บทที่ 13 นายยังมีหน้ามาโรงพยาบาลอีก!

"เฉินผิงอาน นายอยู่ที่ไหน"

เฉินผิงอานที่นั้งอยู่ในห้องรักษาความปลอดภัยกำลังดูรายงานการเข้าออกโรงเรียนเมื่อวานอยู่ก็ได้รับสายจากแม่ยายพูดเสียงแหลมมาในสยจนเขาตกใจ

"แม่ เกิดอะไรขึ้นหรอ "

เฉินผิงอันยังอยู่ในอาการตกใจ

ในใจคิดว่าถึงแม้ว่าแม่ยายจะไม่ชอบหน้าเขาแต่ก็ไม่เคยโทรหาเขาสักครั้งสามปีมานี้วันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่โทรมา

"อย่ามาเรียกฉันว่าแม่นะไอ้คนฆาตกร นายทำร้ายตาเฒ่าไป๋ของเราจนตาย นายมันคนฆาตกร นายรอไปนอนในคุกได้เลย ! "

ยังพูดไม่ทันจบก็ตัดสายไป

เฉินผิงอานไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่

ทว่าเขาก็รู้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ไม่อย่างนั้นแม่ยายคงไม่โทรมาด่าเขาอย่างนี้หรอกอีกทั้งยังพูดว่าเขาเป็นฆาตกรอีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

จากนั้นเฉินผิงอานก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรหาภรรยาของตน แต่ไป๋ฉิงเฉินก็โทรเข้ามาก่อน

"ผิงอาน เกิดเรื่องขึ้นกับคุณพ่อ วันนี้ตอนเช้าคุณพ่อไปที่บริษัทแล้วเป็นลมหมดสติขึ้นมากระทันหัน ตอนนี้พวกเราอยู่ที่"โรงพยาบาลประชาชน" นายเรีบมาเลยนะ! "

พอได้ยินอย่างนั้น เฉินผิงอานถึงกับตัวสั่นไปทั้งตัว

พอนึกย้อนไปที่แม่ยายเขาโทรมาด่าว่าเขาเป็นฆาตกรอะไร เฉินผิงอานก็รีบเอ่ยถามต่อทันทีว่า"ฉิงเฉิน เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อกันแน่"

"หมอบอกว่า.....โอ๊ย นายรีบมาที่โรงพยาบาลก่อนเถอะค่อยคุกันตอนนี้คุณพ่อยังหมดสติอยู่เลย"

พอได้ยินอย่างนั้นเฉินผิงอานก็ไม่ได้ถามอะไรอีก

"โอเคฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ ! "

พอวางสายไป ไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่ในห้องผู้ป่วยก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

"เธอยังจะโทรหาไอ้คนไร้ประโยชน์อีกทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขามอบเหล้าขวดนั้นเมื่อคืน พ่อของเธอจะเป็นอย่างนี้ไหม หมอเจ้าของไข้บอกฉันแล้วว่าเพราะพ่อของเธอดื่มเหล้าขวดนั้นเลยทำให้หมดสติไป "

"แม่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาหาคนรับผิดชอบนะ สิ่งที่สำคัญตอนนี้คือรักษาคุณพ่อ"

ไป๋ฉิงเฉินได้ยินแม่ตัวเองพูดอย่างนี้ ก็ยิ่งรู้สึกกังวลอยู่ภายในใจ ถึงแม้หล่อยจะรู้ว่าเรื่องนี้แปดสิบเปอร์เซ็นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเฉินผิงอานที่มอบเหล้าขวดนั้นให้เมื่อคืนนี้ แต่ตอนนี้ไม่ใ่เวลาถามหาความรับผิดชอบจากใคร ต้องรับรักษาพ่อของตนก่อน

"เธอยังจะปกป้องเขาอีก แม่ดูแล้วแกมีความรู้สึกกับเขาแล้วใช่ไหม ฉิงเฉิน......"

