บทที่ 10 ความจริงใจที่จอมปลอม

“ก็ใช่ อายุก็เท่าไหร่แล้วไม่รู้จักอายจริงๆ ……พี่ฟางสุดหล่อส่งเหล้าก็ส่งเหล้าตาม ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนเป็นแบบอื่นบ้างนี่ไม่ใช่ยื่นหน้าออกมาให้ขายหน้าเหรอ?ฉันต่างก็รู้สึกขายหน้ามาก……”

ไป๋เซว่ที่อยู่ด้านข้างก่อกวนพูดใส่ไฟทันที

ฟางซื่อหวาที่ยืนปากประตูถึงแม้มีใบหน้าที่เรียบเฉียบในใจกลับมีความตื่นเต้น นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาอยากได้อยู่พอดี

ในใจยิ่งคิดอยู่วันนี้ต้องเหยียบย่ำคนไร้ค่าที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนนี้ให้ได้

“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้วไปกินข้าวก่อนเถอะ!”

ไป๋หย่งกวงเวลานี้มองเฉินผิงอานลูกเขยที่ยืนอยู่ที่นั่นที่ค่อย ๆ วางขวดเหล้าในมือลงแล้วก็ส่ายหัว แต่จะว่ายังไงในความคิดของเขาเฉินผิงอานตอนนี้ก็ถือว่าเป็นคนของบ้านตระกูลไป็แล้ว แต่ฟางซื่อหวาที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ถือได้แค่เป็นคนนอก

แต่ไป๋หย่งกวงเวลานี้ทำไมถึงดูภรรยาของตัวเองที่อยู่ต่อหน้าวางแผนหลอกจัดงานวันเกิดของตัวเองไม่ออก แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอานนี้จะงี่เง่าอย่างนี้

ไป๋หย่งกวงพูดออกมาสองสามคนก็ไม่พูดอะไรอีกทันที และตามไป๋หย่งกวงเดินมาถึงด้านหน้าโต๊ะที่วางเต็มไปด้วยอาหารแล้วนั่งลง

ไป๋หย่งกวงเวลานี้ยังกอดกล่องหนังนั่นอยู่ ลูบคลำตัวอักษรภาษาอังกฤษสีทองที่ไม่รู้จักข้างบนนั่น

ไป๋หย่งกวงในฐานะที่คลุกคลีกับไวน์มาเกือบทั้งชีวิตรู้มูลค่าไวน์แดงของโรงเหล้าปาตัสอยู่แล้ว

ของชนิดนี้ไม่ใช่มีเงินก็สามารถซื้อได้ สายตาของไป๋หย่งกวงที่มองฟางซื่อหวาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่แล้ว

“เสี่ยวฟาง ขอบคุณมาก ของขวัญที่คุณส่งให้ผมลุงชอบมาก”

ไป๋หย่งกวงมองกล่องเหล้าเล็กที่สวยงามซ้ำไปซ้ำมา คนที่อยู่ในนั้นต่างก็มองออกว่าไป๋หย่งกวงนั่นเรียกว่ารักมากจนวางไม่ลง

“ฮ่าๆ ขอแค่คุณลุงชอบใจก็พอแล้ว นี่คือไวน์ตอนที่ผมไปเรียนต่อและใช้เงินซื้อในราคาที่สูงของบ้านเพื่อนคนหนึ่งในห้องเก็บไวน์ พอได้ยินวันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุงก็ไม่ได้เตรียมของอย่างอื่นจึงหยิบขวดเหล้าหนึ่งขวดที่ไม่มีมูลค่าเอามาให้คุณลุง ถ้าคุณลุงชอบวันหลังผมเอามาให้คุณลุงอีกสองสามขวดก็ได้แล้ว”

ได้ยินคำชมของไป๋หย่งกวง ฟางซื่อหวาก็ยกคอขึ้นโดยคิดว่าตัวเองหล่อจากนั้นก็มองเฉินผิงอานแวบหนึ่งอย่างท้าทาย นี่ถึงมองไป๋หย่งกวงด้วยหน้าที่เกรงใจและนอบน้อม

