บทที่ 5 เพื่อนเก่ากลับมาแล้ว
by ฮวนเซี่ยวหงเฉิน
08:01,Mar 20,2021
พัวะ!
เสียงที่กึกก้องสะท้อนกลับไปทั่วห้องรักษาความปลอดภัย
โอ๊ย……
โอ๊ย……
สองเสียงร้องอย่างโหยหวนแต่ที่ล้มลงกับพื้นเดิมทีไม่ใช่เฉินผิงอานที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น แต่เป็นซุนต้าหย่งที่อ้วนใหญ่ที่เต็มไปด้วยความจองหองนั่น
“แก มึงกล้า……”
แต่ไม่รอคำพูดด้านหลังของซุนต้าหย่งพูดออกมาก็ถูกเขากลืนกลับลงไปในท้องอย่างไม่ยินยอม มองผู้ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสีดำร่างกายกำยำที่อยู่ด้านหน้าด้วยหน้าที่ตื่นกลัว ดวงตาสองข้างนั่นซุนต้าหย่งมองเห็นเพียงรู้สึกว่าร่างกายเย็นเยือกเข้ากระดูกไปทั้งตัว
เหมือนแววตาหนึ่งสามารถฆ่าเขาได้ทันที
ในใจของซุนต้าหย่งโกรธทันทีแต่เวลานี้ตัวเองถูกคนเหยียบอยู่ใต้เท้าอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งเขาเป็นรปภ.มานานหลายปีอย่างนี้ ตัวเองคิดว่ามองคนก็มีความแม่นยำผู้ชายชุดดำที่จู่ ๆ ออกมาคนนี้น่าจะไม่ใช่ที่จะหาเรื่องได้ง่าย ๆ
“นายน้อยเฉิน ถ้าไม่งั้นผมจัดการฆ่าหัวหน้ารปภ.โง่นี่เลย จะได้ไม่มาหาเรื่องคุณอีกวันหลัง!”
ระหว่างที่พูดขาของอาเป้าใช้แรงขึ้นในทันที ซุนต้าหย่งเพียงรู้สึกว่าหน้าอกของตัวเองใกล้ที่จะระเบิดออกแล้ว รีบขอร้องชีวิตขึ้นมา
“ขอโทษ เพราะผมมีตาหามีแววไม่ นายน้อยเฉินคุณปล่อยผมไปสักครั้งเถอะวันหลังผมไม่กล้าเป็นศัตรูกับคุณแล้ว ผม……”
ซุนต้าหย่งในเวลานี้ได้รู้ว่าคนนี้ที่ต่างก็มาเพื่อเฉินผิงอานที่อยู่ต่อหน้าคนนี้
หรือว่าเฉินผิงอานคนนี้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตอะไรจริง ๆ ?
แต่ก็ไม่น่านะ……
“หุบปาก!”
ระหว่างที่พูดอาเป้าก็ได้ตบลงที่ใบหน้าของซุนต้าหย่งทันที ซุนต้าหย่งเพียงรู้สึกว่าตัวเองสั่นไปทั้งตัวในทันที ทั้งใบหน้าล้วนบวมขึ้นมาแล้ว
ร้อนวูบวาบ เจ็บจนน้ำตาของเขาต่างก็ไหลออกมาแล้ว
“พอแล้ว อาเป้าไม่มีความจำเป็นที่จะลงมือกับพวกที่ไม่มีความสามารถเหล่านี้”
เวลานี้เฉินผิงอานถึงถอนใจยาวออกมา จากนั้นมองซุนต้าหย่งที่ย่ำแย่มากบนพื้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉียบ คนนี้เคยเป็นหัวหน้ารปภ.ที่มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจ
“แต่ว่า……”
“แต่ว่าเขารู้เรื่องบางอย่างของนายน้อยเฉินแล้ว ถ้าพูดออกไปทั่วแล้ว……”
คำพูดด้านหลังอาเป้าไม่ได้พูดแต่ไม่ว่าเฉินผิงอานหรือซุนต้าหย่งที่นอนอยู่บนพื้นในใจต่างเข้าใจชัดเจนเหมือนกับกระจก
“ผมเชื่อว่าเขาไม่กล้า!”
