บทที่ 42 คุณมาเล่นตลกหรือเปล่า?

"พอแล้ว……"

หวังสิ้วอวิ้นที่นั่งอยู่ตำแหน่งประธานเวลานี้ได้มีสีหน้าที่เยือกเย็นมาก

"ฉิงเฉินเรื่องนี้เธอยังมีความคิดเห็นอะไรอีกไหม?"

เห็นชัดว่าสำหรับคำพูดของเฉินผิงอานก่อนหน้านี้เดิมทีก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาแต่เฉินผิงอานจู่ๆเอ่ยปากซึ่งกลับทำให้หวังสิ้วอวิ้นโกรธเป็นอย่างมาก

"คุณย่าฉัน……"

ไป๋ฉิงเฉินเวลานี้คิดไม่ถึงว่าจะมองไปทางเฉินผิงอาน

กระทั่งตัวเองต่างก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเวลานี้ตัวเองถึงมองไปทางเฉินผิงอาน

ผู้ชายที่ปกติมีเรื่องใหญ่อะไรล้วนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของเขาวันนี้เหมือนมีตรงไหนที่ไม่เหมือนกัน

"คุณย่า……"

อ๊ะ?

ในเวลานี้เฉินผิงอานเตรียมที่จะเอ่ยปากจู่ๆสีหน้าของหวังสิ้วอวิ้นก็เปลี่ยนเป็นมืดและเยือกเย็นมากดวงตาทั้งสองข้างนั้นจ้องมองเฉินผิงอานยิ่งเหมือนงูพิษสองตัวที่พร้อมจะฆ่าได้ตลอดเวลา

"แกคิดว่าแกเป็นใคร?ที่นี่มีพื้นที่ให้แกพูดด้วยเหรอ?"

"ใช่……"

เวลานี้ไป๋หย่งเซิ้งก็ล็อกคิ้วแน่นมองไปทางเฉินผิงอานที่ใส่ชุดเรียบง่ายนั่งอยู่ด้านข้างไป๋ฉิงเฉินในสายตาของเขาตั้งแต่ไหนมาต่างก็ไม่เคยมองคนบ้านนอกคนนี้เลยเฉินผิงอานอยู่ในบ้านถูกคนในบ้านเรียกว่าคนไร้ค่าอยู่ด้านนอกยิ่งไม่มีค่าที่จะให้พูดถึง

"หลานสาวฉิงเฉินกรุณาดูแลคนของคุณให้ดียังไงที่นี่ไม่ใช่ในบ้านของพวกคุณพออ้าปากก็จะสามารถพูดจามั่วสั่วได้"

"ใช่เอาตัวเองเป็นคนตระกูลไป๋ไปแล้วจริงๆ!"

ไป๋ฉิงเฉินเวลานี้ใบหน้าแดงเขาได้รับรู้ถึงความเหยียดหยามที่ไม่เคยมีมาก่อนจริงๆเดิมทีนี่เป็นคนของบ้านเขาคนเหล่านี้ต่างก็เป็นคนของตระกูลไป๋แต่ใครจะคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างนี้

เดิมทีโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนนั่นก็คือเลือดเนื้อของพ่อ

คุณย่าแทบจะประโยคเดียวเอาโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนเป็นของอุตสาหกรรมของตระกูลและให้พ่อสองไป๋หย่งเซิ้งไปรับดูแลต่อทั้งบริษัท

เรื่องนี้ถ้าพ่อรู้ไม่แน่ว่าจะโกรธมากในตอนนั้น

ดังนั้นไป๋ฉิงเฉินไม่ว่ายังไงต่างก็ไม่เห็นด้วยแต่เวลานี้หล่อนกลับพบว่าเขาเองพูดไม่ออกสักประโยคหนึ่งในขณะที่อยู่ต่อหน้าทุกคนต่อหน้าคณย่าที่ดูเคร่งขรึมนั่น……