“เด็กคนนี้มีมารยาทจริงๆ สมแล้วเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนในระดับสูง ไม่เหมือนบางคนไม่รู้ว่าออกมาจากเมืองที่ยากจนที่ไหนพอมองก็น่ารำคาญ ”

โจวหมิงเฟิ้งคีบอาหารให้ฟางซื่อหวาไปและก็พูดชมเชยไป สุดท้ายยังไม่ลืมดูถูกเฉินผิงอานที่นั่งอยู่ด้านข้าง

ไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็มองเห็นเฉินผิงอานในมือกอดขวดเหล้าสีฟ้าเมื่อกี้ ยิ้มแล้วพูดทันทีว่า“พ่อ ผิงอานก็ซื้อเหล้าให้คุณ ไม่งั้นคืนนี้ก็ดื่มเหล้าของผิงอานแล้วกัน”

ระหว่างที่ไป๋ฉิงเฉินพูดนั้นเท้าก็ค่อย ๆ สะกิดเฉินผิงอานที่นั่งอยู่ด้านข้าง ความหมายนั่นชัดเจนมากก็คือให้เฉินผิงอานแสดงท่าทางให้ดีๆ สักหน่อย

“ก็แค่ขวดเก่าๆ นั่นข้างในจะมีเหล้าดีอะไร เงินเดือนของพี่เขยก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น กลัวว่ากระทั่งมุมของกล่องบรรจุภัณฑ์เหล้าที่พี่ฟางสุดหล่อมอบให้คงจะซื้อไม่ไหวล่ะมั้ง”

ไป๋เซว่พูดจาประชัดประชันต่อหน้า

“พูดถึงก็ใช่ ฉันไปหยิบที่เปิดฝาขวด ซื่อหวา คืนนี้คุณต้องดื่มเหล้ากับคุณไป๋ของพวกเราให้มากหน่อยนะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางธุรกิจให้มากขึ้น……”

ในใจของโจวหมิงเฟิ้งก็ไม่เห็นเฉินผิงอานอยู่ในสายตา

เวลานี้เฉินผิงอานที่นั่งอยู่ที่นั่นมองเห็นสีหน้าที่น่าเกลียดเล็กน้อยของไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ค่อยๆ เอ่ยปากทันทีว่า“เหล้าดีไม่ไดีก็ดูว่าจะพูดยังไง”

สองสามคนที่อยู่ที่นั่นแทบจะคิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอานจะเอ่ยปากในเวลานี้

ต่างก็หันมามองทางเขา

เฉินผิงอานพูดต่อว่า“ในความคิดของผมเหล้าของแบบนี้ก็แค่เป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแสวงหายี่ห้ออะไรให้มากเกินไปที่สำคัญที่สุดคือรสนิยมของตัวเองและอารมณ์ของผู้ดื่ม”

ไป๋ฉิงเฉินที่นั่งอยู่ด้านข้างหลังได้ยินอดไม่ได้ที่จะฝืนยิ้ม ในใจยิ่งค่อนข้างที่จะพูดไม่ออก

เดิมทีวันนี้พ่อของตัวเองกลับมา หล่อนยังอยากที่จะคิดหาทางให้เฉินผิงอานแสดงท่าทางให้ดีๆ สักหน่อย ดูสิว่าจะสามารถไปช่วยงานที่โรงเหล้าของที่บ้านได้หรือเปล่า ลำบากสักนิดก็สามารถอยู่ถึงระดับสูงได้ถึงเวลานั้นสามารถช่วยพ่อแบ่งเบาภาระของบริษัท อย่างนี้แล้วก็จะสามารถหลุดพ้นจากคำด่าว่าคนไร้ค่าไม่มีการก้าวหน้า ทำให้พ่อแม่ต่างก็ค่อยๆ รับเขาได้

แต่ใครจะคิดว่าวันนี้ฟางซื่อหวาก็มาด้วย ความห่างของสองคนยังไงก็เห็นชัดเจนมากจู่ ๆ เขาก็ผิดหวังขึ้นมาบ้างแล้ว