ในตอนที่โจวหมิงเฟิงพูดอยู่นั้นก็มีคนเดินเข้ามาหลายคน คนที่เดินนำหน้าก้ไม่ใช่ใครก็คือฟางชื่อหวาที่หนีกลับไปก่อนเมื่อคืนนี้

และด้านหลังของเขาก็เป็นหมอที่เดินตามมา

"ฉิงเฉิน คุณป้า คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ"

ฟางชื่อหวาที่เดินเข้ามาหาโจวหมิงเฟิ้งพร้อมกับสีหน้าแตกตื่นและถามด้วยความเป็นห่วงเหมือนกับว่าตัวเองไม่ใช่คนนอก

เหมือนกับว่าฟางชื่อหวาเป็นลูกเขยของหล่อนก็ไม่ปาน

"ชื่อหวา มาก็ดีแล้วลุงไป๋ของเธอเพราะเมื่อคืนเฉินผิงอานมอบเหล้าขาวขวดนั้นให้ดื่มจนเมา พอตอนเช้าอาการก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และพึ้งเข้าไไปในบริษัทก็เป็นลมล้มหมดสติไป จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ฟื้น แล้วอย่างนี้จะทำยังไงดี ถ้าหากตาเฒ่าไป๋เป็นอะไรไป แล้วป้าจะอยู่ยังไง...."

โจวหมิงเฟิ้งพูดพร้อมกับเริ่มจะร้องไห้น้ำตาไหลออกมา

และฟางชื่อหวาก็รีบเข้าไปพูดปลอบ:" คุณป้าอย่าพึ่งกังวลไปเลย นี้คือหัวหน้าแพทย์แผนกอายุรศาสตร์ชำนาญระดูกสันหลังโดยเฉพาะของ"โรงพยาบาลประชาชน" ตอนที่ผมมานี่ก้ได้ยินว่าคุณลุงไป๋ล้มหมดสติไปผมก็รีบโทรหารองผอ.ของโรงพยาบาลทันทีให้พวกเขารีบจัดการรักษาคุณป้าวางใจเถอะคุณลุงจะต้องไม่เป็นอะไร"

"ได้ ได้ ต้องรบกวนชื่อหวาแล้ว"

ฟางชื่อหวาส่ายหน้า แต่สายตาของเขากลับมองไปที่ไป๋ฉิงเฉินที่อยู่ข้างๆตลอด

"อย่ามัวแต่ยืนออกันที่หน้าประตูสิ รีบมาดูอาการของคุณพ่อสิว่าเป็นยังไงบ้าง"

ไป๋เซว่รีบพูดขึ้น

ที่จริงแล้ววไป๋เซว่เป็นคนบอกเรื่องนี้กับฟางชื่อหวาเอง เพราะตอนที่รู้ว่าพ่อของตัวเองถูดส่งตัวไปโรงพยาบาล คนแรกที่หล่อนนึกถึงก็คือฟางชื่อหวา

ถึงยังไงฟางชื่อหวาก็เป็นคนที่มีอำนาจในเมืองปิน

พวกแพทย์ก็รีบเข้าไปทันทีและตรวจอาการไป๋หย่งกวงที่ยังไม่ได้สติ

ด้านนอกห้องผู้ป่าว

"ต้องโทษเฉินผิงอานคนเดียวเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเขามอบเหล้าขาวขวดนั้นให้คุณพ่อ คุณพ่อก็คงไม่เป็นอย่างนี้"

"ทั้งที่คุณพ่อเป็นถึงขนาดนี้แล้ว เขายังไม่มาที่โรงพยาบาลอีก อีกคนที่เป็นคนนอกยังมาเร็วกว่าเขาอีก...."

ไป๋เซว่ที่พูดพร้อมกับมองไปที่ฟางชื่อหวา

ความหมายก็คือฉันสร้างโอกาสให้นายแล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่กับนายแล้วว่าจะคว้าโอกาสนี้ได้ไหม

"ชื่อหวาเป็นคนนอกเสียที่ไหน ครั้งนี้ฉันจะต้องสอบสวนเฉินเฟิงอันจริงๆแล้วว่าเฉินผิงอานนเนี่ยเป็นลูกเขยยังไง มากินมาอาศัเราไม่ว่าแต่ตอนนี้ยังจะมทำร้ายคนอีก ! "

"คนอย่างนี้ตระกูลไป๋เราจะเอาไว้ไม่ได้ ! "

โจวหมิงเฟิ้งที่แววตารุกโชนไปด้วยตวามโกรธ

มองไปที่ไป๋ฉิงฉินที่ก้มหน้าไม่พูดอะไร ฟางชื่อหวาก็พูดเบา"คุณป้าครับอย่าพึ่งโกรธไปเลย ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะถามหาคนผิด ฉิงเฉินเขาก็รู้สึกไม่สึกลำบากใจ พวกเรารอดูอาการของคุณลุงไป๋ก่อนเถอะครับ"

เดิมทีเมื่อคืนนี้ไป๋ฉิงเฉินก็รู้ว่าพ่อของตัวเองนั้นได้มองเฉินผิงอานใหม่ แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี่ขึ้น....