พูดจบเฉินผิงอานก็มองซุนต้าหย่งแวบหนึ่งด้วยหน้าที่เย็นชา
ซุนต้าหย่งจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเขาไปในนรกที่ลึกก็ไม่ปาน ความเยือกเย็นในสายตาคู่นั้นเหมือนจะสามารถทำให้เขาจับตัวเป็นก้อนแข็ง นั่นคือกลิ่นไอของการฆ่า……
เฉินผิงอานคนนี้ยังคงเป็นเฉินผิงอานที่เป็นรปภ.มาสองสามปีที่ตัวเองรู้จักไหม?
ซุนต้าหย่งเวลานี้ต่างก็ไม่เป็นห่วงความเจ็บปวดแล้ว ใบหน้าทั้งคนเต็มไปด้วยความมึนงง
อาเป้ามองเฉินผิงอานที่เดินออกจากประตูห้องรักษาความปลอดภัยแล้วเหยียบบนท้องของซุนต้าหย่งพูดขมขู่ว่า“ทางที่ดีที่สุดเข้าใจว่าตัวเองควรจะทำยังไง ไม่งั้นผมจะทำให้คุณมีชีวิตไม่ถึงตะวันตกดิน!”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องรักษาความปลอดภัยทันทีแล้วตามขึ้นรถไป เปิดประตูรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่หรูหราคันหนึ่งที่จอดด้านข้างห้องรักษาความปลอดภัยอย่างเคารพ
“นี่……”
ซุนต้าหย่งที่นั่งบนพื้นของห้องรักษาความปลอดภัยมีเหงื่อเต็มตัว ก็ไม่รู้ว่าเจ็บหรือว่ากลัว
แต่ในใจของเขาได้ตัดสินใจแล้ว วันหลังก็จะไม่หาเรื่องเฉินผิงอานอีก
ในรถ เฉินผิงอานนี่ถึงได้ถอดหมวกรปภ.ที่เก่าเล็กน้อยออก
“อาเป้า เมื่อคินผมไม่ใช่ให้คุณกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมคุณยังไม่ไปอีก?”
อาเป้ามีใบหน้าที่อึดอัดใจเล็กน้อย ขับรถไปแล้วก็พูดว่า“นายน้อยเฉิน พี่หวังกกลับมาแล้วอีกทั้งพี่หวังพอได้ยินว่าคุณอยู่ที่เมืองปิน เพิ่งกลับปักกิ่งเดิมทีก็ไม่ได้ออกจากสนามบินแล้วก็บินไปที่เมืองหรงเฉิงโดยตรงเลย เมื่อกี้พูดว่าได้ถึงหรงเฉิงแล้วอาจจะผ่านไปสักพักก็จะถึงเมืองปิน”
ได้ยินคำพูดของอาเป้าเฉินผิงอานก็มีใบหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นทันที
พี่หวังที่อาเป้าพูดมาทั้งหมดไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นหวังเหย่เพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมตอนที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันที่ปักกิ่ง หลังผ่านประสบการณ์บางเรื่องก็กลายเป็นพี่น้องกัน
เวลานั้นอยู่ด้วยกันมีทั้งหมดแปดคนแต่เวลานั้นเฉินผิงอานเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา หลังจากนั้นต่อมาเพราะว่าพี่น้องหนึ่งในนั้นเกิดเรื่อง หาเรื่องบุคคลที่ใหญ่โตของปักกิ่งดังนั้นแปดคนจึงถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน จากนั้นหนีตายไปประเทศนอกและความวุ่นวายทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเฉินผิงอานที่ช่วยพวกเขาจัดการ
แต่ตอนแรกก็เพราะการบีบบังคับของคนนั้นและตระกูล เขาถึงออกไปจากปักกิ่งยังพูดว่าขอแค่พวกเขาไม่หาเรื่องตัวเองก็จะไม่กลับไปที่ปักกิ่งอีกตลอดชีวิต
หลังออกไปจากปักกิ่ง เฉินผิงอานก็เหมือนหายตัวไปจากที่นี่ไม่ได้ติดต่อกับใครใด ๆ
