บทที่ 6 การเขียนที่ว่องไว

by ชิงเฉิง 08:01,Jul 13,2023
ในวันของการทดสอบระดับชนบท

การทดสอบระดับชนบทนั้น สมัยก่อนมันคือวิธีเดียวที่คนชนชั้นธรรมดาสามารถเป็นข้าราชการได้ ทุกครอบครัวทุกบ้านจะเป็นห่วงกับเรื่องแบบนี้มาก

การทดสอบระดับชนบทใช้เวลาสอบทั้งหมดสามวัน ไม่มีใครสามารถออกจากห้องสอบได้จนกว่าจะตอบคำถามทั้งหมดให้เสร็จ

ผู้ที่เข้าสอบต้องเอาอาหารและผ้าห่มมาเอง ในห้องสอบจะไม่มีประตู ต้าเว่ยชอบฝนตก เพราะฉะนั้นผู้สอบต้องเอาเสื่อน้ำมันมาเอง

ตระกูลฉินรู้ว่าเขาต้องรีบไปสอบ จึงไม่ได้สนใจอะไรเขา แต่กลับเตรียมพร้อมให้แค่ฉินหนานและฉินเป่ย ไม่ว่าจะเป็นพู่กัน กระดาษหรือหมึกดำ แต่ก็ยังมีอาหารชั้นดีและเสื่อน้ำมันที่หนาๆ มีแต่ของที่ดีกว่าของคนอื่น และไม่มีใครดีกว่า

ฉินหนานและฉินเป่ยถูกผู้ดูแลพาออกจากจวนฉิน คุณยายฉินยังให้เงินจำนวนมากแก่พวกเขาใช้ จากนั้นพวกเขาก็ได้นั่งรถม้าจากไป

แต่เซียวเฉวียนออกไปตั้งแต่เช้าทางประตูหลังห้องครัวของคนรับใช้ ไม่มีใครมาส่งเขา เขาอยู่ตัวคนเดียว แต่เขาก็ไม่รู้เดียวดาย แต่เขากลับรู้สึกมีความสุขด้วยซ้ำ

พอมาถึงเมืองหลวง มีนักวิชาการที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยกำลังต่อแถว ถึงแม้ว่าการแต่งตัวจะคล้ายๆ กัน แต่ว่าคุณภาพของเนื้อผ้าดีมากและปักด้วยลวดลายดอกไม้ที่สวยงาม กล่องหนังสือที่พวกเขาถือก็ทำมาจากไม้ชิงชัน

ในทางกลับกันนั้น เสื้อผ้าของเซียวเฉวียนนั้นดูไม่ได้เลย แต่ก็ยังมีเด็กที่มาจากครอบครัวที่ยากจนแต่งตัวเหมือนเขา ถึงภายนอกจะเป็นผ้าที่หยาบ แต่ว่าจิตใจข้างในของพวกเขานั้นไม่ได้แย่

ถึงคนพวกนี้จะมีฐานะยากจน แต่พวกเขามีแต่ของเต็มไม้เต็มมือ ต่างจากเซียนเฉวียนที่แต่พู่กัน กระดาษและหมึก แล้วก็ขนมปังข้าวโพดหนึ่งชิ้น

เจ้าหน้าที่คุมสอบ แบ่งออกเป็นเจ้าหน้าที่คุมสองด้านในและเจ้าหน้าที่คุมสอบด้านนอก เจ้าหน้าที่คุมสอบด้านในมีหน้าที่คุมสอบ ส่วนเจ้าหน้าที่ด้านนอกมีหน้าที่ตรวจข้อสอบ นอกจากนั้นทั้งเจ้าหน้าที่ด้านในและเจ้าหน้าที่ด้านนอกจะไม่มีการสื่อสารกัน

ขณะนี้นักวิชาการกำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตและลักลอบโพยเข้ามา

หลังจากตรวจเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่คุมสอบก็ให้นักวิชาการรับบัตร แล้วปล่อยเข้าไปหาห้องสอบของตัวเอง

ตอนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเซียวเฉวียน มองดูเขาที่ลักษณะมอมแมม แม้แต่เสื่อน้ำมันยังไม่มีเลย อันที่จริงก็อยากจะเตือนเขา แต่พอมองดูคนข้างหลังที่ยืนห่างจากเขาไม่กี่เมตร ขาอยากจะเตือนเขา แต่ทุกคนอยู่ห่างจากเขาไม่กี่เมตร ดูเหมือนก็ไม่ได้เป็นที่ต้องการของเมืองหลวง จึงทำได้แค่โบกมือ แล้วให้เขาเข้าไป

