อหน้าเฉินผิงอาน จากนั้นก็ชี้หน้าเฉินผิงอานตระคอก

เฉินเผิงอานกลับไม่สนใจคนเหล่านั้นแล้วเดินขึ้นไปจับไป๋เซว่ดึงมาที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั่น

“คุณปล่อยฉัน คุณทำให้ฉันเจ็บแล้ว……ผมไม่สนใจคุณ คุณเป็นคนไร้ค่า……คุณ……”

เฉินเผิงอานในเวลานี้เดิมทีก็ไม่อยากพูดมากอะไร ในใจของเขายังเป็นห่วงไป๋ฉิงเฉินอยู่

สำหรับน้องสาวคนนี้ เฉินเผิงอานถึงแม้จะไม่มีความรู้สึกที่ดีอะไร

แต่ยังไงก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เจอเรื่องอย่างนี้เฉินเผิงอานก็ไม่อาจจะนิ่งดูดายได้ ยื่นมือออกไปกดคอของเขาทันทีแล้วไป๋เซว่ก็ล้มลงในอ้อมแขนที่เปียกชื้นของเฉินผิงอานทันที

“เหี้ย ไอ้นี่หาเรื่องตายใช่ไหม?”

“ไสหัวไป ผมไม่มีเวลาเล่นกับพวกคุณ!”

เฉินผิงอานฮึออกมาอย่างเย็นชา เวลานี้ในใจของเขาร้อนรนมากไม่อยากที่จะเสียเวลากับคนเหล่านี้

เฉินผิงอานหมุนตัวเอาไป๋เซว่วางบนที่นั่งด้านหลังของมอเตอร์ไซค์ทันที จากนั้นนั่งบนรถเตรียมที่จะออกไป

“จัดการรปภ.บ้า คนนี้ให้ตาย แม่งเอ๊ยมีเรื่องแปลกประหลาดทุกปี!”

หัวหน้าเป็นคนหัวโล้นสะบัดมือ ทันใดนั้นสี่ห้าคนก็หันมาล้อมรถมอเตอร์ไซค์ของเฉินผิงอาน

แต่ในขณะนั้นร่างเงาสีดำหนึ่งแวบมา

ในทันใดนั้นมีเสียงร้องโหยหวนสองสามเสียงขึ้น ตามมาด้วยผู้ชายวัยกลางคนที่ร่างกายแข็งแกร่งยืนต่อหน้าหัวหน้าหัวโล้น

“แก……แกเป็นใคร?”

“คุกเข่า ขอโทษนายน้อยเฉิน!”

“ผม……”

ฟึ่บ!

อ๊ะ!

ผู้ชายวัยกลางคนที่แข็งแรงหมุนตัวเดินมาที่ด้านหน้าของเฉินผิงอานแล้วทำความเคารพ

“นายน้อยเฉิน……”

“อาเป้า คุณมาได้ยังไง?“

เฉินผิงอานหัวคิ้วแน่นไม่ดีใจเล็กน้อย

“นายน้อยเฉินอย่าโมโห ผมตามมากับหลงลั่วเซียน พี่เชว่เป็นห่วงกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อนายน้อยเฉิน ดังนั้น……”

“พอแล้ว ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้วคุณกลับไปเถอะ!”

ผู้ชายวัยกลางคนที่มีชื่อเรียกอาเป้าคนนี้รีบเอ่ยปากว่า“นายน้อยเฉิน พี่เชว่ให้ผมดูแลคุณที่เมืองปิน ผม……”

“ไม่ต้องหรอก ทำเรื่องของพวกคุณให้เรียบร้อยทางผมนี้ดีมาก”

“นายน้อยเฉิน……”

อาเป้ามองเฉินผิงอานที่อยู่ต่อหน้า เขายากที่จะจินตนาการได้ว่าบุคคลอย่างเฉินผิงอานคิดไม่ถึงว่าจะยินยอมที่จะกลายเป็นลูกเขยที่อาศัยอยู่บ้านผู้หญิง เขาคิดไม่ออกจริง ๆ

“ใช่แล้ว บ้านตระกูลเฉินไม่มีความเกี่ยวข้องกับผมแล้ว แต่ผมไม่หวังว่าน้องสาวจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“คนอื่นล่ะ?”

“ไม่เกี่ยวข้องกับผม!”

เฉินผิงอานพูดจบก็ไม่ให้โอกาสอาเป้าพูดอีกแล้วก็ขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทันที

ยืนท่ามกลางสายฝน อาเป้าหมุนตัวมองคนหัวโล้นที่ถูกเขาเตะขาจนหักสองข้างพูดอย่างเย็นชาว่า“อยากตายเหรอ?”

……

“เฉินผิงอานคนนี้ยิ่งไม่เข้าท่าขึ้นเรื่อย ๆแล้ว นี่มันกี่โมงแล้วยังไม่ไสหัวกลับมา!”

ในค่อนข้างที่เป็นยุคของตึกครอบครอบ ผู้หญิงคนหนึ่งดูทีวีไปแล้วก็บ่นไป

ไป๋ฉิงเฉินอาบน้ำออกมาจากห้องมองเวลาแวบหนึ่งผ่านสองทุ่มไปแล้ว

เวลานี้ เฉินผิงอานก็น่าจะกลับมาแล้วนะ?