“นายน้อยเฉิน พี่หวังพูดแล้วครั้งนี้ที่เขากลับมามีเรื่องสำคัญที่จะบอกคุณดังนั้นให้ผมต้องหาคุณให้ได้ ดังนั้นเมื่อกี้……”
เฉินผิงอานสะบัดมือพูดว่า“ไม่เป็นไร ขับรถให้ดีๆ เถอะ”
พดจบ จากนั้นเฉินผิงอานก็พิงที่นั่งด้านหลังที่อ่อนนุ่มแล้วค่อยๆ หลับตาสองข้างลง
ระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเฉินผิงอานนึกถึงวันเวลาตอนที่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียนกับเพื่อนสองสามคนด้วยกัน
เฉินผิงอานในเวลานั้นถึงแม้เดิมทีอยู่ในบ้านตระกูลเฉินก็ไม่ถูกคนให้ความสำคัญ กระทั่งถูกลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ในบ้านเยาะเย้ยแต่เฉินผิงอานกลับฉลาดมากกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก กระทั่งในขณะที่เรียนหนังสือกับเพื่อนสองสามคนก็ได้สร้างกิจการแล้วมีบริษัทเป็นของตัวเอง ถ้าไม่ใช่ตอนแรกที่เกิดเรื่องนั้น วันนี้พวกเขาแปดคนอาจจะกลายเป็นเศรษฐีอันดับต้นของปักกิ่งไปนานแล้ว
ปีนั้นที่เฉินผิงอานยินยอมที่จะอยู่เก็บจัดการเรื่องวุ่นวายนั้นก็เพราะว่าทดแทนบุญคุณของเพื่อนเจ็ดคนนี้ ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องออกหน้าจัดการความกังวลทั้งหมด
สามปีก่อน เพื่อนเจ็ดคนต่างก็ออกนอกประเทศแล้วเหลือเพียงเฉินผิงอานที่อยู่ปักกิ่ง……
หลังผ่านประสบการณ์มาแต่ละอย่าง ที่จริงแล้วเฉินผิงอานเพียงแค่เคยอยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ ใช้ชีวิตกับคนที่ตัวเองแคร์ ถึงแม้คนรอบข้างจะไม่เข้าใจเขาก็ไม่สนใจ
เวลาเดียวกันเขาก็รู้มีเพียงอย่างนี้ถึงจะสามารถทำให้เพื่อนของตัวเองที่อยู่ประเทศนอกมีการพัฒนาที่ก้าวหน้าได้ดีขึ้น
ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลงลั่วเซียนและอาเป้าหาตัวเองเจอ เฉินผิงอานแทบจะเอาความทรงจำที่เคยมากมายเก็บปิดขึ้นมาในความคิดของเขา การใช้ชีวิตของเขาในตอนนี้ที่จริงแล้วก็ดีมากถึงแม้จะเหนื่อยและลำบากหน่อย กระทั่งเป็นคนโง่งี่เง่าในสายตาของคนอื่นถูกคนด่าว่าเป็นคนไร้ค่า แต่เฉินผิงอานก็คิดว่าการใช้ชีวิตอย่างนี้กลับเป็นชีวิตที่แตกต่างกันอย่างหนึ่ง
เพียงแต่เริ่มจากเมื่อวาน เฉินผิงอานจู่ๆ ก็มีความรู้สึกหนึ่ง ชีวิตอย่างนี้แทบจะกำลังโดนทำลาย
แต่ก็ช่างเถอะ
เป็นคนโง่งี่เงาในสายตาคนอื่นมาสามปี เฉินผิงอานรู้สึกว่าก็เป็นเวลาที่จะสมควรเป็นสามีที่ดี ๆ คนหนึ่ง พอนึกถึงไป๋ฉิงเฉินเพราะว่าร่างเงาที่ร้องไห้กระซิกในกลางดึกด้วยแรงกดดันที่นับไม่ถ้วน เฉินผิงอานก็ปวดใจเป็นอย่างมาก
ปีนั้นในขณะที่อยู่ที่โรงเรียน หวังเหย่เพื่อนคนที่เจ็ดเป็นหัวหน้าที่ดื้อรั้นคนหนึ่ง แต่เขามีหัวทางธุรกิจมาก บริษัทตอนแรกที่พวกเขาแปดคนก่อตั้งขึ้นสามารถเพิ่มขึ้นในเวลาอันสั้น หวังเหย่มีผลงานชิ้นแรก
ก็ไม่รู้ว่าสามปีนี้ไอหมอนั่นอยู่เมืองนอกมีความก้าวหน้าเป็นยังไงบ้าง?