เซียวเฉวียนมาถึงห้องของตัวเอง จึงเตรียมอุปกรณ์เครื่องเขียนของเขา จากนั้นก็รอเวลาสอบ

โดยความเคยชินของคนที่เป็นโรคที่เกิดจากการทำงาน เขาค่อยๆ สังเกตห้องที่เขานั่งอย่างละเอียด ถึงแม้ว่าห้องนี้จะดูเรียบง่าย แถมก้อนอิฐพวกนี้มันฉาบด้วยปูนที่คล้ายกับข้าวเหนียว

ปูนข้าวเหนียว คือ ทำจากข้าวเหนียวที่ต้มแล้ว จากนั้นก็นำข้าวเหนียวมาผสมกับดิน และผสมน้ำมะเฟืองเข้าไป พอได้แบบนี้แล้วมันสามารถทนร้อนทนฝนได้หลายร้อยปี ถือว่าเป็นปูนสมัยใหม่

สมัยก่อน มีแค่สุสานฮ่องเต้และฮ่องเต้เท่านั้นที่สามารถใช้ปูนแบบนี้ได้ แต่ตอนนี้สถานที่การทดสอบระดับชนบทก็ได้ใช้ของที่ดีแบบนี้ มันทำให้เห็นได้ว่าฮ่องเต้ให้ค่ากับคนที่มีพรสวรรค์มากๆ

ขณะที่เซียวเฉวียนกำลังสังเกตกำแพง ก็มีคนเดินผ่านมาทักทายเขา

คนที่ทักทายลักษณะภายนอกเหมือนเจ้าชาย เขามองไปที่เซียวเฉวียนที่อยู่ในห้องเปล่า แล้วพูดว่า "พี่ชาย วันนี้ท้องฟ้าดูอึมครึม เหมือนจะฝนตกนะ เสื่อน้ำมันของพี่อยู่ไหนครับ?"

ภาษากายของผู้ชายคนนี้ ไม่มีลักษณะที่ดูหมิ่น แต่กลับกลายว่าทำหน้าตาขมวดคิ้วและมีแต่ความสงสัย

เซียวเฉวียนจึงตอบกลับว่า "ไม่เป็นไร ข้าไม่กลัวฝน"

ขอแค่เขาเขียนเสร็จเร็ว ฟ้าฝนไม่ทันเขาอยู่แล้ว เซียวเฉวียนยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับความมั่นใจในตัวเขา

แขนเสื้อของเซียวเฉวียนมีรอยเย็บ เสื้อตัวนี้เขาใส่มาเกือบสามปีแล้ว ทุกครั้งที่มีการสอบเซียวเฉวียนจะใส่เสื้อตัวนี้ แถมยังรอยหมึกเก่าที่เคยหยดอยู่บนแขนเสื้อ

ท่าทางของเซียวเฉวียนที่ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้ชายคนนี้สับสนมึนงง หรือว่าคนแบบนี้จะมาทำเรื่องไร้สาระแถวนี้?
แต่พวกพู่กันหมึกและเครื่องเขียนอื่นของเซียวเฉวียนมันถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย มันทำให้เห็นว่าคนๆนี้ระมัดระวังและมีความแน่วแน่

ชายหนุ่มคนนี้ในหัวมีแต่ความสงสัยแล้วถามกลับไปว่า "พี่ชายดูมีความมั่นใจมาก ต้องเป็นคนที่เก่งมากจริงๆ ว่าแต่พี่ชื่ออะไรครับ?"