ในเวลานั้นที่ไป๋ฉิงเฉินเรียกรถกลับไปที่บริษัทแต่หน้าประตูบริษัทก้ไม่มีคนแล้ว เฉินผิงอานก็ได้ออกไปแล้วใจคิดว่าต้องกลับมาที่บ้านแล้วแน่นอน จึงรีบเรียกรถกลับบ้านทันทีเพราะว่าทั้งตัวเปียกไปหมดดังนั้นจึงอาบน้ำก่อน

ใครจะคิดว่าต่างก็อาบน้ำเสร็จแล้ว เฉินผิงอานก็ยังไม่กลับมา

“ฉิงเฉิน ฉันจะบอกว่าเธอต้องเชื่อฉันและพ่อรีบหย่ากับคนไร้ค่านี้ สามปีมาแล้วถึงแม้ว่าจะทดแทนบุญคุณก็น่าจะพอแล้ว!”

“แม่……ฉัน……คิดใตร่ตรองก่อน!”

ไป๋ฉิงเฉินไม่ใช่ไม่เคยคิดปัญหานี้ แต่เขาสุดท้ายก็ใจอ่อนแล้ว

“ยังมีอะไรที่จะคิดใตร่ตรองอีก ตอนแรกถ้าไม่ใช่เธอไม่เชื่อฟังกระทั่งพวกเราถูกไล่ออกจากตระกูลแล้วมาอยู่ที่สับปรังเคนี่เหรอ?ทั้งหมดนี้ล้วนต้องโทษคนไร้ค่านั่น เฉินผิงอาน!”

“โทรหาเขา ให้เขารีบไสหัวกลับมาในบ้านยังมีงานมากมายรอให้เขาทำอยู่!”

แม่ไป๋พูดด้วยใบหน้าที่โมโห

ในขณะที่ไป๋ฉิงเฉินยังอยากที่จะพูดอะไรนั้น จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก

เฉินผิงอานที่เปียกทั้งตัวได้แบกไป๋เซว่ที่สลบไม่ได้สติเข้ามา

“ภรรยา ผมกลับมาแล้ว ไป๋เซว่กินเหล้าเมาแล้วผมเจอเขาระหว่างทางกลับบ้านก็เลยพาเขากลับมา ”

เฉินผิงอานพอเดินเข้ามาเห็นไป๋ฉิงเฉินนั่งอยู่ในห้องรับแขกก็ดีใจขึ้นมาทันที ใจที่เป็นกังวลก็ได้สลายไปทันที

ขอแค่ไป๋ฉิงเฉินกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

“ไป๋เซว่กินเหล้าเมารีบพาเขาวางบนโซฟา”

เดิมทีก็ไม่ได้ทักทายเฉินผิงอานที่เปียกไปทั้งตัว แม่ไป๋รีบไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งมาเช็ดบนตัวที่มีน้ำฝนอยู่ให้กับไป๋เซว่

เฉินผิงอานที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับเห็นได้ชัดว่าเหมือนกับคนนอกคนหนึ่ง

“แคร๊ก……”

“ไป๋เซว่ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

แม่ไป๋เห็นลูกสาวตื่นขึ้นรีบถามอย่างเป็นห่วง

“แม่ คนไร้ค่าคนนี้แกล้งฉัน เขาแกล้งฉัน!”

ไป๋เซว่พอตื่นขึ้นก็ชี้เฉินผิงอานตะโกนทันที ยิ่งพูดก็ยิ่งไม่ได้รับความยุติธรรมสุดท้ายน้ำตาก็ไหลออกมา

ได้ยินคำพูดนี้แม่ไป๋ยิ่งทนไม่ไหว ยืนขึ้นหมุนตัวแล้วตบลงบนหน้าของเฉินผิงอานทันที

เฉินผิงอานรู้สึกว่าหน้าที่เย็นราวกับน้ำแข็งนั้นของตัวเองตอนนี้ร้อนวูบ

ยังไม่ได้พูดก็ได้ยินเสียงที่โมโหของแม่ไป๋

“เฉินผิงอาน ตอนนี้ความกล้าของคุณยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว กระทั่งไป๋เซว่คุณยังกล้าแกล้งได้!”

“แม่ ฉันหนาว!”

แม่ไป๋รีบกอดไป๋เซว่แน่นที่เปียกเพียงแขนเสื้อเล็กน้อย จากนั้นมองเฉินผิงอานที่เปียกทั้งตัวอย่างเย็นชาพูดว่า“ยังยืนอยู่ที่นั่นทำอะไรยังไม่รีบไปต้มน้ำขิง ถ้าไป๋เซว่เป็นหวัดฉันจะไม่ละเว้นคุณเลย!”

ไป๋ฉิงเฉินยืนอยู่ที่นั่นมีสีหน้าที่กังวลและท่าทางที่สับสน แต่กลับไม่พูดต่อหน้าแม่ของตัวเอง……

เฉินผิงอานมองสองแม่ลูกที่อยู่ด้านหน้าคู่นี้อยากจะพูดอะไรกลับเห็นไป๋ฉิงเฉินมีสีหน้าท่าทางที่สับสนจึงเอาคำพูดกลืนกลับไปทันที หันหน้ารีบเดินไปทางห้องครัว……








Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

503