มองดูคนทีเดินเข้ามาก็ยังไม่มีเฉินผิงอานเลย

และฟังแม่กับน้องสาวตัวเองพูดต่อและยังไม่ฟางชื่อหวาคนเสแสร้งอีก หล่อนก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาทันใด

"ฉิงเฉิน.....คุณพ่อเป็นยังไงบ้าง"

ในตอนที่ไป๋ฉิงเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เย็นไม่พูดไม่จาก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากไม่ไกล

ไม่รู้ทำไม ทันใดนั้นใจหล่อนก็สั่นขึ้นมา

เงยหน้าขึ้นมาเจอก็กับเฉินผิงอานที่สวมชุดยามเก่าๆรีบวิ่งเข้ามา

"นายยังมีหน้ามาอีกหรอ ไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ ! "

"ไปสิ ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย! "

โจวหมิงเฟิ้งพอเห็นเฉินผิงอานก็ชี้นิ้วด่าเฉินผิงอานทันที

"แม่คะเบาๆหน่อยที่นี่เป็นโรงพยาบาลนะ ! "

ไป๋ฉิงอานรีบเอ่ยขึ้น

และเฉินผิงอานก็ได้เดินมาถึงไป๋ฉิงเฉินและเห็นแววตาของไป๋ฉิงเฉินที่แดงก่ำถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

"ใช่ พี่ฟางยังมาเร็วกว่านายอีก ถ้าคนไม่รู้คงคิดว่าพี่ฟางเป็นลูกชายของคุณพ่อแล้ว !"

"ไป๋เซว่....อย่าพูดมั่วๆนะ"

ไป๋ฉิงเฉินที่จองไปทางไป๋เซว่

"คุณพ่อเป็นยังไงบ้างกันแน่ "

ไป๋เฉินอานที่มองไปโจวหมิงเฟิ้งอยู่ก็รีบถามอย่างร้อนรน

"เพราะนาย ไอ้คนใจร้ายไม่เพียงแต่ฉุดรั้งฉิงเฉินของพสกเราไว้ ตอนนี้ยังเจตนาทำร้ายตาเฒ่าไป๋จนถึงชีวิตอีก รีบไปให้พ้นหน้าฉันเลยนะ....."

ฟางชื่อหวาที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ไม่พูดอะไร เขาคิดว่าเขาไม่จำเป้นต้องลงมือทำอะไรกับเฉินผิงอานเอง และอีกสักครู่เขาก็จะรู้แล้วว่าเฉินผิงอานแม้แต่ยามก็คงเป็นต่อไม่ได้ ฟางชื่อหวานั้นมีความเชื่อมั่นมากขอแค่เขาอยู่ที่เมืองปิน เฉินผิงอานก็จะถูกเขาเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้า พอถึงตอนนั้นไป๋ฉิงเฉินก็จะวิ่งเข้ามาหาเขาเอง

ถึงแม้จะต้องใช้เวลารอสักระยะนึง แต่ฟางชื่อหวาก็รู้ว่าคุ้มค่าที่จะรอ

พอยิ่งเห็นน้ำตาของไป๋ฉิงเฉินที่ไหลอาบหน้าก็ยิ่งน่าหลงไหล

ในสมองของเขาตอนนี้กำลังคิดว่าไป๋ฉิงเฉินร้องไห้อยู่ใต้ร่างของเขา เขารู้สึกสะใจมาก

"แม่....."


ไป๋ฉิงเฉินเฟเหมือนมีเเรื่องจะพูด แต่ว่าแพทย์ที่ทำการตรวจก็ตรวจเสร็จพอดี

กำลังจะเดินออกมาจากห้องรักษา

"หัวหน้าหลิว คุณลุงไป๋เป็นอะไรกันแน่"

พอเห็นคณะแพทย์เดินออกมา ฟางชื่อหวาก็รีบเดินเข้าไปถามด้วยสีหน้าร้อนรนแสดงออกเหมือนกับว่าเขาเป็นลูกเขยตัวจริง

โจวหมิงเฟิ้งที่มองอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่าฟางชื่อหวาเป็นลูกเขยในอุดมคติของหล่อน

"เอ่อ...."