"ฮึๆผมจะไม่ใช่คนของตระกูลไป๋ได้ยังไงผมคือสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของฉิงเฉินโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนเป็นบริษัทของบ้านพวกเราผมก็มีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นอยู่แล้ว"

"โรงกลั่นเหล้าชิงฉวนก็แค่มีวิกฤตชั่วคราวผมเชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอนอีกทั้งพวกเรามีเค้าร่างแล้วไม่เกินสามวันโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนที่เจอวิกฤตก่อนหน้านี้ต่างก็จะสามารถคลี่คลายได้"

คำพูดของเฉินผิงอานทำให้คนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึง

แม้กระทั่งไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงเล็กน้อยยังไงในความคิดของเขาเฉินผิงอานในเวลาปกติที่พูดน้อยใครๆก็สามารถกลั่นแกล้งเขาได้การแสดงออกในวันนี้แปลกประหลาดไปบ้างจริงๆ

เฮ่อ……

"ฮ่าๆๆ……เฉินผิงอานคุณทำให้ผมขำตายใช่ไหม?คุณเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของพี่ฉิงเฉิน?นั่นก็ใช่พวกคุณก็เป็นคนที่ไปรับหนังสือสมรสจากสำนักงานอำเภอแต่ใครจะรู้ว่าคุณก็แค่เป็นโล่กำบังลูกศรหนึ่งที่พี่ฉิงเฉินคุ้มกันไว้เท่านั้นคุณยังคิดว่าตัวเองเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของตระกูลไป๋จริงๆเหรอ?"

"ในปีนี้นี้เรื่องแปลกประหลาดอะไรก็มีหมดโดยเฉพาะปีนี้มีมากพี่ฉิงเฉินสงสัยสามีที่ไร้ค่าคนนี้ของพี่เหมือนอยากที่จะออกหน้าแทนคุณนะยังแก้ปัญหาวิกฤตโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนพวกคุณมีเค้าร่างแล้วผมว่าเฉินผิงอานคนอื่นในเมืองปินไม่รู้แต่พวกเราตระกูลไป๋ไม่มีใครไม่รู้คุณเพียงแค่คิดไม่ถึงว่าเมื่อก่อนคุณที่เป็นคนไร้ค่ายังถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์ตอนนี้คาดไม่ถึงว่าจะเสแสร้งอวดดีต่อหน้าพวกเรา"

"ใช่พี่ฉิงเฉินคุณดูแลคนของคุณยังไงที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่จะอ้าปากก็มาพูดมั่วสั่วได้"

……

ได้ยินเสียงวิจารณ์เหล่านี้ในใจของไป๋ฉิงเฉินก็โกรธมากสีหน้าบนใบหน้าก็ยิ่งน่าเกลียดมาก

เวลานี้เฉินผิงอานยังอยากที่จะพูดอีก

กลับถูกไป๋ฉิงเฉินตัดบท

"ผิงอานคุณไม่ต้องพูดแล้ว"

ถึงแม้พูดว่าไป๋ฉิงเฉินไม่รู้ว่าเพราะอะไรเฉินผิงอานที่ตั้งแต่ไหนมาไม่เคยเข้าร่วมเรื่องงานของบริษัทและงานของตัวเองแม้แต่สักครั้งจู่ๆต้องการจะเข้าร่วมการประชุมของกลุ่มบริษัทของตระกูลกับตัวเองด้วยอีกทั้งคิดไม่ถึงว่ายังแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมของกลุ่มบริษัท

แต่ไป๋ฉิงเฉินก็รู้ว่าเฉินผิงอานที่จริงแล้วเพื่อต่อสู้ให้กับตัวเองก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่เช่ารถสปอร์ตที่หรูหราคันหนึ่งที่หน้าประตูโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนเอาตัวเองออกจากฉากที่น่าอึดอัดใจไป

