บทที่ 6 เพียงอยากใช้ชีวิตที่เงียบสงบ

การปรากฏตัวของรถคันนี้ก็ดึงดูดสายตาของสามคน

มีสองคนนั่งมาในรถ เป็นสาวสวยใส่ชุดกีฬาใส่แว่นดำ ผมยาว รูปร่างเซ็กซี่ลงรถมาคนแรกก่อน

พอสาวสวยลงรถก็เดินมาเปิดประตูที่ตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับ

อาเป้าสายตาแหลมคมพอดูก็มองเห็นคนที่นั่งตำแหน่งข้างคนขับคือใคร จึงรีบเดินขึ้นไปทำความเคารพทันที

เฉินผิงอานยืนอยู่ที่นั่นกลับไม่ขยับแต่ตอนที่เขาเห็นคนวัยเดียวกันที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วนเดินลงมาจากในรถคนนั้น ในใจเหมือนถูกอะไรทิ่งแทงด้วยความเจ็บปวด ความทรงจำที่นับไม่ถ้วนพรั่งพรูเข้ามาในความคิดของเขา

หวังเหย่ในวันนี้เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จโดยแท้จริง สามปีก่อนหนีไปเมืองนอกก็เริ่มสร้างกิจการในเวลาอันสั้นสามปี วันนี้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่ครอบครองกลุ่มบริษัทข้ามชาติ มูลค่าฐานะก็มากกว่าพันล้าน

คนอื่นต่างก็รู้ว่าหวังเหย่มีหัวทางการค้าที่ไม่มีใครเทียบได้กลับไม่รู้ว่าหวังเยว่ยังมีพี่ใหญ่หนึ่งคนที่แอบซ่อนอยู่ที่เมืองปิน

หวังเหย่กว่าจะได้กลับมาในประเทศพอลงเครื่องบินก็ได้ยินข่าวของเฉินผิงอาน สามปีมานี้เขาได้ไว้วานคนออกตามหาไปทั่วเพียงเพียงแค่ทำให้หวังเยว่คิดไม่ถึงก็คือ ปีนั้นเพื่อเรื่องนั้นพี่ใหญ่ที่กล้าหาญคิดไม่ถึงว่าจะยอมเป็นลูกเขยที่ต่ำต้อยของตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่ง อีกทั้งสามปีนี้แทบจะใช้ชีวิตอย่างไม่ค่อยจะดี

พอหลังได้ยินข่าวนี้หวังเหย่ก็รีบขึ้นเครื่องบินจากนั้นก็ขึ้นรถมาที่เมืองปิน เมืองเล็ก ๆ ที่เขาไม่เคยไปมาก่อน

“พี่!”

พอลงรถหวังเหย่เดิมทีก็ไม่สนใจคนอื่น สายตาก็ล็อกไว้ที่เฉินผิงอานที่ใส่ชุดเครื่องแบบรปภ.เก่าที่ยืนอยู่ที่นั่น

ขณะที่มองเห็นเฉินผิงอานครั้งแรก หวังเหย่ก็มองพี่ใหญ่ที่แยกทางกันมาสามปีของตัวเองออก ปีนั้นเพื่อตัวเองและพี่น้องสองสามคนสามารถไม่ต้องเป็นห่วงเขาจึงอยู่จัดการเรื่องต่อที่ปักกิ่งคนเดียว

วันนี้กลับกลายเป็นสภาพอย่างนี้เขาจะไม่ปวดใจได้ยังไง

หวังเหย่แทบจะสามก้าวต่อเป็นสองก้าวเดินมาถึงด้านหน้าของเฉินผิงอานโดยตรง เจ้าพ่อหนุ่มเกรี้ยวกราดท่านนี้เวลานี้ดวงตาสองข้างกลับแดงน้ำตาต่างก็ไหลออกมาแล้ว

“ไม่ได้เจอกันนานเลย คุณอ้วนขึ้นมากเลยนะ”

ถึงแม้เฉินผิงอานจะไม่ขยับแต่เขากลับมองหวังเหย่ที่เดินมาทางเขาอย่างตื่นเต้นในใจของเขาทำไมถึงไม่ตื่นเต้นล่ะ สามปีแล้วเดิมทีเฉินผิงอานคิดว่าตัวเองจะไม่ได้เจอพี่น้องเหล่านี้ของตัวเองอีกแล้ว