หัวหน้าหลิวส่ายหน้า พอเห็นหัวหน้าหลิวส่ายหน้าใจทุกคนก็สั่นกลัว

"อาการของคนไข้ค่อนข้างพิเศษ จะว่ายังไงดีล่ะ ที่เขาเป็นลมล้มหมดสติไเพราะดื่มเหล้าเข้าไปเยอะและดีกรีของเหล้าก็สูงมากทำให้โรคเส้นเลือดในสมองกำเริบจนำให้เป็นลมล้มหมดสติไป แต่ก็เป็นแค่ความคาดคะเนของพวกเราเท่านั้น อาจจะมีการตรวจหาสาเหตุอย่างละเอียดอีก ตอนนี้เรายังไม่สามารถบอกได้ว่าสาเหตุที่เป็นลมล้มมดสติไปเกิดจากอะไร

"งั้นสรุปตอนนี้คุณพ่อ......"

"แล้วสามีของฉันจะฟื้นเมื่อไหร่คะ "

"เรื่องนี้อีกสักวันสองวันจะมีแพทย์ที่มีชื่อเสียงของปักกิ่งมาพูดสัมนาที่โรงพยาบางของเรา ซึ่งก็คือเสิ่นหรงหัวที่รวยที่สุดในเมืองปิน ญาติของเขาอยู่ที่โรงงพยาบาลมาเดือนนึงแล้ว เมื่อวานแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนนี้ใช้แค่เข็มฝังเพียงไม่นานก็รักษาหายแล้ว และก็พึ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้เอง

"หัวหน้าหลิว แล้วคุณสามารถให้แพทย์แผนจีนคนนี้มารักษาตาเฒ่าไป๋ของเราได้ไหม"

จากนั้นโจวหมิงเฟิ้งก็เอ่ยถามอย่างมีความหวัง

หัวหน้าหลิวก็ส่ายหน้ายิ้มฝืด

"ฉันไม่ได้มีความสามรถขนาดนั้น แต่ว่ามีคุณชายฟางอยู่ที่นี่ด้วยก็ลูกเขยของคุณน่าจะมีวิธีนะ"

ตอนที่พูดนั้นไม่รอให้คนอื่นได้พูอธิบายพวกคณะแพทย์ก็เดินจากไป

และฟางหมิงหวาก็ยังไม่ทันได้เอ่ยอธิบาย โจวหมงเฟิ้งก็พูดขึ้นอย่างไม่แคร์ใครว่า:"ชื่อหวาแค่เชิญแพทย์แนจีนท่านนั้นมาได้เพื่อมารักษาคุณลงไป๋ของเธอ เธอก็จะได้เป็นลูกเขยของเรา เรื่องแต่งงานของเธอกับฉิงเฉินพวกเราสองคนก็จะตกลง! "

"แม่ ทำไมไปพูดอย่างนี้ ....."

"หุบปาก ห้ามพูด "

ไป๋ฉิงเฉินที่เต็มไปด้วยความเสียใจ ถึงแม้เขาจะไม่อยากให้เฉินผิงอานเลื่อนขั้นเพื่อไปทำขายหน้า แต่เฉินผิงอานเป็นคนที่หล่อนเลือกในตอนแรกและสามปีมานี้เฉินผิงอานก็อยู่ที่บ้านของหล่อนโดยไม่มีความโกรธแค้นอะไร อยู่อย่างว่าง่ายมาตลอด

ถ้าเทียบกับฟางชื่อหวาแล้วไป๋ฉิงเฉินยอมจะอยู่กับเฉินผิอานมากกว่า

"........"


เฉินผิงอานมองหน้าไป๋ฉิงเฉินที่ร้องไห้เสียใจต้องการจะเอ่ยปากพูก็ถูกสายตาของโจวหมิงเฟิ้งกวาดสายตามองมา

"ทำไมนายยงไม่ไปอีก นายยังจะมีหน้ามามายืนอยู่ที่นี่อีก....."

พอไป๋ฉิงเฉินได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองเฉินผิงอาน แล้วก็ร้องไห้วิ่งออกไปท่ามกลางผู้คน

โจวหมิงเฟิ้งก็หันไปทางฟางชื่อหวาด้วยสาตามีความหวัง ตอนนี้หล่อนก็ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ตัวฟางชื่อหวา

ถึงแม้ว่าตระกูลไป๋จะเป็นตระกูลที่ทำธุรกิจในเมืองกิน แต่ว่าไป๋หย่งกวงถูกคนในตระกูลขับไล่ออกจากตระกูลจึงไม่ได้รับสมบัติอะไรจากตระกูลเลย

แต่กับคนอื่น โจวหมิงเฟิ้งก็จะฝากความหวังไว้กับลูกเขยในอนาคตของหล่อนมากกว่า

เฉินผิงฟางก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะเขารู้ว่าถึงแม้ว่าเขาจะพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์เลยเดินไปหาที่หาที่หลบมุม

หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหมายเลข..........





Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

503