ที่จริงแล้วในใจของไป๋ฉิงเฉินดีใจมากดูจากเรื่องเหล่านี้แล้วอย่างน้อยเฉินผิงอานยังคิดที่จะพัฒนาตัวเองเพียงแค่วิธีอย่างนี้ไป๋ฉิงเฉินกลับไม่ดีใจเล็กน้อย

"คุณย่าผิงอานพูดถูกโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนเป็นเลือดเนื้อของพ่อฉันฉันจะหาวิธีช่วยให้หลุดพ้นจากวิกฤตให้ได้อย่างแน่นอนกระทั่งเมื่อกี้ที่คุณเพิ่งพูดให้พ่อสองมารับเรื่องโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนฉันยังต้องกลับไปปรึกษากับพ่อสักหน่อยยังไงก็เป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้"

"จากนั้นล่ะ……"

หวังสิ้วอวิ้นถามและมองไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่แดง

"จากนั้น……"

จู่ๆไป๋ฉิงเฉินก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

เพราะว่าสำหรับฉิงเฉินสภาพการณ์ของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนในตอนนี้เขารู้ชัดเจนที่สุดถึงแม้ไม่ถึงขนาดเหมือนอย่างที่พ่อสองไป๋หย่งเซิ้งพูดมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดว่าเป็นสภาพที่ยุ่งเหยิงแน่นอนแต่ถ้าหากเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกกลัวว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะกลายเป็นอย่างที่พ่อสองพูดมาทั้งหมดจริงๆ

ถึงเวลานั้นทำได้แค่ประกาศล้มละลาย

แต่ไป๋ฉิงเฉินก็ไม่ยินยอมตระกูลมีสิทธิ์อะไรที่จะมาเอาบริษัทที่พ่อของตัวเองสร้างมาด้วยความยากลำบากทำงานทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่ได้หยุดอย่างนี้ยิ่งน่าเกลียดก็คือให้พ่อสองมารับช่วงต่อโดยตรงเป็นผู้ควบคุมดูแลบริษัทโดยสิ้นเชิง

นี่ก็เท่ากับว่าเอาโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนของครอบครัวพวกเขาเสนอออกมา

"พูดไม่ออกใช่ไหมฉิงเฉินเดิมโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทของพวกเราฉันถึงได้ทำอย่างนี้ไม่งั้นเดิมทีฉันก้ไม่มีทางที่จะเก็บความยุ่งเหยิงนี่โรงกลั่นเหล้าชิงฉวนต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่พูดอย่างอื่นถึงแม้บริหารรักษาก่อนหน้านี้ต่างก็อย่างน้อยต้องให้กลุ่มบริษัทอักฉีดเป็นสิบล้านถึงจะสามารถมีการเปลี่ยนแปลงเธอคิดว่าอาศัยเงื่อนไขของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนตอนนี้จะสามารถไปหาเงินทุนใหม่ได้?"

"ใช่หลานสาวฉิงเฉินกลุ่มบริษัทที่จริงแล้วเพื่อโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนก็ปรึกษาพูดคุยมาหลายครั้งแล้วสุดท้ายคุณย่าถึงได้ตัดสินใจลงมาถ้าคุณยังเอาแต่ใจอย่างนี้ต่อไปโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนก็คงจะล้มละลายจริงๆแล้วถึงเวลานั้นพวกคุณทั้งครอบครัวก็จะไม่ได้อะไรเลยยังต้องแบกรับภาระหนี้สินที่จำนวนมหาศาลนี่คือโอกาสของพวกคุณคุณต้องรักษามันไว้ให้ดีๆ!"