หวังเหย่จู่ๆ ยิ้มออกมาและเช็ดน้ำตาอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน“พี่ คุณผอมลงมากนะ”

เฉินผิงอานกลับพยักหน้า

เมื่อกี้ผู้ชายวัยกลางคนที่ขึ้นมาต้อนรับอที่ยู่ด้านข้างนั่น เวลานี้ต่างก็มองด้วยความตกตะลึง เขาที่สามารถอยู่ข้างกายกับเสิ่งหรงหวาจนได้ตำแหน่งนี้มาได้ต้องมีสายตาอยู่แล้ว เวลานี้ในใจของเขาเกิดคลื่นพายุมานานแล้ว มองเฉินผิงอานที่ยืนอยู่เหมือนเมฆลมที่เบาบางอยู่ที่นั่นมาตลอดในใจยิ่งถอนหายใจอย่างมากมาย

“พี่หวัง นายน้อยเฉิน พวกเราเข้าไปคุยข้างในเถอะ ประธานเสิ่นเสิ่นหรงหวาพวกเขาน่าจะมาถึงกันแล้ว”

เสิ่งหรงหวา?

หวังเหย่ในเวลานี้กลับถามอย่างสงสัย“ใครคือเสิ่นหรงหวา?”

ยังทัน เรื่องเหล่านี้อาเป้าต่างก็ยังไม่ทันได้พูดอย่างละเอียดกับหวังเหย่

“เป็นเถ้าแก่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ร่ำรวยในอันดับต้นๆ ของเมืองปิน”

เฉืนผิงอานพูดอธิบายอย่างช้าๆ

ได้ยินเฉินผิงอานพูดอย่างนี้ รปภ.ที่อยากจะขึ้นไปต้อนรับเมื่อกี้นั้นก็หยุดเท้าทันทีทำให้ตกใจโดยสิ้นเชิง นี่เกิดอะไรขึ้นในสายตาของเขาประธานเสิ่นนั่นเป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองปินกลับถูกคนประเมินง่ายๆ อย่างนี้?

แต่นี่ก็กลับอธิบายประวัติความเป็นมาที่ลึกลับของทั้งสองคนได้ การแสดงออกของเขาก็ยิ่งเพิ่มความนอบน้อมขึ้นทันที

“เอ่อ งั้นไปกันเถอะ”

เป็นอย่างที่อาเป้าพูดมาทั้งหมด ที่จริงแล้วเสิ่นหรงหวาสองสามีภรรยาได้มาถึงที่วิลล่าเบอร์หนึ่งนี้นานแล้ว จากเมื่อวานที่ได้รับข่าวเสิ่งหรงหวาก็ได้ให้คนมาจัดเก็บวิลล่าเบอร์หนึ่งนี้ก่อน เสิ่นหรงหวาก็ยิ่งเลื่อนการประชุมของกลุ่มบริษัทที่สำคัญมากออกไปและก็ได้ลากภรรยาของตัวเองมารอในวิลล่าเบอร์หนึ่ง

ในขณะที่เฉินผิงอานเพิ่งมาถึง ที่จริงแล้วเสิ่งหรงหวาก็รู้แล้วแต่ในขณะที่เขาเห็นอาเป้าที่มาจากปักกิ่งทำความเคารพต้อนรับกลับเป็นรปภ.เล็กๆ ที่ธรรมดาคนหนึ่งที่อายุแค่ยี่สิบปี

ตอนนั้นก็มีความลังเลเล็กน้อยในขณะที่เขาลังเลอยู่นั้นเฟอร์รารีคันนั้นก็ได้ขึ้นไปจุดชมวิวแล้ว ตอนที่เห็นฉากต่อมาเสิ่งหรงหวาก็เสียใจมากในทันที

มองเห็นสองคนเดินมาทางประตูใหญ่ของวิลล่าก็รีบวิ่งลงมาจากตึกทันทีแล้วตัวเองและภรรยาก็เปิดประตูใหญ่ของวิลล่า ยืนอยู่ด้านข้างทำความเคารพด้วยใบหน้าที่นอบน้อม