เฉินผิงอานค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นก็มองเห็นรถขับมาตามริมถนนทางหลวงรอบภูเขาจนถึงเมืองปินวิลล่าที่อยู่บนยอดเขาของพื้นที่วิลล่าที่หรูหราที่สุด อีกทั้งครั้งนี้ก็คือวิลล่าเบอร์หนึ่งโดยตรง
"จินอวี้เซียงเจียง" เมืองปินเป็นเขตพื้นที่วิลล่าวิวแม่น้ำที่หรูหราที่สุดสามารถเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่ใช่คนรวยก็คนมีเงิน กระทั่งพูดได้ว่าไม่ใช่คุณมีเงินก็สามารถซื้อที่นี่ได้จริงๆ อีกทั้งเขตพื้นที่วิลล่ารอบนี้บ้านน้อยมาก ภูเขาเล็กๆ ด้านหลังภูเขาเป็นแม่น้ำเป็นฮวงจุ้ยที่ดี ตกแต่งก็มีแค่เก้าหลังเท่านั้น
หนึ่งในตำแหน่งของยอดเขาวิลล่าเบอร์หนึ่งก็คือวิลล่าส่วนตัวของเสิ่งหรงหวาที่เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองปิน ยังไงจินอวี้เซียงเจียงก็คือเสิ่นหรงหวาที่เป็นคนค้นคว้าพัฒนา วิลล่าเบอร์หนึ่งบนยอดเขาตกแต่งเองก็เหลือเก็บไว้
แต่วันนี้เฉินผิงอานกลับเห็นอาเป้าขับรถขึ้นไปบนเขาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ขับเข้าไปในจินอวี้เซียงเจียงหน้าประตูวิลล่าเบอร์หนึ่ง
“นายน้อยเฉิน พวกเรามาถึงแล้ว……”
เฉินผิงอานไม่ใช่คนที่ไม่เคยเจอโลกข้างนอก ถึงแม้มีความสงสัยไปบ้างแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม
อาเป้ากลับเข้าใจคน พอเห็นเฉินผิงอานค่อย ๆ ย่นคิ้วก็พรางเปิดประตูไปแล้วก็พูดอธิบายไปอย่างทันที“เพราะว่าเสิ่นหรงหวาอยากที่จะได้อสังหาริมทรัพย์ของหรงเฉิงมาตลอด ดังนั้นจึงสร้างความสัมพันธ์กับพี่เชว่เส้นสายนี้ เมื่อคืนพี่เชว่โทรหาเสิ่นหรงหวาไม่พูดมากอะไรก็จัดเก็บวิลล่าพูดว่าให้นายน้อยเฉินอยู่ไปก่อน รอวันหลังวิลล่าที่เจียงทางนั้นตกแต่งเสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนให้นายน้อยเฉิน”
เฉินผิงอานไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
รอเฉินผิงอานลงรถ ทันใดนั้นไม่ไกลก็มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งใส่ชุดฟอร์มราคาแพงเขามาต้อนรับ แต่พอเขามองเฉินผิงอานที่ใส่ชุดรปภ.เก่าๆ ทั้งตัวเดินออกมาจากรถนั้น จู่ๆ ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา
รีบมองในรถแวบหนึ่ง เห็นไม่มีคนนี่ถึงเดินมาทางเฉินผิงอานโดยใช้รูปแบบรอยยิ้มในการต้อนรับ
ยังไงทั้งตัวเขานี้ต่างก็ราคาแพงมากกว่ารปภ.หนุ่มที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ ถ้าไม่ใช่เห็นว่าได้พูดคุยกับคุณท่านเมื่อคืนให้มาเปิดประตูรถให้กับคนหนุ่มคนนี้ด้วยตัวเอง เขาต่างก็ไม่กล้าเชื่อคุณท่านของตัวเองที่กำชับว่าเป็นแขกคนสำคัญก็คือคนหนุ่มที่ใส่แบบฟอร์มชุดรปภ.ที่เก่าทรุดโทรมที่ธรรมดาคนนี้
ในขณะที่เขาเดินมาทางเฉินผิงอาน ไม่ไกลมากมีรถเฟอร์รารีที่หรูหราคันหนึ่งสะบัดหางที่สวยงามจอดบนยอดเขาบนจุดชมวิวที่ใหญ่มากของวิลล่า……