ไป๋หย่งเซิ้งเวลานี้ในใจกลับยิ้มอย่างเย็นชา

โรงกลั่นเหล้าชิงฉวนถึงแม้สภาพการณ์ตอนนี้น่าเป็นห่วงแต่พอเข้าร่วมกลายเป็นธุรกิจของตระกูลโดยแท้จริงแล้วถึงเวลานั้นไม่ต้องพูดอย่างอื่นก็สามารถให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีสิทธิ์อย่างแท้จริงของตระกูลถึงเวลานั้นจะไม่มีใครไม่พอใจที่จะสืบทอดตำแหน่งประธานกรรมการบริหารของกลุ่มบริษัทแล้ว

"พอแล้วไม่ต้องพูดแล้วเรื่องนี้ก็ตัดสินใจอย่างนี้ฉิงเฉินหลายวันนี้เธอก็เหนื่อยแล้ววันนี้เธอกลับไปพักผ่อนให้ดีๆพรุ่งนี้ตอนเช้าฉันจะให้หย่งเซิ้งมารับช่วงโรงกลั่นเหล้าชิงฉวน

"คุณย่า……"

"เลิกประชุม!"

ครั้งนี้หวังสิ้วอวิ้นเดิมทีก็ไม่ให้โอกาสไป๋ฉิงเฉินได้โต้แย้งแล้วประกาศเลิกประชุมโดยทันที

ตามมาด้วยคนในห้องประชุมก็ทยอยเดินออกจากห้องประชุม

ไป๋หย่งเซิ้งเดินมาด้านหน้าของไป๋ฉิงเฉินมองเฉินผิงอานแวบหนึ่งอย่างเหยียดหยามเล็กน้อยพูดว่า"หลานสาวฉิงเฉินคุณทำยังไงหรือว่าไม่รู้การประชุมครั้งนี้เกี่ยวข้องความเป็นความตายของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนแผนนี้ผมช่วงชิงกับคุณย่ามานานมากถึงได้รับมาทำไมคุณถึงพาเขามาพูดอะไรมั่วสั่วโชคดีที่คุณย่าไม่ถือสาไม่งั้นโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนก็ช่วยไม่ได้แล้วจริงๆคุณต้องรู้ว่านั่นเป็นเลือดเนื้อของพี่ใหญ่ทำไมคุณถึงได้หยอกเล่นอย่างนี้?"

"ก็ใช่น่ะสิพี่ฉิงเฉินสามีคนไร้ค่าคนนี้ของพี่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะโอ้อวดแกล้งเป็นคนเก่งขึ้นมาทำให้คาดไม่ถึงจริงๆยังพูดว่าไม่ถึงสามวันวิกฤตของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนจะคลี่คลาย?คุณแน่ใจว่าไม่ได้มาเล่นตลกใช่ไหม?"

ไป๋จินเหลียนที่อยู่ด้านข้างมองเฉินผิงอานที่นั่งอยู่ที่นั่นด้วยหน้าที่เย้ยหยัน

"ฉิงเฉินเรื่องนี้คุณต้องคิดทบทวนให้ดีๆคุณย่ากว่าจะรับปากยื่นมืออัดฉีดโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนคุณต้องรู้และรักษาสถานการณ์โดยรวมแต่ไม่ใช่พาสามีคนไร้ค่าคนนี้ของคุณไปโอ้อวดทั้งวันขายหน้าที่นี่แล้วก็ไม่เป็นอะไรทุกคนต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกันก็ไม่มีใครเหยียดหยามพวกคุณจริงๆแต่ถ้าไปเป็นอย่างนี้ข้างนอกงั้นก็ทำให้ตระกูลไป๋พวกเราขายหน้าจนหมดสิ้น"

ลูกชายคนโตไป๋เหลียนซานของไป๋หย่งเซิ้งมองลูกพี่ลูกน้องที่สวยนั่นของตัวเองแวบหนึ่งพูดอย่างจริงจัง

"พี่ชายพูดถูกพี่ฉิงเฉินเฉินผิงอานคนไร้ค่าคนนี้คุณควรจะให้เขาอยู่ที่บ้านซักผ้าทำอาหารถูพื้นก็ดีแล้วปกติก็ไม่ต้องพาเขาออกมาจริงๆผมดูแล้วยังขายหน้าคุณดูสิใส่เสื้อผ้าเหมือนคนที่เก็บขยะวันนี้ก็ถือว่าเห็นแก่หน้าคุณไม่งั้นก็ถูกไล่ออกไปนานแล้ว!"