“พี่หวัง นายน้อยเฉิน ท่านนี้ก็คือเสิ่นหรงหวา ประธานเสิ่น”

พอเดินมาถึงปากประตูใหญ่ของวิลล่าก็มองเห็นเสิ่งหรงหวาสองสามีภรรยา อาเป้ายิ้มและแนะนำในทันที

“อืม”

หวังเหย่มองแวบหนึ่งเพียงแค่อืมออกมา แล้วก็ตามมาด้านหลังของเฉินผิงอาน

“ขอบคุณประธานเสิ่นมาก รบกวนคุณจริงๆ ”

เฉินผิงอานสามปีนี้ได้เอาความกล้าหาญทั้งหมดของตัวเองลดลงนานแล้วและสภาพจิตใจก็สงบลงมาก มองเห็นเสิ่นหรงหวาที่มีใบหน้าที่เคารพนบน้อบและแฝงไปด้วยความตกใจเขาได้ยื่นมือออกมาทันที

เสิ่งหรงหวามองเห็นฉากนี้ก็รีบยื่นมือออกมาจับกับเฉินผิงอาน

“นายน้อยเฉินเกรงใจแล้ว ถ้ารู้นานแล้วว่าคุณอยู่ที่เมืองปิน ผมก็คงจะไปเยี่ยมเยือนคุณนานแล้ว”

ในขณะที่เสิ่นหรงหวาพูดนั้นไม่รู้ว่าทำไมบนหน้าผากมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย ในใจของเขายิ่งรู้สึกว่าแปลกประหลาด เฉินผิงอานที่อยู่ต่อหน้าคนนี้เป็นนายน้อยที่มาจากบ้านตระกูลเฉินของปักกิ่ง ทำไมถึงใส่ชุดอย่างนี้หรือว่าเพื่อหาประสบการณ์ชีวิต?

แต่เขาก็ไม่กล้าถาม

แต่เขาอยากที่จะสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลที่มีชื่อเสียงของปักกิ่งเหล่านั้น แต่พี่เชว่คนนี้ที่พี่เป้าพูดถึงเขารู้ชัดเจนดีมาก สามปีก่อนเขาไปเข้าร่วมเวทีการประชุมพัฒนาของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ครั้งหนึ่ง ในงานเลี้ยงก็เห็นพี่เชว่ที่ยังสาวท่านนี้ไกลๆ จากด้านหลังเพียงแค่เวลานั้นฐานะมีความแตกต่างเดิมทีก็ไม่มีโอกาส

ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยไปอยู่แล้ว

ดังนั้นได้รับโทรศัพท์ของพี่เชว่ก็ให้คนจัดเก็บวิลล่าเบอร์หนึ่งขึ้นมาทันที

ที่นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นหรงหวาเตรียมมอบให้กับบุคคลสำคัญที่สามารถพึ่งพิงให้กับตัวเองได้ในอนาคต มูลค่ามากกว่าห้าสิบล้านเพียงอาศัยจุดนี้ก็สามารถเห็นได้ว่าเสิ่งหรงหวาให้ความสำคัญมากเท่าาไหร่กับนายน้อยเฉินที่พี่เชว่พูดถึงในตำนาน

เฉินผิงอานแค่ยิ้มเบาๆ จากนั้นก็เข้าไปในวิลล่าท่ามกลางคำแนะนำของเสิ่นหรงหวา

พูดคุยมาได้สักพัก เสิ่งหรงหวาไม่ได้พูดถึงความต้องการของตัวเองสักคำเพียงแค่แสดงความนอบน้อมที่มากพอออกมา โดยเฉพาะหลังได้ยินมาว่าหวังเหย่เป็นประธานของบริษัทข้ามชาติแห่งหนึ่งก็ยิ่งมีท่าทางที่นอบน้อมขึ้น

หลังทักทายอย่างมีมารยาทแล้ว เฉินผิงอานก็นั่งในห้องหนังสือกับหวังเหย่ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม

“พี่ ตอนนี้ผมกลับมาแล้ว ผมและพี่สองติดต่อกันแล้วเขาอาจจะผ่านไปสักหนึ่งปีก็คงจะกลับประเทศแล้ว ถึงเวลานั้น……”