ตั้งแต่เด็กไป๋หย่งกวงก็เริ่มทำเหล้าแล้ว สำหรับวัฒนธรรมไวน์ฝังรากลึกอยู่แล้วเวลานี้ได้ยินเฉินผิงอานพูดอย่างนี้อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว การประเมินในใจที่มีต่อเฉินผิงอานก็ลดลงไปเล็กน้อย

เวลานี้ฟางซื่อหวาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเบา ๆ แสดงท่าทางที่ดีออกมา

ยังไงวันนี้เขามีความมั่นใจที่จะได้รับชัยชนะแล้ว เขากวาดสายตามองอย่างไม่อายบนตัวของไป๋ฉิงเฉินแล้วถึงได้มองไปทางเฉินผิงอานพูดว่า“เสี่ยวเฉิน นี่คุณก็ไม่ถูกแล้ว เหล้าเป็นเพียงชนิดหนึ่งของเครื่องดื่มนั่นเป็นทฤษฎีที่ผิวเผินมาก เหล้าแต่ละชนิดต่างก็มีวัฒนธรรมของตัวเองอยู่ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมเหล้าของประเทศพวกเราหรือไวน์ของต่างประเทศ……”

ระหว่างที่พูดเขาก็ค่อย ๆ เปิดกล่องเหล้าหนังนั่นที่อยู่ในมือของตัวเองเปิดเผยบรรจุภัณฑ์หนึ่งขวดในนั้นที่สวยงาม ขวดเหล้าไวน์สวยงามมาก

“อีกอย่างวันนี้เป็นวันเกิดของคุณลุงไป๋ ของขวัญที่ส่งให้ลุงไป๋นั้นเป็นตัวแทนแสดงความจริงใจของตัวเอง”

ระหว่างที่พูดฟางซื่อหวาพูดไปพรางก็เอาขวดเหล้าไวน์ที่สวยงามนั้นส่งให้กับไป๋หย่งกวง ไป๋หย่งกวงที่อยู่ด้านข้างอดทนรอไม่ไหวนานแล้วยังไงปาตัสนั่นเป็นไวน์ระดับโลก ทุกปีจะผลิตทั้งหมดไม่เกินสามหมื่นขวด ราคาขายก็ไปถึงหลักหมื่น

ถึงแม้ไป๋หย่งกวงจะคลุกคลีกับเหล้ามานานอย่างนี้แต่เดิมทีก็ไม่เคยเห็นปาตัสที่แท้จริงสักที

นี่คือครั้งแรกต้องดูให้ละเอียดอยู่แล้ว……

“ก็ใช่ ของถูกนั่นของคุณจะสามารถเปรียบเทียบกับไวน์แดงขวดนี้ของพี่ฟางสุดหล่อได้ยังไง?นี่ก็คือความจริงใจของคุณเหรอ?”

“ไป๋เซว่พอแล้ว”

ไป๋ฉิงเฉินที่อยู่ด้านข้างยิ่งรู้สึกขายหน้าและผิดหวัง

ยิ่งอัดอั้นความน้อยใจที่อยู่ในท้อง เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกไม่มีเรี่ยวแรงอย่างนั้น

ในใจยิ่งสับสนมากไม่รู้ว่าตัวเองตอนนี้ควรจะทำอะไรบ้าง

ถูกไป๋ฉิงเฉินตระคอก ไป๋เซว่ก็เงียบลงแล้ว

เฉินผิงอานต่างเอาความสนใจทั้งหมดของตัวเองไว้ที่ตัวไป๋ฉิงเฉินภรรยาของตัวเองมาตลอด มองเห็นสีหน้าที่แดงอละสับสนของไป๋ฉิงเฉินนั่นก็โมโหขึ้นมาทันที

ยื่นมือค่อย ๆ ตบหลังของไป๋ฉิงเฉิน

“ส่งของขวัญเป็นตัวแทนแห่งความจริงใจโดยแท้จริง แต่คุณเอาขวดเหล้าปลอมมาส่งให้ นี่คือความจริงใจของคุณ?”