เสียงที่กึกก้องสะท้อนกลับไปทั่วห้องรักษาความปลอดภัย
โอ๊ย……
โอ๊ย……
สองเสียงร้องอย่างโหยหวนแต่ที่ล้มลงกับพื้นเดิมทีไม่ใช่เฉินผิงอานที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น แต่เป็นซุนต้าหย่งที่อ้วนใหญ่ที่เต็มไปด้วยความจองหองนั่น
“แก มึงกล้า……”
แต่ไม่รอคำพูดด้านหลังของซุนต้าหย่งพูดออกมาก็ถูกเขากลืนกลับลงไปในท้องอย่างไม่ยินยอม มองผู้ชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสีดำร่างกายกำยำที่อยู่ด้านหน้าด้วยหน้าที่ตื่นกลัว ดวงตาสองข้างนั่นซุนต้าหย่งมองเห็นเพียงรู้สึกว่าร่างกายเย็นเยือกเข้ากระดูกไปทั้งตัว
เหมือนแววตาหนึ่งสามารถฆ่าเขาได้ทันที
ในใจของซุนต้าหย่งโกรธทันทีแต่เวลานี้ตัวเองถูกคนเหยียบอยู่ใต้เท้าอย่างโหดเหี้ยม อีกทั้งเขาเป็นรปภ.มานานหลายปีอย่างนี้ ตัวเองคิดว่ามองคนก็มีความแม่นยำผู้ชายชุดดำที่จู่ ๆ ออกมาคนนี้น่าจะไม่ใช่ที่จะหาเรื่องได้ง่าย ๆ
“นายน้อยเฉิน ถ้าไม่งั้นผมจัดการฆ่าหัวหน้ารปภ.โง่นี่เลย จะได้ไม่มาหาเรื่องคุณอีกวันหลัง!”
ระหว่างที่พูดขาของอาเป้าใช้แรงขึ้นในทันที ซุนต้าหย่งเพียงรู้สึกว่าหน้าอกของตัวเองใกล้ที่จะระเบิดออกแล้ว รีบขอร้องชีวิตขึ้นมา
“ขอโทษ เพราะผมมีตาหามีแววไม่ นายน้อยเฉินคุณปล่อยผมไปสักครั้งเถอะวันหลังผมไม่กล้าเป็นศัตรูกับคุณแล้ว ผม……”
ซุนต้าหย่งในเวลานี้ได้รู้ว่าคนนี้ที่ต่างก็มาเพื่อเฉินผิงอานที่อยู่ต่อหน้าคนนี้
หรือว่าเฉินผิงอานคนนี้มีเบื้องหลังที่ใหญ่โตอะไรจริง ๆ ?
แต่ก็ไม่น่านะ……
“หุบปาก!”
ระหว่างที่พูดอาเป้าก็ได้ตบลงที่ใบหน้าของซุนต้าหย่งทันที ซุนต้าหย่งเพียงรู้สึกว่าตัวเองสั่นไปทั้งตัวในทันที ทั้งใบหน้าล้วนบวมขึ้นมาแล้ว
ร้อนวูบวาบ เจ็บจนน้ำตาของเขาต่างก็ไหลออกมาแล้ว
“พอแล้ว อาเป้าไม่มีความจำเป็นที่จะลงมือกับพวกที่ไม่มีความสามารถเหล่านี้”
เวลานี้เฉินผิงอานถึงถอนใจยาวออกมา จากนั้นมองซุนต้าหย่งที่ย่ำแย่มากบนพื้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉียบ คนนี้เคยเป็นหัวหน้ารปภ.ที่มีศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจ
“แต่ว่า……”
“แต่ว่าเขารู้เรื่องบางอย่างของนายน้อยเฉินแล้ว ถ้าพูดออกไปทั่วแล้ว……”
คำพูดด้านหลังอาเป้าไม่ได้พูดแต่ไม่ว่าเฉินผิงอานหรือซุนต้าหย่งที่นอนอยู่บนพื้นในใจต่างเข้าใจชัดเจนเหมือนกับกระจก
“ผมเชื่อว่าเขาไม่กล้า!”
พูดจบเฉินผิงอานก็มองซุนต้าหย่งแวบหนึ่งด้วยหน้าที่เย็นชา
ซุนต้าหย่งจู่ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเขาไปในนรกที่ลึกก็ไม่ปาน ความเยือกเย็นในสายตาคู่นั้นเหมือนจะสามารถทำให้เขาจับตัวเป็นก้อนแข็ง นั่นคือกลิ่นไอของการฆ่า……
เฉินผิงอานคนนี้ยังคงเป็นเฉินผิงอานที่เป็นรปภ.มาสองสามปีที่ตัวเองรู้จักไหม?