เฉินผิงอานยื่นมือตัดบทคำพูดของหวังเหย่จากนั้นก็ยิ้มพูดว่า“น้องเจ็ด สามปีนี้ผมก็คิดทบทวนเรื่องมากมายใช้ชีวิตอยู่ในการดูแลของคนอื่นอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ตอนนี้ผมไม่สามารถรับปากคุณได้ ”

พอหวังเหย่ได้ยินในใจก็อดที่จะไม่เข้าใจไม่ได้

“พี่ ในเมื่อตอนนี้คุณใช้ชีวิตไม่ค่อยจะดี พวกเราพี่น้องสองสามคนต่างก็รู้ว่าสามปีนี้คุณแบกรับความผิดของพวกเรา ตอนนี้ผมกลับมาแล้วห็จะไม่ให้พี่ได้รับความไม่ยุติธรรมอีกอย่างแน่นอน อีกอย่างพี่ ตอนนี้บริษัทของผมยังใหญ่กว่าตอนเริ่มต้นของพวกเรา ผมเหลือส่วนแบ่งการลุงทุนไว้ให้คุณนานแล้วคุณต่างหากที่เป็นหุ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทแห่งนี้ของผม พี่ น้องชายต้องการคุณ……ผมคนเดียวบริหารบริษัทที่ใหญ่อย่างนี้ไม่ไหวจริง ๆ”

เฉินผิงอานทำไมจะไม่รู้ความคิดของหวังเหย่ แต่เขากลับไม่สามารถออกไปได้ในวันนี้

“น้องเจ็ด คุณรู้นิสัยของผมดีเพียงแค่เรื่องที่ตัดสินใจแล้วก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้สามารถมองเห็นคุณมีความสำเร็จอย่างนี้ พี่มีความดีใจจริงๆ แต่ตอนนี้ผมยังไม่สามารถออกไปจากเมืองปินได้ นอกจากนี้ปักกิ่งที่นั่นคุณเองยังต้องระวัง พยายามโผล่ใหน้าให้น้อยสามารถปิดบังตัวเองได้ก็จะดีที่สุด พวกเรา……เฮ้อ ไม่พูดแล้วต่างก็ใกล้จะกลางวันแล้ว วันนี้กลางวันผมยังมีธุระก็ไม่กินข้าวกับคุณแล้ว คุณก็รีบกลับปักกิ่งเถอะงานของบริษัทคุณคงต้องยุ่งแน่นอน”

“พี่ ผม……”

“น้องเจ็ด ตอนนี้พี่มีคนที่ต้องเป็นห่วงดังนั้นไม่สามารถออกไปจากเมืองปินได้ แต่คุณเชื่อพี่พวกเราพี่น้องแปดคนจะต้องมีวันที่ได้รวมตัวกันวันนั้นอีก คุณเป็นคนฉลาดจะต้องรู้ความหมายของผมอย่างแน่นอน”

ได้ยินเฉินผิงอานพูดอย่างนี้ ดวงตาทั้งสองของหวังเหย่สว่างขึ้น

“คนที่เป็นห่วง พี่ ทำไมมีพี่สะใภ้แล้ว?”

เฉินผิงอานก็ไม่ปิดบังพี่น้องของตัวเอง ค่อยๆ พยักหน้ายิ้ม

“ฮ่าๆ นี่เป็นข่าวที่ดีมากข่าวหนึ่ง……”

“ผมไม่อยากรบกวนการใช้ชีวิตของพวกเขา ตอนนี้ผมเพียงอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสุขดังนั้นน้องเจ็ดคุณเข้าใจความหมายของผม?”

เดิมหวังเหย่ที่มีใบหน้าตื่นเต้นดีใจก็ย่นหัวคิ้วขึ้นมาทันที สูดลมหายใจลึกพูดว่ “พี่ ถ้าหากคุณสามารถใช้ชีวิตที่สุขสงบได้พวกเราไม่รบกวนคุณอย่างแน่นอน แต่สภาพการณ์ตอนนี้เกรงว่าจะไม่อำนวยนะผมได้ยินมาว่าผู้หญิงนั่นของบ้านตระกูลหลงก่อนหน้านี้หาคุณเจอแล้ว?”








Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

503