ระหว่างที่พูดเฉินผิงอานมองดูไวน์แดงที่สวยงามอย่างละเอียดที่พ่อตาของตัวเองถือไว้ในมือ

เดิมทีเฉินผิงอานไม่อยากทำลายงานวันเกิดของพ่อตาในวันนี้เพราะเรื่องนี้ ยังไงถึงแม้ไป๋หย่งกวงจะไม่ชอบเขาแต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เหยียดหยามเขาโดยตรงแต่รักษาความเงียบขรึมไว้

อีกทั้งตอนกลางวันในขณะที่ไป๋ฉิงเฉินพูดกับเขา เฉินผิงอานก็รู้ความหมายของภรรยาตัวเอง อยากให้ตัวเองแสดงท่าทางให้ดี ๆ จากนั้นให้พ่อตาของตัวเองช่วยดึงตัวเองขึ้น

ถ้าไม่งั้นเฉินผิงอานก็คงจะไม่เอ่ยปากให้หนิงฟางตั้งใจเตรียมของขวัญวันเกิดให้เขา

เพียงแค่เขาคิดไม่ถึงว่าฟางซื่อหวาจะปรากฏตัวขึ้นที่นี่อีกทั้งแทบจะเห็นชัดว่าเล็งไปที่ตัวเอง สำหรับแม่ยายและน้องภรรยาเขาก็ไม่สนใจอยู่แล้วแต่ฟางซื่อหวาคนนี้ เฉินผิงอานกลับไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอนจากเรื่องเมื่อเย็นวานเขาก็มองออกว่าฟางซื่อหวาคนนี้มีความคิดไม่ดีต่อภรรยาของตัวเอง

“อะไร?”

พอได้ยินคำพูดของเฉินผิงอาน จู่ ๆ สองสามคนต่างก็หันไปมองทางเขา

ไป๋ฉิงเฉินยิ่งมีสีหน้าที่ตกตะลึงต่อมาก็ยิ่งสงสัยและกังวล

เขาและเฉินผิงอานอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลาสามปี เฉินผิงอานมีความอดทนอะไรเขารู้ดีมากที่สุดเดิมทีไม่พูดก็ไม่มีอะไร นี่ไม่ใช่ยื่นหน้าออกไปหาเรื่องให้ดดนตบเหรอ?

ยังไงฟางซื่อหวาก็เป็นประธานของบริษัทหนึ่ง เป็นเต่าหัวกระทิที่ไปเรียนเมืองนอก เบื้องหลังก็มีบ้านตระกูลฟางจะส่งเหล้าปลอมให้ได้ยังไง?

อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังเป็นเถ้าแก่ไป๋หย่งกวงโรงกลั่นเหล้าชิงฉวน

เป็นผู้เชี่ยวชาญที่คลุกคลีกับเหล้ามาครึ่งชีวิต

ความคิดของสองสามคนต่างก็เหมือนกับไป๋ฉิงเฉินอยู่แล้ว

“คุณพูดมั่ว เฉินผิงอาน คุณต้องรับผิดชอบตำพูดของคุณในวันนี้ คุณกล้าพูดว่าผมส่งเหล้าปลอมให้กับคุณลุงไป๋?คุณรู้ไหมว่านี่คือเหล้าอะไร?ราคาเท่าไหร่?คุณรู้เรื่องเหล้าหรือเปล่า?”

ฟางซื่อหวาแทบจะตบโต๊ะยืนขึ้น มองเฉินผิงอานที่ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยด้วยความโกรธพูดตะคอก

“ซื่อหวาใจเย็น ๆเขาก็เป็นแค่รปภ.เล็ก ๆ รู้เรื่องอะไรที่ไหน

โจวหมิงเฟิ้งคิดไม่ถึงว่าวันนี้เฉินผิงอานจะกล้าพูดอย่างนี้แล้วรีบพูดปลอบฟางซื่อหวา

เฉินผิงอานกลับยิ้มเบาๆ เงยหน้ามองฟางซื่อหวาที่มีใบหน้าที่โมโหพูดว่า“ผมพูดว่าเหล้าที่คุณส่งให้กับพ่อคือเหล้าปลอม!ทำไม ถูกเปิดเผยแล้วโกรธจะแย่เลยเหรอ?”


















Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

503