"พวกเธอ……"

ไป๋ฉิงเฉินเวลานี้ใบหน้าแดงกัดฟันกร๊อด

คนเหล่านี้ยังพูดอะไรครอบครัวเดียวกันคำพูดที่พูดออกมาแสดงเปิดเผยว่าพูดโจมตีอย่างเย้ยหยันโดยสิ้นเชิงอะไรที่น่าเกลียดก็พูดออกมาหมด

หล่อนมองเฉินผิงอานแวบหนึ่งที่นั่งข้างตัวเอง

ถึงแม้เหมือนเฉินผิงอานภายนอกเงียบสงบมากแต่ไป๋ฉิงเฉินรู้ในใจของเขาจะรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน

"พอแล้วพวกเธอก็อย่าไปว่าฉิงเฉินแล้วยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของหลานสาวฉิงเฉินแต่การแต่งงานของหลานสาวฉิงเฉินพวกเธอต้องเรียนรู้บทเรียนโดยเฉพาะจินเหลียน……"

ยิ่งโมโหขึ้นเรื่อยๆครอบครัวนี้เปลี่ยนวิธีเย้ยหยัน

ทันใดนั้นไป๋ฉิงเฉินอยากที่จะลุกขึ้นโต้แย้งสักประโยคกลับถูกเฉินผิงอานที่ลุกขึ้นจับมือไว้

ก็ตกใจขึ้นมาทันที

"ฉิงเฉินไปเถอะพวกเรากลับบ้านกัน……"

เสียงของเฉินผิงอานอ่อนโยนมากตอนที่พูดในตามีเพียงไป๋ฉิงเฉินคนเหล่านี้ที่อยู่รอบข้างเขาก็ไม่ได้มองสักนิด

"ผิงอาน……"

ไป๋ฉิงเฉินยังอยากที่จะพูดอะไรกลับถูกเฉินผิงอานลากออกจากห้องประชุมไป

"คนไร้ค่าไม่ช้าก็เร็วจะจัดการแกอย่างเด็ดขาด!"

คิดไม่ถึงว่าจะถูกมองข้ามแล้วสองสามคนต่างก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

"จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนในตอนนี้มีเพียงพวกเราที่สามารถรับช่วงต่อถึงแม้พูดว่าในตอนแรกจะมีความยุ่งยากหน่อยแต่ออเดอร์ใหญ่สองสามอันนั่นของโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนเป็นสัญญาลงนามความร่วมมือสิบกว่าปีแล้วผมหาคนไปตรวจสอบแล้วออเดอร์ใหญ่สองสามอันนี้ต่างก็เป็นบริษัทใหญ่ขอแค่พวกเราควบคุมโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนโดยสิ้นเชิงก็สามารถหาประโยชน์ไม่น้อยจากที่นี่ได้"

ไป๋หย่งเซิ้งได้ยินการวิเคราะห์ของลูกชายตัวเองพยักหน้าเบาๆ

"เหลียนซานพูดถูกพรุ่งนี้เหลียนซานและฉันไปรับช่วงบริษัทต่อด้วยกันพอรับบริษัทแล้วถึงเวลานั้นถืงแม้โรงกลั่นเหล้าชิงฉวนไม่ได้รับการช่วยให้กลับมาแล้วประกาศล้มกิจการแล้วเดิมทีก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเราพวกเรายังสามารถหาเงินจากตรงนี้ได้……"

"ใช่ถึงยังไงโรงกลั่นเหล้าชิงฉวนตอนนี้ก็ตายแล้วพวกเรารับมาก็สามารถได้รับเงินไม่น้อย……"

สองสามคนต่างก็พยักหน้าบนใบหน้าเผยรอยยิ้มที่ได้ใจอย่างไม่มีใครเทียบได้

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

503