ซุนต้าหย่งเวลานี้ต่างก็ไม่เป็นห่วงความเจ็บปวดแล้ว ใบหน้าทั้งคนเต็มไปด้วยความมึนงง
อาเป้ามองเฉินผิงอานที่เดินออกจากประตูห้องรักษาความปลอดภัยแล้วเหยียบบนท้องของซุนต้าหย่งพูดขมขู่ว่า“ทางที่ดีที่สุดเข้าใจว่าตัวเองควรจะทำยังไง ไม่งั้นผมจะทำให้คุณมีชีวิตไม่ถึงตะวันตกดิน!”
พูดจบก็หมุนตัวเดินออกจากห้องรักษาความปลอดภัยทันทีแล้วตามขึ้นรถไป เปิดประตูรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูที่หรูหราคันหนึ่งที่จอดด้านข้างห้องรักษาความปลอดภัยอย่างเคารพ
“นี่……”
ซุนต้าหย่งที่นั่งบนพื้นของห้องรักษาความปลอดภัยมีเหงื่อเต็มตัว ก็ไม่รู้ว่าเจ็บหรือว่ากลัว
แต่ในใจของเขาได้ตัดสินใจแล้ว วันหลังก็จะไม่หาเรื่องเฉินผิงอานอีก
ในรถ เฉินผิงอานนี่ถึงได้ถอดหมวกรปภ.ที่เก่าเล็กน้อยออก
“อาเป้า เมื่อคินผมไม่ใช่ให้คุณกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ?ทำไมคุณยังไม่ไปอีก?”
อาเป้ามีใบหน้าที่อึดอัดใจเล็กน้อย ขับรถไปแล้วก็พูดว่า“นายน้อยเฉิน พี่หวังกกลับมาแล้วอีกทั้งพี่หวังพอได้ยินว่าคุณอยู่ที่เมืองปิน เพิ่งกลับปักกิ่งเดิมทีก็ไม่ได้ออกจากสนามบินแล้วก็บินไปที่เมืองหรงเฉิงโดยตรงเลย เมื่อกี้พูดว่าได้ถึงหรงเฉิงแล้วอาจจะผ่านไปสักพักก็จะถึงเมืองปิน”
ได้ยินคำพูดของอาเป้าเฉินผิงอานก็มีใบหน้าที่เคร่งขรึมขึ้นทันที
พี่หวังที่อาเป้าพูดมาทั้งหมดไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นหวังเหย่เพื่อนที่ใกล้ชิดสนิทสนมตอนที่เคยเรียนหนังสือด้วยกันที่ปักกิ่ง หลังผ่านประสบการณ์บางเรื่องก็กลายเป็นพี่น้องกัน
เวลานั้นอยู่ด้วยกันมีทั้งหมดแปดคนแต่เวลานั้นเฉินผิงอานเป็นพี่ใหญ่ของพวกเขา หลังจากนั้นต่อมาเพราะว่าพี่น้องหนึ่งในนั้นเกิดเรื่อง หาเรื่องบุคคลที่ใหญ่โตของปักกิ่งดังนั้นแปดคนจึงถูกบังคับให้ออกจากโรงเรียน จากนั้นหนีตายไปประเทศนอกและความวุ่นวายทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเฉินผิงอานที่ช่วยพวกเขาจัดการ
แต่ตอนแรกก็เพราะการบีบบังคับของคนนั้นและตระกูล เขาถึงออกไปจากปักกิ่งยังพูดว่าขอแค่พวกเขาไม่หาเรื่องตัวเองก็จะไม่กลับไปที่ปักกิ่งอีกตลอดชีวิต
หลังออกไปจากปักกิ่ง เฉินผิงอานก็เหมือนหายตัวไปจากที่นี่ไม่ได้ติดต่อกับใครใด ๆ
“นายน้อยเฉิน พี่หวังพูดแล้วครั้งนี้ที่เขากลับมามีเรื่องสำคัญที่จะบอกคุณดังนั้นให้ผมต้องหาคุณให้ได้ ดังนั้นเมื่อกี้……”
เฉินผิงอานสะบัดมือพูดว่า“ไม่เป็นไร ขับรถให้ดีๆ เถอะ”