"นามสกุลของข้าคือเฉวียน ข้าชื่อเซียวติ้ง เจ้าเรียกข้าว่าเซียวเฉวียนก็ได้ เพื่อนๆ ของข้าต่างก็เรียกข้าว่าเซียวเฉวียน "

“ข้าชื่อเว่ยชิง วันนี้โชคดีมากที่ได้รู้จักท่านเฉวียน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

นามสกุลเว่ย หรือว่ามาจากครอบครัวฮ่องเต้? เซียวเฉวียนโค้งคำนับแล้วตอบกลับว่า "ไม่ต้องเกรงใจครับ รบกวนช่วยให้คำแนะนำด้วยนะครับ"

เป็นอะไรที่บังเอิญมาก ห้องของเว่ยชิงก็อยู่ห้องข้างๆ

ทั้งสองคนต่างก็ดีใจที่ได้พบกัน ถ้าไม่ใช่เพราะสอบกำลังจะเริ่ม คิดว่าทั้งสองคนคงย้ายโต๊ะออกมานั่งคุยกันทั้งวันทั้งคืนแล้ว

การสอบที่ต้าเว่ยจัดขึ้นทุกปี แต่ว่าทุกปีก็จะใช้แต่คำถามเดิมๆ ส่วนแรกของปีนี้ ก็ยังคงเป็นสี่หนังสือห้าคัมภีร์

หัวข้อคือความเข้าใจของมหาลัยมีอยู่เพื่อเผยแพร่ความเป็นธรรมของมนุษย์ เป็นสถานที่ทำให้ทุกคนเปลี่ยนแปลงตน ไม่ทำความชั่วเป็นคนดี จนทำให้สังคมนี้มีแค่คนที่มีคุณภาพ

หัวข้อนี้มาจากห้าคัมภีร์ เป็นการเน้นให้นักวิชาการอธิบายการปลูกฝังตัวเอง การปกครองประเทศ และการนำสันติมาสู่โลก

หัวข้อนี้ ฮ่องเต้น่าจะคิดขึ้นมาเอง เจ้าหน้าที่ที่ได้รับเลือกจากราชสำนัก ต้องเป็นคนที่มีความสามารถและมีคุณสมบัติทั้งทางอุดมการณ์ที่ดี ที่ฮ่องเต้ต้องการจะใช้หัวข้อนี้ เพื่อต้องการทดสอบดูว่านักวิชาการกลุ่มนี้มีศีลธรรมต่อตัวเองและประชาชนทั่วไปอย่างไร

ตอนที่เซียนเฉวียนเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาได้ทำธีสิสเกี่ยวกับเรื่องความคิด และเข้าออกพิพิธภัณฑ์อยู่หลายปี เขาเข้าใจความต้องการของฮ่องเต้มานานแล้ว

ดังนั้นเขาจึงหยิบพู่กันขึ้นมาโดยไม่ลังเล เขาเขียนด้วยความตั้งใจ เขียนลงราวกับว่าเขากำลังเขียนตามหนังสือ

ถึงแม้ว่าเซียวติ้งจะสอบไม่ได้มาด้วยตลอด แต่ว่าลายมือของเขาดีมาก

เซียวติ้งกำลังเขียนด้วยความเร็ว เวลาตอนนี้ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เขียนก็ใกล้จะเสร็จแล้ว การเขียนเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความไร้กังวลของเขา

ขณะเดียวกันนั้น บางคนก็ยังคิดหัวข้อไม่แตก ถึงแม้การสอบยังไม่จบ แต่ผู้เข้าสอบก็สามารถรับประทานอาหารได้

หลังจากที่เซียนเฉวียนเขียนถึงตัวสุดท้าย เขาก็หยิบขนมปังข้าวโพดของเขาขึ้นมากิน

ในเวลานี้ข้างนอกเกิดมีลมแรงมาก และเหมือนจะฝนตก เซียนเฉวียนจึงรีบเก็บข้อสอบเพื่อไม่ให้โดนฝน

ฝนของฤดูใบไม้ร่วง ให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและหนาวในเวลาเดียวกัน โชคดีที่เซียนเฉวียนเขียนเสร็จเร็ว แถมเก็บข้อสอบของเขาไว้เรียบร้อย ดังนั้นข้อสอบของเซียนเฉวียนจะไม่มีทางเปียก

ทุกคนยังทำข้อสอบกันต่อ ส่วนที่สอง ก็ยังเป็นการแต่งกลอน ส่วนนี้จะยากกว่าส่วนแรก เซียนเฉวียนนึกถึงบทกลอนของคนที่เคยได้รับรางวัล แล้วเลือกมาเขียนลงกระดาษ

"ส่งข้อสอบได้"

เซียนเฉวียนส่งข้อสอบให้ผู้คุมสอบ ทุกคนตกใจอึ้ง เขาเขียนเสร็จหมดแล้วเหรอ?

เว่ยชิงที่อยู่ข้างๆ ยิ่งตกใจไปใหญ่ เร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

2108