พดจบ จากนั้นเฉินผิงอานก็พิงที่นั่งด้านหลังที่อ่อนนุ่มแล้วค่อยๆ หลับตาสองข้างลง
ระหว่างที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเฉินผิงอานนึกถึงวันเวลาตอนที่เคยเรียนหนังสือในโรงเรียนกับเพื่อนสองสามคนด้วยกัน
เฉินผิงอานในเวลานั้นถึงแม้เดิมทีอยู่ในบ้านตระกูลเฉินก็ไม่ถูกคนให้ความสำคัญ กระทั่งถูกลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆ ในบ้านเยาะเย้ยแต่เฉินผิงอานกลับฉลาดมากกว่าคนอื่นตั้งแต่เด็ก กระทั่งในขณะที่เรียนหนังสือกับเพื่อนสองสามคนก็ได้สร้างกิจการแล้วมีบริษัทเป็นของตัวเอง ถ้าไม่ใช่ตอนแรกที่เกิดเรื่องนั้น วันนี้พวกเขาแปดคนอาจจะกลายเป็นเศรษฐีอันดับต้นของปักกิ่งไปนานแล้ว
ปีนั้นที่เฉินผิงอานยินยอมที่จะอยู่เก็บจัดการเรื่องวุ่นวายนั้นก็เพราะว่าทดแทนบุญคุณของเพื่อนเจ็ดคนนี้ ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ก็ต้องออกหน้าจัดการความกังวลทั้งหมด
สามปีก่อน เพื่อนเจ็ดคนต่างก็ออกนอกประเทศแล้วเหลือเพียงเฉินผิงอานที่อยู่ปักกิ่ง……
หลังผ่านประสบการณ์มาแต่ละอย่าง ที่จริงแล้วเฉินผิงอานเพียงแค่เคยอยากจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาๆ ใช้ชีวิตกับคนที่ตัวเองแคร์ ถึงแม้คนรอบข้างจะไม่เข้าใจเขาก็ไม่สนใจ
เวลาเดียวกันเขาก็รู้มีเพียงอย่างนี้ถึงจะสามารถทำให้เพื่อนของตัวเองที่อยู่ประเทศนอกมีการพัฒนาที่ก้าวหน้าได้ดีขึ้น
ถ้าไม่ใช่ครั้งนี้หลงลั่วเซียนและอาเป้าหาตัวเองเจอ เฉินผิงอานแทบจะเอาความทรงจำที่เคยมากมายเก็บปิดขึ้นมาในความคิดของเขา การใช้ชีวิตของเขาในตอนนี้ที่จริงแล้วก็ดีมากถึงแม้จะเหนื่อยและลำบากหน่อย กระทั่งเป็นคนโง่งี่เง่าในสายตาของคนอื่นถูกคนด่าว่าเป็นคนไร้ค่า แต่เฉินผิงอานก็คิดว่าการใช้ชีวิตอย่างนี้กลับเป็นชีวิตที่แตกต่างกันอย่างหนึ่ง
เพียงแต่เริ่มจากเมื่อวาน เฉินผิงอานจู่ๆ ก็มีความรู้สึกหนึ่ง ชีวิตอย่างนี้แทบจะกำลังโดนทำลาย
แต่ก็ช่างเถอะ
เป็นคนโง่งี่เงาในสายตาคนอื่นมาสามปี เฉินผิงอานรู้สึกว่าก็เป็นเวลาที่จะสมควรเป็นสามีที่ดี ๆ คนหนึ่ง พอนึกถึงไป๋ฉิงเฉินเพราะว่าร่างเงาที่ร้องไห้กระซิกในกลางดึกด้วยแรงกดดันที่นับไม่ถ้วน เฉินผิงอานก็ปวดใจเป็นอย่างมาก
ปีนั้นในขณะที่อยู่ที่โรงเรียน หวังเหย่เพื่อนคนที่เจ็ดเป็นหัวหน้าที่ดื้อรั้นคนหนึ่ง แต่เขามีหัวทางธุรกิจมาก บริษัทตอนแรกที่พวกเขาแปดคนก่อตั้งขึ้นสามารถเพิ่มขึ้นในเวลาอันสั้น หวังเหย่มีผลงานชิ้นแรก
ก็ไม่รู้ว่าสามปีนี้ไอหมอนั่นอยู่เมืองนอกมีความก้าวหน้าเป็นยังไงบ้าง?
เฉินผิงอานค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นก็มองเห็นรถขับมาตามริมถนนทางหลวงรอบภูเขาจนถึงเมืองปินวิลล่าที่อยู่บนยอดเขาของพื้นที่วิลล่าที่หรูหราที่สุด อีกทั้งครั้งนี้ก็คือวิลล่าเบอร์หนึ่งโดยตรง
"จินอวี้เซียงเจียง" เมืองปินเป็นเขตพื้นที่วิลล่าวิวแม่น้ำที่หรูหราที่สุดสามารถเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่ใช่คนรวยก็คนมีเงิน กระทั่งพูดได้ว่าไม่ใช่คุณมีเงินก็สามารถซื้อที่นี่ได้จริงๆ อีกทั้งเขตพื้นที่วิลล่ารอบนี้บ้านน้อยมาก ภูเขาเล็กๆ ด้านหลังภูเขาเป็นแม่น้ำเป็นฮวงจุ้ยที่ดี ตกแต่งก็มีแค่เก้าหลังเท่านั้น
หนึ่งในตำแหน่งของยอดเขาวิลล่าเบอร์หนึ่งก็คือวิลล่าส่วนตัวของเสิ่งหรงหวาที่เป็นเศรษฐีอันดับต้น ๆ ของเมืองปิน ยังไงจินอวี้เซียงเจียงก็คือเสิ่นหรงหวาที่เป็นคนค้นคว้าพัฒนา วิลล่าเบอร์หนึ่งบนยอดเขาตกแต่งเองก็เหลือเก็บไว้
แต่วันนี้เฉินผิงอานกลับเห็นอาเป้าขับรถขึ้นไปบนเขาอย่างชัดเจน จากนั้นก็ขับเข้าไปในจินอวี้เซียงเจียงหน้าประตูวิลล่าเบอร์หนึ่ง
“นายน้อยเฉิน พวกเรามาถึงแล้ว……”
เฉินผิงอานไม่ใช่คนที่ไม่เคยเจอโลกข้างนอก ถึงแม้มีความสงสัยไปบ้างแต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากถาม
อาเป้ากลับเข้าใจคน พอเห็นเฉินผิงอานค่อย ๆ ย่นคิ้วก็พรางเปิดประตูไปแล้วก็พูดอธิบายไปอย่างทันที“เพราะว่าเสิ่นหรงหวาอยากที่จะได้อสังหาริมทรัพย์ของหรงเฉิงมาตลอด ดังนั้นจึงสร้างความสัมพันธ์กับพี่เชว่เส้นสายนี้ เมื่อคืนพี่เชว่โทรหาเสิ่นหรงหวาไม่พูดมากอะไรก็จัดเก็บวิลล่าพูดว่าให้นายน้อยเฉินอยู่ไปก่อน รอวันหลังวิลล่าที่เจียงทางนั้นตกแต่งเสร็จแล้วค่อยเปลี่ยนให้นายน้อยเฉิน”
เฉินผิงอานไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าเบาๆ
รอเฉินผิงอานลงรถ ทันใดนั้นไม่ไกลก็มีผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่งใส่ชุดฟอร์มราคาแพงเขามาต้อนรับ แต่พอเขามองเฉินผิงอานที่ใส่ชุดรปภ.เก่าๆ ทั้งตัวเดินออกมาจากรถนั้น จู่ๆ ก็เกิดความประหลาดใจขึ้นมา
รีบมองในรถแวบหนึ่ง เห็นไม่มีคนนี่ถึงเดินมาทางเฉินผิงอานโดยใช้รูปแบบรอยยิ้มในการต้อนรับ
ยังไงทั้งตัวเขานี้ต่างก็ราคาแพงมากกว่ารปภ.หนุ่มที่อยู่ต่อหน้าคนนี้ ถ้าไม่ใช่เห็นว่าได้พูดคุยกับคุณท่านเมื่อคืนให้มาเปิดประตูรถให้กับคนหนุ่มคนนี้ด้วยตัวเอง เขาต่างก็ไม่กล้าเชื่อคุณท่านของตัวเองที่กำชับว่าเป็นแขกคนสำคัญก็คือคนหนุ่มที่ใส่แบบฟอร์มชุดรปภ.ที่เก่าทรุดโทรมที่ธรรมดาคนนี้
ในขณะที่เขาเดินมาทางเฉินผิงอาน ไม่ไกลมากมีรถเฟอร์รารีที่หรูหราคันหนึ่งสะบัดหางที่สวยงามจอดบนยอดเขาบนจุดชมวิวที่ใหญ่มากของวิลล่า……
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved